ททท. เปิดตัวโครงการ “เก๋ายกก๊วน…ชวนเที่ยวไทย” ปี 2 ชวนกลุ่มผู้สูงวัย ท่องเที่ยวเมืองไทยได้แบบง่ายๆ ใน 5 ภูมิภาคทั่วประเทศ

ททท. เปิดตัวโครงการ “เก๋ายกก๊วน…ชวนเที่ยวไทย” ปี 2 ชวนกลุ่มผู้สูงวัย ท่องเที่ยวเมืองไทยได้แบบง่ายๆ ใน 5 ภูมิภาคทั่วประเทศ

 

 

 

 

ททท. เปิดตัวโครงการ “เก๋ายกก๊วน…ชวนเที่ยวไทย” ปี 2
ชวนกลุ่มผู้สูงวัย ท่องเที่ยวเมืองไทยได้แบบง่ายๆ ใน 5 ภูมิภาคทั่วประเทศ

 

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เอาใจหนุ่ม-สาววัยเก๋า เปิดตัวโครงการ “เก๋ายกก๊วน...ชวนเที่ยวไทย” ชวนผู้สูงวัยที่มีใจรักในการท่องเที่ยว ให้หันมาท่องเที่ยวในประเทศเพิ่มมากขึ้น พร้อมแนะนำเส้นทางและแผนการเดินทางท่องเที่ยวแบบสบายๆ ใน 5 ภูมิภาคทั่วประเทศ

นายสมชาย ชมภูน้อย ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคตะวันออกเฉียงเหนือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ททท.เล็งเห็นถึงความสำคัญของการท่องเที่ยวในแต่ละช่วงวัย ตั้งแต่กลุ่ม Gen-X กลุ่มวัยทำงาน กลุ่มผู้สูงวัย (Silver Age) ซึ่งสอดคล้องกับแผนการขยายตลาดการท่องเที่ยวของ ในปี 2561 ที่จะเน้นทำการตลาดแบบเฉพาะกลุ่มเพิ่มมากขึ้น หนึ่งในกลุ่มที่เราจะเน้นในปีนี้ คือ กลุ่มนักท่องเที่ยวสูงวัย หรือกลุ่มวัยเก๋า ที่มีอายุตั้งแต่ 55 ปี ขึ้นไป เรามองว่ากลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่มีพร้อมในทุกด้าน ทั้งเรื่องการเงิน เวลา อีกทั้งยังมีความคิด มีเหตุมีผล และมีความเข้าใจในวัฒนธรรม จารีตประเพณีในแต่ละท้องถิ่นเป็นอย่างดี ที่สำคัญเป็นกลุ่มที่พร้อมจะใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยว ถือเป็นกลุ่มเป้าหมายที่มีประสิทธิภาพสูง

สอดคล้องกับผลการวิจัยกลุ่มนักท่องเที่ยวของ ททท. ที่ผ่านมาพบว่ากลุ่มดังกล่าวมีอัตราการเดินทางท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น มีความต้องการใช้ชีวิตในการออกเดินทางท่องเที่ยวหลังเกษียณงานจากราชการ ประกอบกับปัจจุบันประเทศไทยมีการเปลี่ยนแปลงของสัดส่วนจำนวนผู้สูงอายุเพิ่มมากขึ้น ส่งผลทำให้กลุ่มผู้สูงวัย มีรูปแบบการใช้ชีวิต และมีพฤติกรรมการท่องเที่ยวที่เปลี่ยนแปลงไป เริ่มมีความสนใจในการเดินทางที่หลากหลายมากขึ้น เรามองว่าหากได้ท่องเที่ยวไปยังสถานที่ต่างๆ จะส่งผลดีต่อผู้สูงอายุ ทำให้เกิดการเรียนรู้ในสิ่งใหม่ๆ ได้สนุกสนาน

นายสมชาย กล่าวต่อว่า ปีนี้ถือเป็นปีที่ 2 ที่ทาง ททท. ได้ส่งเสริมการท่องเที่ยวในกลุ่มผู้สูงวัย (Silver Age) โดยมุ่งเน้นให้นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ได้รับประสบการณ์ คุณค่า(Value proposition) ของสินค้าทางการท่องเที่ยว เราจึงได้เปิดตัวโครงการ “เก๋ายกก๊วน ชวนเที่ยวไทย” ภายใต้แนวคิด “วัยเก๋า ไม่ใช่วัยที่ไปเที่ยวไหนไม่ได้” โดยได้เตรียมความพร้อมสำหรับกลุ่มวัยเก๋า ไว้อย่างลงตัว เพื่อให้สามารถท่องเที่ยวได้อย่างมีความสุขและเหมาะสม ซึ่งจะแนะนำตั้งแต่เรื่องของการเตรียมความพร้อมก่อนเดินทาง แผนการเดินทาง การเตรียมร่างกาย และที่สำคัญคือ เส้นทางในการท่องเที่ยวที่น่าประทับใจใน 5 ภูมิภาค ทั้งภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้

