แดนมหัศจรรย์ วัดพระธาตุผาเงา

แดนมหัศจรรย์ วัดพระธาตุผาเงา

 

 

 ท่องแดนธรรม  เรื่อง : สุทธิคุณ  กองทอง   ภาพ : ยอดชาย กองทอง
 
แดนมหัศจรรย์ วัดพระธาตุผาเงา
 
นิตยสาร เชนจ์ อินทู CHANGE into Magazine
http://changeintomag.com/index.php/change

วัด
พระธาตุผาเงา วัดพระธาตุผาเงาตั้งอยู่บนฝั่งแม่น้ำโขงทางด้านทิศตะวันตก
ตรงข้ามกับประเทศลาว อยู่ในหมู่บ้านสบคำ ต.เวียง อ.เชียงแสน จ.เชียงราย
อยู่ทางทิศใต้ของตัวอำเภอเชียงแสนประมาณ 3 กิโลเมตร  ร่วมกันสักการะ
พระธาตุโบราณ 3 องค์ เนินเขาข้างล่าง เป็นที่ตั้งของพระธาตุผาเงา
ที่สร้างไว้บนหินก้อนใหญ่ ถัดจากนั้นสูงขึ้นไป 300 เมตร เป็นซากเจดีย์
สูงประมาณ 5 เมตร ชาวบ้านเรียกว่าพระธาตุจอมจัน
ส่วนที่สูงที่สุดของเนินเป็นที่ตั้งของซากเจดีย์อีกองค์หนึ่ง สูงประมาณ 5
เมตรเช่นกัน ชาวบ้านเรียกว่า พระธาตุเจ็ดยอด
ต่อมาทางวัดได้สร้างพระบรมธาตุพุทธนิมิตเจดีย์ครอบองค์พระธาตุเจดีย์เดิมไว้
แต่ก็ยังสามารถมองเห็นซากของพระเจดีย์เจ็ดยอดได้
ย้อนกลับไปจากวัดร้าง
เป็นวัดปกติ เมื่อมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
ทางกรมการศาสนาจึงได้ประกาศยกเลิกฐานะวัดร้างให้เป็นวัดปกติทั่วไปที่มีพระ
ภิกษุสงฆ์สามเณรอยู่จำพรรษา ตั้งแต่ วันที่ 22 ตุลาคม 2522 มีเจ้าอาวาสรวม 3
รูป คือ 1. พระอาจารย์คำแสน คมฺมภีโร 2. พระอาจารย์วัณชัย สีลวณฺโณ
3.พระพุทธิญาณมุนี  เจ้าอาวาสองค์ที่ 3
ท่านเป็นพระนักพัฒนาและมีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล
ท่านได้ดำเนินการตามแผนการพัฒนาวัดที่ท่านเจ้าอาวาสองค์แรกได้ถือปฏิบัติมา
ตั้งแต่ต้น
 
พระพุทธิญาณมุนี เล่าว่า จากพงศาวดารโยนกบอกว่า
ขุนผาพิงหรือขุนพิง (พระองค์พิง) ผู้ครองนครโยนก องค์ที่ 23 ช่วงปี พ.ศ.
494-512 เป็นผู้สร้างเจดีย์ไว้บนหินก้อนใหญ่ที่เชิงเขาดอยจันทร์
ซึ่งเข้าใจว่าหมายถึงพระธาตุผาเงาในวัดนี้
พระธาตุผาเงาได้ชำรุดทรุดโทรมลงมาก คาดว่าน่าจะมีการบูรณะมาบ้าง
เพราะพระธาตุองค์นี้ตั้งอยู่ที่ลาดต่ำสุดของภูเขา
ซึ่งง่ายต่อการดูแลซ่อมแซม

ต่อมาภายหลัง
เมื่อขุนลังได้ขึ้นครองเมือง "เวียงเปิกสา" (เมืองเชียงแสนปัจจุบันนี้)
ช่วงปี พ.ศ. 996-1007
พระองค์ได้ชักชวนไพร่บ้านชาวเมืองทั้งหลายให้ช่วยกันสร้างเจดีย์ไว้บนยอดดอย
คำ ซึ่งปัจจุบันชาวบ้านเรียกว่าตอดจันทร์
เจดีย์ที่ว่านี้หมายถึงพระธาตุจอมจันและพระธาตุเจ็ดยอด เจดีย์ทั้ง 2
องค์นี้ถูกภัยธรรมชาติทำลาย
เช่นถูกแดด-ฝนและลมพัดทำลายมานับพันปีจนเหลือแต่ซากฐานไว้ประมาณ 5 เมตร
ประกอบกับช่วยนั้นภาวะเศรษฐกิจอาจจะฝืดเคืองจนทำให้ชาวบ้านทอดทิ้งศาสนาขาด
การดูแลเอาใจใส่และที่ฐานองค์พระเจดีย์ทั้งสองก็มีรอยขุดเจาะ
อาจจะเป็นฝีมือของพวกนักสะสมของเก่าเสาะแสวงหาโบราณวัตถุก็เป็นได้

