ธรรมะ... พลิกชีวิตบุ๋ม-รัญญา จาก..."หน้ามือเป็นหลังเท้า"

ธรรมะ... พลิกชีวิตบุ๋ม-รัญญา จาก..."หน้ามือเป็นหลังเท้า"

 

 

 

เรื่อง  : สุทธิคุณ    กองทอง   ภาพ :  พีระรัตน์ ธรรมจง

 

ธรรมะ... พลิกชีวิตบุ๋ม-รัญญา จาก..."หน้ามือเป็นหลังเท้า"

 

ชีวิตบุ๋มเคยมีคนรักแล้วก็ผิดหวังอย่างรุนแรงถึง ๒ ครั้ง ครั้งแรกเกือบได้แต่งงาน มีครอบครัวสมบูรณ์ แต่เมื่อฝ่ายชายเขากำลังจะไป แต่งงานกับผู้หญิงอื่น ความฝันความหวัง ที่วาดไว้ก็พังทลายไป ทำให้เกิดความเสียใจ ไม่เป็นอันทำอะไรเลย กระทั่งคิดว่าชีวิตนี้เราอยู่เพื่ออะไร ถ้าเราไม่มีชีวิตอยู่ในโลกใบนี้ น่าจะมีความสุขกว่านี้ แต่แล้วมีคนใกล้ชิด ให้ลองไปปฏิบัติธรรมกับ คุณแม่สิริ กรินชัย ที่ยุวพุทธิกสมาคม แห่งประเทศไทย ความรู้สึกไม่ดีต่อ โชคชะตาก็ได้มะลายหายไป นับแต่นั้นเป็นต้นมา จึงเห็นถึงคุณค่าแห่งชีวิต"

นี่เป็นความสุขที่เกิดจาก การปฏิบัติธรรมของ "บุ๋ม" รัญญา ศิยานนท์ ดารานักแสดงชื่อดัง

 

บุ๋ม เล่าว่า ความรักครั้งแรกเหมือนจะสวยงามลงตัวถึง ขั้นวางโครงการจะแต่งงานกัน แต่แล้วเหตุการณ์ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อผู้ชายบอกปัดจะไม่แต่งงาน เชื่อไหมว่าคำพูด ชายผู้จะเป็นเจ้าบ่าวยังคงก้องอยู่ในใจ ความรู้สึกต้องบอกว่าเจ็บปวดมาก

 

หลังจากนั้นเริ่มทำใจได้ก็มีผู้ชายต่างชาติ อีกคนเข้ามาในชีวิต โดยเขาแต่งงานมีลูกสองคน แต่เลิกกันแล้ว กว่าจะตกลงเป็นแฟนกันก็ใช้เวลา ประมาณหกเดือน และทุกอย่างก็จบลง เมื่อเขามีผู้หญิงใหม่ มรสุมรักทั้ง ๒ ครั้งนี้เองถึงกับเคยตัดสินใจฆ่าตัวตาย

 

เมื่อได้เดินเข้าสู่การอบรมฝึกปฏิบัติธรรม วิปัสสนากรรมฐาน หลักสูตร การพัฒนาจิตให้เกิดปัญญาและ สันติสุข เป็นเวลา ๗ วัน ตามแนวการสอนของคุณแม่สิริ (ดร.สิริ กรินชัย) ซึ่งเป็นหลักสูตร การเจริญสติ-สมาธิ เพื่อพัฒนาตนเองพัฒนางาน รวมทั้งหลักสูตร การเจริญสติกำหนด รู้ปัจจุบันในชีวิต เมื่อเริ่มฝึกเทคนิคเหล่านี้ ก็ทำให้เข้าใจถึงกับ ยอมรับความเป็นจริงของชีวิต ชีวิตที่เป็นคนใจร้อน โกรธโมโหง่าย มีอารมณ์แปรปรวนตลอดเวลาก็ลดลงเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี บุ๋ม ยอมรับว่า ครั้งแรกของการปฏิบัติธรรมยังไม่เข้าใจว่า การอยู่กับปัจจุบัน คืออะไร แต่ฝึกไปได้สักระยะก็เข้าใจว่า คนเราเป็นทุกข์เพราะเสียดายอดีตที่ผ่านมา หลายคนก็ต้องการ แก้ไขอดีตให้ดีขึ้น แต่เมื่อได้ฝึกปฏิบัติ การเคลื่อนไหวของกายและจิต ให้เป็นปัจจุบันและ ต่อเนื่อง ฝึกทบทวนการเดินจงกรมนั่งสมาธิ

 