โดยการให้กลุ่มผู้สูงวัย (Silver Age) เดินทางท่องเที่ยวกับก๊วนเพื่อนที่ถูกคอถูกใจวัยเดียวกัน รวมถึงสมาชิกในครอบครัวกลุ่ม Gen-X ก็สามารถเดินทางไปในสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ซึ่งเส้นทางที่เราแนะนำ จะเป็นเส้นทางท่องเที่ยวที่มีความเหมาะสม และยังเป็นสุดยอดเส้นทางสายหลักในแต่ละภูมิภาค เพื่อให้กลุ่มวัยเก๋า ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเล็กๆ หรือกลุ่มใหญ่ ได้เริ่มต้นท่องเที่ยวตามเส้นทางนี้ได้อย่างง่ายๆ พร้อมรูปแบบกิจกรรมที่หลากหลาย อาทิ ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและกีฬา งานประเพณี ศาสนา สปา ชมศิลปวัฒนธรรม วิถีชีวิตชุมชน รวมทั้งกิจกรรมแบบ Exclusive Trip เฉพาะสำหรับวัยเก๋า เป็นจุดนำเสนอขายให้กับกลุ่มผู้สูงวัย เพื่อสร้างประสบการณ์ท่องเที่ยวใหม่ๆ กระตุ้นการออกเดินทางท่องเที่ยวของกลุ่มผู้สูงวัย และเพิ่มการใช้จ่ายจากการเดินทางท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น

สำหรับเส้นทางท่องเที่ยวที่น่าสนใจ ที่วัยเก๋าสามารถตะลุยเที่ยวไปยังเส้นทางแนะนำต่างๆ ได้ตามสไตล์ของแต่ละภาค
“เก๋ายกก๊วน ชวนเที่ยวภาคเหนือ” เที่ยวแบบเป็นหมู่คณะ จะมีเส้นทางขับรถเที่ยววัด ลำปาง-ลำพูน-เชียงใหม่, เส้นทางขับรถเที่ยวล้านนาตะวันออก เชียงราย-น่าน-พะเยา-เชียงราย, เส้นทางขับรถเที่ยวกำแพงเพชร-สุโขทัย-ศรีสัชนาลัย และเส้นทางขับรถเที่ยววงรอบ เชียงใหม่-แม่ฮ่องสอน เก๋าสบายๆ เที่ยวหลากหลายสไตล์ภาคกลาง” เก๋ายกก๊วน ชวนเที่ยวสุพรรณบุรี นครปฐม, เส้นทางเก๋ายกก๊วนชวนเที่ยว “เมืองพรหม ๔ น่า” (ลพบุรี-อ่างทอง-สิงห์บุรี-ชัยนาท), เก๋ายกก๊วนชวนเที่ยว ไหว้พระอยุธยามหามงคล และ เก๋ายกก๊วนชวนเที่ยว ไหว้พระ ๑๑ วัดรัตนโกสินทร์ เก๋ายกก๊วนชวนเที่ยวภาคตะวันออก” จะชวนวัยเก๋าทั้งหลายตั้งกลุ่มยกก๊วนไปทำกิจกรรมสนุก ๆ ทั้งในกิจกรรมที่ท้าทายแปลกใหม่ กิจกรรมดูแลสุขภาพ เสริมดวงบารมีตามศรัทธาและความเชื่อ เพลิดเพลินไปกับอาหารแปลกแต่สุดแสนอร่อย แหล่งบุฟเฟต์ผลไม้ที่รับประทานกันได้ไม่อั้น พักผ่อนสบาย ๆ ในโลเกชันสุดสวย พร้อมพาไปช็อปกระจายกลับไปฝากคนทางบ้าน ได้แก่ เส้นทางเก๋ายกก๊วนชวนเที่ยว ฉะเชิงเทรา, เส้นทางเก๋ายกก๊วนชวนเที่ยว ชลบุรี, เส้นทางเก๋ายกก๊วนชวนเที่ยว จันทบุรี-ระยอง

