เมื่อ..."เจ้าที่" มาเตือน"เอ้" ดร.นลธวัช พรหมจินดา

เมื่อ..."เจ้าที่" มาเตือน"เอ้" ดร.นลธวัช พรหมจินดา

 

 

 

 


เรื่อง : สุทธิคุณ กองทอง   ภาพ :  สุรจิตร ศิริ

 

เมื่อ..."เจ้าที่" มาเตือน"เอ้" ดร.นลธวัช พรหมจินดา

 

 

ตามคติความเชื่อของคนไทย มีความเชื่อว่า พระภูมิ หรือ ภูมิเทวดา มีหน้าที่รักษาอาณาเขตที่ดินที่เจ้าของได้อัญเชิญมาสิงสถิตบนศาลพระภูมิ เพื่อปกป้องคุ้มครองเจ้าของบ้าน และบริวาร ให้อยู่เย็นเป็นสุข มีความเจริญรุ่งเรือง   ส่วนเจ้าที่หากเรียกกันทั่วไปก็คือ วิญญาณธรรมดา ที่ยังไม่ได้ไปเกิดนั่นเอง

 

สำหรับประสบการณ์ที่เกี่ยวกับ พระภูมิเจ้าที่ นั้น ต่างคนก็ต่างมีประสบการณ์ที่แตกต่างกันออกไป "เอ้" นลธวัช พรหมจินดา(ดร.นนทวัชร์ อนันท์พรจินดา )ประธานกรรมการ บริษัท เอ็ม เฮิร์ม โปรดักท์ จำกัด ก็เป็นอีกผู้หนึ่งที่มีประการณ์กับพระภูมิเจ้าที่ ซึ่งเพิ่งเกิดขึ้นมาเมื่อไม่นานนี้เอง  

 

 "เอ้" นลธวัช เล่าว่า มีอยู่คืนหนึ่ง ได้ทำหน้าที่อ่านข่าวเสร็จประมาณตีหนึ่ง จากนั้นก็ขับรถกลับบ้านที่ปทุมธานี ถึงบ้านประมาณตีสอง อาบน้ำเปิดแอร์เข้านอนตามปกติ นอนผ่านไปประมาณ 2 ชั่วโมง มีความรู้สึกว่า ทำไมแอร์ถึงร้อน ก็เลยเปิดๆ ปิดๆ รู้สึกว่า แอร์ยังร้อนมาก เลยปิดแอร์ไปเลย เพราะง่วงนอนมาก

 

 หลังจากนอนหลับไปได้ไม่นาน ได้ยินเสียงคนมาแคะประตูที่จะออกไปหน้าระเบียง ความรู้สึกเวลานั้นได้ยินเสียงเปี๊ยะๆ ความรู้สึกตรงนั้นคิดว่า มีคนมาเคาะแบบนี้ น่าจะเป็นขโมย จึงไม่กลัวอะไร

 ทันใดก็เปิดประตูออกไป ก็เห็นไฟลุกท่วมแอร์ ยิ่งฝาบ้านเป็นไม้เชอร่าก็ทำให้ติดไฟอย่างรวดเร็ว บอกตามตรงว่าในใจเวลานั้นไม่ได้ตื่นตระหนกอะไร แล้วไม่เรียกให้ใครมาช่วย เพราะมีสติอยู่ตลอดเวลา

 

 แต่ทั้งนี้อาจจะเป็นความบังเอิญอย่างไรไม่รู้ ได้เอาบันไดลิงมาพาดเอาไว้พอดีที่เราสามารถขึ้นไปฉีดน้ำได้ พอเห็นอย่างนั้นก็ปีนขึ้นไปพร้อมกับสายยางฉีด เกิดไฟลุกไหม้แอร์ที่ใช้ในห้องนอนจนดับสนิท สันนิษฐานว่า น่าจะเกิดจากช่างไฟต่ออุปกรณ์แอร์ไม่ค่อยดี ทำให้ขั้วของสายไฟช็อตและทำให้ไฟลุกไหม้บริเวณนั้น แต่ยังหาคำตอบไม่ได้ว่า ใครมาเคาะเรียกให้ตื่น

 