 การเจริญสติได้ระยะหนึ่ง ทำให้เข้าใจและรู้สภาวะธรรม ทางทวารทั้ง ๖ (ตา, หู, จมูก, ลิ้น, กาย และ ใจ) และรู้เท่าทันอารมณ์ที่เกิดขึ้นที่จิตตามความเป็นจริง ทุกข์ทุกอย่างเกิดจากตัวเรา ถ้าลืมตัว สติมาช้า ก็ทำให้ชีวิตเป็นทุกข์ "เราอยากเก็บเงินเพื่อ จะได้ซื้อในสิ่งที่ต้องการ พอทำไม่ได้ก็ทำให้ทุกข์ใจ ทำให้เข้าใจว่า การอยู่กับปัจจุบันก็คือตอนนี้เราทำอะไรอยู่ เรานั่งอยู่นะ เช่น นั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ เรานั่งแล้วสิ่งที่สัมผัสเราคืออะไร ถ้ามันเป็นความแข็ง ทำไมมันถึงแข็ง เพราะก้นเรานิ่ม ถ้าเราเจ็บมันก็คือธรรมชาติ เพราะเรามานั่งที่แข็ง แต่ถ้าไม่อยากเจ็บก็ต้องไปนั่งที่นุ่ม อยากได้บ้านได้รถก็เป็นทุกข์เพราะต้องผ่อน ดังนั้นการปฏิบัติธรรม ก็เป็นเหมือนกับการเคาะสนิมชีวิต นำสิ่งไม่ดีออกไป และคิดว่าการปฏิบัติธรรมเปลี่ยนชีวิต จากหน้ามือเป็นหลังเท้า" นี่คือผลที่ได้จากการปฏิบัติธรรมของบุ๋ม

 

บุ๋ม เล่าต่อว่า ก่อนหน้านี้ได้เข้ามาปฏิบัติธรรมตั้งแต่อายุ ๑๖ ปี เนื่องจากป่วย มีอาการปวดท้องเป็นระยะ รักษานับเดือนก็ไม่หาย แพทย์หา สาเหตุอาการป่วยไม่ได้ กระทั่งมีญาติแนะนำให้ไป บวชชีพราหมณ์ เมื่อได้ไปปฏิบัติธรรม ณ วัดศิริเสาธง กิ่ง อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ จำได้ว่าเหมือนกับ อธิษฐานเอาไว้ในใจว่า ขอให้หายป่วยจากโรคอะไรที่ว่านี้ เป็นเรื่องแปลกเมื่อ ปฏิบัติธรรมแล้ว อาการป่วยก็หาย และพฤติกรรมก้าวร้าว พูดจาหยาบคายก็เริ่มลดลงตามลำดับ

 

การหายจากอาการป่วยครั้งนั้น คิดว่าเป็นเพราะมีความเครียด ซึ่งทำให้ลำไส้บิดตัว พอได้ปฏิบัติธรรมร่างกายได้พักผ่อน เดิน นั่ง นอนเป็นขั้นเป็นตอนเป็นระบบ ไม่มีเรื่องอะไรต้องครุ่นคิดให้เกิดความหนักใจ ด้วยเหตุนี้เมื่ออาการป่วยหายจึงได้ตั้งใจว่า หากถึงเดือนเกิดของทุกปีจะมาปฏิบัติธรรม โดยยึดปฏิบัติมากว่า ๒๐ ปีแล้ว

 

เมื่อถามถึงเหตุการณ์เฉียดตาย บุ๋ม บอกว่า ชีวิตรอดตายจากอุบัติเหตุ นับครั้งไม่ถ้วน ขนาดรถยนต์พลิกคว่ำหลายตลบ กระเด็นออกจากตัวรถ หลายเมตรก็ไม่มีอาการบาดเจ็บใดๆ เลย ส่วนคนอื่นๆ ได้รับบาดเจ็บสาหัส และล่าสุดได้เดินทางไป ประเทศเนปาล ในช่วงที่กำลังมีการประท้วงครั้งใหญ่ เมื่อถึงเวลาต้องเดินทาง กลับประเทศไทย ไม่มีตั๋วเครื่องบิน ต้องรอคำตอบจากทางสนามบิน แต่จะด้วยความบังเอิญหรือ ความโชคดี ปรากฏว่าวันนั้นมีตั๋วว่าง ก็ได้เดินทางกลับเมืองไทยได้อย่างปลอดภัย

 

"สมัยก่อนเป็นคนชอบแก้วของโรงแรมต่างๆ มากเลย เวลาปลอดจาก คนจะขโมยใส่กระเป๋าที่ค่อนข้างใบใหญ่กลับบ้าน เป็นเรื่องที่น่าแปลกมาก เพราะยังไม่ทันถึงบ้าน เชื่อไหมว่าแก้วใบนั้นแตก แล้วบาดเข้าที่มือ ทำให้เข้าใจว่าของที่ได้มาไม่บริสุทธิ์ จะมีผลต่อชีวิตของเรา เป็นกรรมที่เราจะต้องชดใช้ ถ้าคนเราไปฆ่าคนอื่นตาย ก็ยิ่งเป็นการเพิ่มกรรมไม่ดีเป็นทวีคูณ ทุกวันนี้เคยสังเกตตัวเองไปแกล้งใคร ด้วยการผลักคนอื่นแบบเล่นๆ เพียงชั่วระยะเวลาอันสั้น เดินไปหัวก็จะไปชนกับประตู หรือขนาดเบี้ยวงานโกหกว่าไม่สบายท้องเสีย เชื่อไหมวันนั้นท้องเสียทั้งวันจริงๆ" นี่คือคำสารภาพของรัญญา