เก๋ายกก๊วน ชวนเที่ยวอีสาน” จะชวนคุณ ๆ วัยเก๋าไปเป็นผู้หนุ่มผู้สาวขาเลาะ แบบอีสานแซ่บนัว จะเที่ยวเขา เที่ยววัด เที่ยวริมโขง ก็สามารถเดินทางท่องเที่ยวได้อย่างมีสีสัน สัมผัสเส้นทางวัฒนธรรม เส้นทางพระพุทธศาสนา ที่เป็นดินแดนแห่งอารยสงฆ์มากมาย ได้แก่ เส้นทางขับรถเที่ยวอีสานเหนือ วนซ้าย ๓ วัน ๒ คืน อุดรธานี-หนองคาย-เลย-หนองบัวลำภู-อุดรธานี, เส้นทางขับรถเที่ยวอีสานเหนือ วนขวา ๔ วัน ๓ คืน อุดรธานี-หนองคาย-บึงกาฬ-นครพนม-สกลนคร-อุดรธานี, เส้นทางขับรถเที่ยว อีสานใต้ ๓ วัน ๒ คืน กรุงเทพฯ-นครราชสีมา-พิมาย-บุรีรัมย์-สุรินทร์-นางรอง-กรุงเทพฯ, เส้นทางขับรถเที่ยว เลียบโขง ๓ วัน ๒ คืน อุบลราชธานี-โขงเจียม-เขมราฐ-มุกดาหาร-นครพนม และเส้นทางอีสานตอนกลาง ขอนแก่น-กาฬสินธุ์-ร้อยเอ็ด-มหาสารคาม “เก๋ายกก๊วนชวนเที่ยวภาคใต้” เราจะชวนวัยเก๋าเดินทางไกลสักนิด เพื่อไปยังแหล่งท่องเที่ยวสำคัญในภาคใต้ ซึ่งระยะทางไม่ใช่อุปสรรค หากมีการวางแผนการเดินทางที่ดี ได้แก่ เส้นทางเก๋ายกก๊วนชวนเที่ยว สตูล, เส้นทางเก๋ายกก๊วนชวนเที่ยว สงขลา, เส้นทางเก๋ายกก๊วนชวนเที่ยว สุราษฎร์ธานี และเส้นทางท่องเที่ยวเก๋ายกก๊วนชวนเที่ยว เมืองคอน โดยนักท่องเที่ยวสามารถติดต่อรายละเอียด www.tourismthailand.org

“เราหวังว่าแผนการท่องเที่ยวสำหรับวัยเก๋านี้ จะมีส่วนสำคัญช่วยกระตุ้นให้กลุ่มคนสูงวัย ที่ยังมีความกังวลในเรื่องการเดินทางหรือสถานที่ท่องเที่ยว กลัวจะไม่เหมาะสมกับช่วงวัยตัวเอง ได้ออกมาเดินทางท่องเที่ยวมากขึ้น หรือแม้กระทั่งกลุ่มสูงวัยที่ยังมีใจรักในการท่องเที่ยว และเดินทางท่องเที่ยวอยู่แล้ว มีความสะดวกสบายและได้เดินทางหลากหลายมากขึ้น” นายสมชาย กล่าว

 

FACTSHEET
“เก๋ายกก๊วน ชวนเที่ยวไทย”

ข้อมูลการท่องเที่ยวสำหรับวัยเก๋า

เก๋าเตรียมการ
ไม่ใช่หนุ่ม ๆ สาว ๆ หรือคนวัยทำงานแล้ว วัยเก๋าเรามีประสบการณ์เพียบ การเตรียมตัวเดินทางแต่เนิ่น ๆ เป็นสิ่งสำคัญ เพราะหากผิดพลาดไป หนุ่มสาวเขาจะค่อนแคะได้ หรือไม่ การเดินทางก็จะมีปัญหามาก เที่ยวไม่สนุก ดังนั้นวัยเก๋าอย่างเรา ๆ จึงควรเตรียมการเดินทางให้พร้อมก่อนออกเดินทางทุกครั้ง ดังนี้