 "มาถึงวันนี้ ผมก็ไม่รู้ว่าใครมาเคาะประตู ใจหนึ่งผมก็คิดว่าคงเป็นเจ้าที่หรืออะไรบางอย่างที่เรามองไม่เห็น สมมติว่าไฟมีปัญหาจริง แต่ทำไมเซฟทีคัตไม่ตัด แล้วสมมติว่าผมเอาน้ำไปฉีดจ่อที่ไฟใกล้ๆ ผมก็จะต้องโดดไฟดูดแน่ๆ แต่วันนั้นผมไม่ตกใจอะไรเลย พอดับไฟเสร็จก็กลับมานอนเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น อะไรก็ตาม ที่เกิดขึ้นอย่างนี้คงบอกอะไรมากไม่ได้ ตรงนี้ก็เชื่อเหลือเกินว่า เป็นผลมาจากการทำกรรมดีของเรา แล้วครั้งก่อนผมไปช่วยแสดงละครการกุศล ที่เขาพนมรุ้ง ผมก็ตกหินชันสูงประมาณ ๔ เมตร แต่ผมก็ไม่เป็นอะไร" เขาเชื่อว่ากรรมดีช่วยให้ร้ายกลายเป็นดี

 

 นอกจากนี้แล้ว "เอ้" นลธวัช ยังเป็นคนเชื่อในเรื่องของกฎแห่งกรรมด้วยว่า ใครทำธุรกิจแล้วฉ้อโกง ผลสุดท้ายชีวิตก็จะมีปัญหาตามมามากมาย บางคนมีเงินมากมาย แต่ก็ต้องนำเงินที่โกงเขา มารักษาโรคภัยที่เกิดขึ้น ชีวิตที่ประสบความสำเร็จทางด้านธุรกิจมาได้ คิดว่ามาจากการคิดดี พูดดี ทำดีให้ตัวเอง ก็เป็นกรรมดี รวมทั้งเผื่อแผ่บุคคลรอบข้างมาอย่างต่อเนื่อง เหมือนเป็นการต่อยอดให้ชีวิตเราประสบความสำเร็จ

 

 "เอ้" นลธวัช บอกด้วยว่า วันหนึ่งเหมือนเป็นสิ่งน่าแปลกอย่างมาก เมื่อมีคนที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน เป็นเจ้าของร้านนาฬิกานำภาพองค์เจ้าแม่กวนอิมมาให้บูชา บอกเพียงว่าเขาประสบความสำเร็จทางด้านธุรกิจ เพราะภาพเจ้าแม่กวนอิมทำให้ชีวิตมีเงินเป็นร้อยล้านแล้ว ใครมีไว้จะประสบความสำเร็จในธุรกิจ อยากได้อะไรก็ให้ขอ แล้วจะสมหวัง

 

 วันแรกทดสอบ ขอให้ประสบความสำเร็จกับยอดขายของธุรกิจ ในอานุภาพแห่งความดี เชื่อไหมว่า ได้ยอดขายจากประเทศลาวเข้ามาเป็นตัวเลขหลักล้าน ความสำเร็จตรงนี้จึงไม่สามารถนำภาพเจ้าแม่กวนอิมแขวนติดตัวได้ เพราะภาพองค์ท่านใหญ่มาก ดังนั้น คิดได้ว่าคนเราไม่ว่าจะอยู่ตรงไหน ขอให้เรามีสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจ อยากให้นำวัตถุมงคล หรือพระเครื่อง พระพุทธรูป มาเป็นพระในใจ ทุกอย่างให้อยู่ในความรู้สึก เหมือนเป็นแก้วอยู่ในหัวใจเรา ด้วยเหตุนี้จึงไม่แขวนพระเครื่องแล้ว

 

 "ทุกวันนี้ทุกๆ คืน ผมจะต้องสวดมนต์ทั้งเล่มใช้เวลาประมาณ ๓๐ นาที ถือว่าเป็นการทำสมาธิไปในตัว การสวดมนต์เป็นการเชื่อมโยงให้เรายึดมั่นในการทำความดี แผ่เมตตาให้เจ้ากรรมนายเวร เราคิดดีทำดี ไม่เบียดเบียนสัตว์ เราทำแบบนี้เป็นประจำก็ทำให้เรามีสิ่งดีๆ ในชีวิต รวมทั้งเขาว่า ไปไหว้พระ ๙ วัดในกรุงเทพฯ แล้วจะดี ผมก็ทำ ผมคิดว่าสิ่งเหล่านี้เป็นการเติมเต็มชีวิตและจิตใจเรานั่นเอง" "เอ้" ดร.นลธวัช กล่าวทิ้งท้าย