ส่วน
ชื่อของวัดนี้มาจากชื่อของพระธาตุผาเงา ที่ตั้งอยู่บนยอดหินก้อนใหญ่
คำว่าผาเงาคือ เงาของก้อนผา (ก้อนหิน)
หินก้อนนี้มีลักษณะสูงใหญ่คล้ายรูปทรงเจดีย์และให้ร่มเงาได้ดีมาก
ชาวบ้านจึงตั้งชื่อว่า "พระธาตุผาเงา" ความจริงก่อนที่จะย้ายวัดมาที่นี่
เดิมมีชื่อว่า "วัดสบคำ" ตั้งอยู่บนฝั่งแม่น้ำโขง ฝั่งน้ำได้พังทลายลง
ทำให้บริเวณของวัดพังลงใต้น้ำโขงเกือบหมดวัด คณะศรัทธา
จึงได้ย้ายวัดไปอยู่ที่ใหม่บนเนินเขา ซึ่งไม่ไกลจากวัดเดิม

ตอนแรก
สันนิฐานว่าบริเวณเนินเขาเล็กๆ ลูกนี้
ที่กำลังแผ้วถางอยู่นี้จะต้องเป็นวัดเก่าแน่
เพราะได้พบซากโบราณวัตถุกลาดเกลื่อนไปทั่วบริเวณ ในเดือนกุมภาพันธ์ 2519
จึงได้ลงมือแผ้วถางป่า แต่เดิมที่แห่งนี้เคยเป็นถ้ำเรียกว่า "ถ้ำผาเงา"
ปากถ้ำถูกปิดไว้นาน
ทำให้บริเวณแห่งนี้เป็นป่ารกชัฎเต็มไปด้วยซากโบราณวัตถุกระจัดกระจายอยู่
กลาดเกลื่อนเต็มไปหมด มีชิ้นส่วนใหญ่อยู่ชิ้นหนึ่งเป็นพระพุทธรูปครึ่งองค์
ช่วงล่างหน้าตักกว้าง 4 วา เชื่อว่าเป็นพระประธานในวิหาร
คณะศรัทธาจึงตั้งใจบูรณะปฏิสังขรณ์ให้สมบูรณ์เหมือนเดิม

วันที่ 28
กุมภาพันธ์ 2519 นายจันทรา พรมมา
หนึ่งในคณะศรัทธาทั้งหมดที่เริ่มบุกเบิกแผ้วถางป่า
ได้นอนหลับและฝันในเวลากลางคือว่า มีพระภิกษุรูปหนึ่ง รูปร่างสูง-ดำ
มาบอกว่า "ก่อนที่จะยกชิ้นส่วนองค์พระประธานที่เหลือครึ่งองค์ออก
ให้ไปนิมนต์พระมา 8 รูป ทำพิธีสวดถอนเสียก่อน
แล้วจะได้พบสิ่งมหัศจรรย์ยิ่งกว่านี้" วันที่ 1 มีนาคม 2519
จึงมีการทำพิธีสวดถอนทันที
กระทั่งวันที่ 17 มีนาคม 2519 เวลา 14.00 น.
เมื่อคณะศรัทธาได้ปรับพื้นที่เรียบร้อยแล้ว ทุกคนต่างตื่นเต้นและปิติยินดี
เมื่อได้พบว่าใต้ตอไม้นั้น (หน้าฐานพระประธาน) มีอิฐโบราณก่อเรียงไว้
เมื่อยกอิฐออกก็พบหน้ากาก (แผ่นทึบ) ก่อกั้นไว้ เมื่อเอาหน้ากากออก
จึงได้พบพระพุทธรูปที่มีลักษณะสวยงามมาก ผู้เชี่ยวชาญโบราณวัตถุ
วิเคราะห์ว่า พระพุทธรูปองค์นี้มีอายุระหว่าง 700-1,300 ปี
คณะทั้งหมดจึงได้พร้อมกันตั้งชื่อพระพุทธรูปองค์นี้ว่า "หลวงพ่อผาเงา"
และเปลี่ยนชื่อวัดใหม่เป็น "วัดพระธาตุผาเงา" ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา


พระนักอนุรักษ์ผืนป่า
พระ
พุทธิญาณมุนี เจ้าอาวาสวัดพระธาตุผาเงา และเจ้าคณะอำเภอเชียงแสน
ในวัยหนุ่มอายุ 24 ปี ชื่อ ประเสริฐ สินสอน ซึ่งเกิดและเติบโตที่บ้านสบคำ
หมู่ 5 ต.เวียง อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ได้บวชตามประเพณี วันที่ 25 มิถุนายน
พ.ศ.2525 เพื่อเป็นผลบุญแก่พ่อผูและแม่ปิน ณ พัทธสีมา วัดผ้าขาวป้าน
ต.เวียง อ.เชียงแสน ได้ฉายาว่า "ปัญญาวชิโร"
เมื่อท่านได้ศึกษาพระ
ไตรปิฎก เข้ากรรมฐาน และเดินธุดงค์ในผืนป่าอันหนาทึบในเขต อ.เชียงแสน
เชียงของ และเวียงแก่น ท่านอธิษฐานที่จะเดินเท้าเปล่า
อุ้มบาตรและแบกกลดตลอดการธุดงค์
โดยทำตามคำสอนของพระพุทธเจ้าซึ่งพระสงฆ์ไปอยู่ในป่า
เหมือนที่พระองค์ทรงหนีออกจากวังไปสู่ป่า เพื่อแสวงหาวิโมกขธรรม

เมื่อ
โยมพ่อ โยมแม่มาตามให้สึกไปช่วยทำงาน ท่านยิ่งหลีกหนี จาริกไปในป่านานนับปี
เดินตั้งแต่เช้าตรู่จนค่ำมืด จนฝ่าเท้าแตก บวมเป่ง เจ็บก็เจ็บ หนักก็หนัก
ได้รู้ถึงความทุกข์อย่างยิ่ง เกิดความกตัญญูต่อแม่ที่อุ้มท้องนาน 9-10
เดือน กว่าบุตรจะคลอด และรู้คุณของพ่อซึ่งทำงานหนักเพื่อเลี้ยงดูลูก
การ
ธุดงค์ในป่าทำให้ได้เห็นธรรมชาติ เห็นการเป็นอยู่ของสัตว์ต่างๆ
ท่านจึงตัดสินใจที่จะบวชต่อ
เพราะคิดว่าชีวิตนักบวชทำประโยชน์มากกว่าชีวิตฆราวาส
และในที่สุดก็มาจำพรรษาที่วัดพระธาตุผาเงา  อีกทั้งหากไม่ได้เดินธุดงค์
ปฏิบัติกรรมฐานในป่าจะไม่รู้รสชาติของการบวชอย่างแท้จริง
การไม่มีอะไรทำให้ชีวิตเบาสบาย
สมบัติที่มนุษย์มีอยู่ขณะนี้ล้วนเป็นส่วนเกินทั้งสิ้น
ทุกครั้งที่เห็น
ป่าไม้สูญเสียไปเพราะการขยายตัวของชุมชน
ผืนป่าและสัตว์ที่มีคุณค่าถูกทำลายลงมาก
ท่านรู้สึกสลดใจตั้งใจอยู่ในสมณเพศอย่างต่อเนื่อง ฉันมื้อเดียว ฉันในบาตร
ไม่ใส่รองเท้า เป็นเวลา 10 กว่าปี
มุ่งมั่นใช้ธรรมะสอนให้ชาวบ้านเคารพธรรมชาติ
ท่านคิดว่าถ้าไม่มีการให้ความรู้และสร้างจิตสำนึกในการอนุรักษ์ทรัพยากร
ธรรมชาติไว้ คงต้องเกิดภัยพิบัติแก่ชุมชนและรุ่นลูกหลานเป็นแน่
ดังนั้น
จึงใช้บทบาทพระสงฆ์และวัดดึงคนให้มีศรัทธาในพระรัตนตรัย
ให้เข้าถึงวัดสร้างวัดให้มีความร่มรื่นด้วยธรรมชาติ ให้วัดเป็นที่พึ่งทางใจ
เป็นแสงสว่างแห่งปัญญา สามารถพลิกฟื้นผืนป่าดอยจันแห่งนี้
ให้กลับมาอุดมสมบูรณ์อีกวาระหนึ่ง เพื่อแก้ปัญหาต่างๆในชุมชน
เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของชาวบ้านให้อยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่างสมดุล
มีความสุขตามอัตภาพจนถึงรุ่นลูกหลาน  พระพุทธิญาณมุนี 
กล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า “อย่าทิ้งศีลและทิ้งธรรม ศีลธรรมทิ้งไม่ได้ 
เพราะสิ่งเหล่านี้จะทำให้เราพ้นทุกข์ อย่าจมอยู่กับความทุกข์
ยิ่งได้สวดมนต์ก็ยิ่งทำให้คนเรามีสติ สิ่งสำคัญเราต้องรู้จักคำว่า พอเพียง
ด้วย ปฏิปฐา.....”
 
วัดพระธาตุผาเงา 391 หมู่ 5 บ้านสบคำ ต.เวียง อ.เชียงแสน จ.เชียงราย 57150 โทรศัพท์  05-377-1151