1. การวางแผนการเดินทาง ต้องพร้อม ต้องรู้ตัวว่าการเดินทางต่อไปข้างหน้าตลอดทริปจะเป็นอย่างไร ทุกอย่างต้องพร้อมสรรพ ถ้าทุกอย่างพร้อมก็ไม่ต้องคอยแก้ปัญหาระหว่างทาง ความสุขในการได้เดินทางท่องเที่ยวก็จะมีมามากมายอย่างแน่นอน
2. หากมีสถานที่ต้องเดินเท้าระยะไกล หรือเส้นทางสูงชัน นั่นไม่ใช่อุปสรรค แต่คือโอกาสในการได้ออกกำลังกาย ควรแบ่งระยะทางไกลให้เป็นเส้นทางสั้น ๆ ต่อ ๆ กัน มีการหยุดพักที่เหมาะสม มีตัวช่วยต่าง ๆ พรักพร้อม
3. เตรียมยารักษาโรคทั่วไป หรือยาประจำตัวต่าง ๆ ไปให้พรักพร้อม อุปกรณ์อำนวยความสะดวก และ First Aid ต่าง ๆ เช่น ไม้เท้าเดินทางไกล หมวก ร่ม แว่นกันแดด ครีมกันแดด ยาทากันแมลง
4. เครื่องแต่งกาย ต้องเหมาะสมกับสภาพภูมิอากาศ เสื้อกันหนาว เสื้อกันฝน กันร้อน กันลม กันเปียกชื้นหมักหมม ผ้าห่ม ถุงมือ และรองเท้าที่พอเหมาะ ความคงทนของร่างกายสำหรับวัยเก๋าย่อมเป็นรองคนหนุ่มสาวอย่างแน่นอน ไม่ต้องสงสัย
5. โทรศัพท์มือถือ หรือสมาร์ตโฟน เป็นสิ่งจำเป็นสารพัดประโยชน์ที่ต้องเอาติดตัวไป สำคัญที่สุดเอาไปแล้วต้องใช้ได้ดี ดังนั้นต้องเตรียมพร้อมอุปกรณ์ต่อพ่วงไปให้ครบ
6. ท่องเที่ยวแบบไม่เร่งรีบ หากขับรถควรจอดแวะพักเป็นระยะ ๆ ตามปั๊มน้ำมันที่มีร้านอาหาร ร้านกาแฟ และร้านสะดวกซื้อต่าง ๆ ให้ร่างกายได้พักผ่อน ยืดเส้นยืดสาย นั่งนิ่ง ๆ นาน ๆ นั้นไม่ดีอย่างแน่นอน
7. การเดินทางควรเลือกช่วงเวลากลางวัน เพื่อได้รู้ได้เห็นสิ่งต่าง ๆ ตลอดเส้นทาง และควรมีเวลาพักผ่อน หรือเฮฮาปาร์ตี้ในช่วงกลางคืนที่เหมาะสม เพื่อความสุข ผ่อนคลายสบายใจ และเพื่อสุขภาพความปลอดภัย
8. ท่องเที่ยวเป็นกลุ่มหรือหมู่คณะ ไปไหน ๆ ก็ไปแบบยกก๊วน การมีชีวิตรวมกลุ่มช่วยทำให้ชีวิตมีชีวา สนุกสนาน สดชื่นแจ่มใส และทำให้มีผู้พบเห็นเมื่อเกิดปัญหาสุดวิสัยใด ๆ ความช่วยเหลือต่าง ๆ จะได้มาอย่างทันท่วงที
วัยเก๋าตะลุยเที่ยว
ภาคเหนือ
“เก๋ายกก๊วน ชวนเที่ยวภาคเหนือ” สื่อสารชวนคุณ ๆ วัยเก๋าไปเที่ยวภาคเหนือแบบเป็นหมู่คณะ วัยเก๋าเป็นวัยที่มีลักษณะพิเศษ พรั่งพร้อมทั้งทุนทรัพย์และเวลาในการเดินทาง มีความรอบรู้หลากหลาย ทั้งเรื่องถนนหนทาง ที่พัก ร้านอาหารครบครัน จะยากลำบากอย่างเดียวเท่านั้นคือ เก๋ามากหรือเก๋าน้อย ถ้าเก๋าน้อยละก็ดูแคลนไม่ได้เลยทีเดียว วัยรุ่น วัยทำงาน เที่ยวที่ไหนได้ วัยเก๋าน้อยก็ไปเที่ยวได้อย่างมีคุณภาพ แค่ลดความเร็วลงหน่อยเดียวเท่านั้น แต่ถ้าเก๋ามากก็ต้องมีความระมัดระวังในเรื่องหลากหลายเพิ่มขึ้นหน่อย แต่เก๋ามาก ๆ หลายรายก็ไม่ใช่อุปสรรค จะยากลำบากแค่ไหนขอให้มีเวลาช้าลง และมีเวลาอยู่นานขึ้น เท่านั้นแหละ วัยเก๋าก็เลาะไปกับเขาได้ทุกที่เหมือนกัน

๑.เส้นทางขับรถเที่ยววัด
ลำปาง-ลำพูน-เชียงใหม่

เส้นทางท่องเที่ยวนี้อาจเรียกได้อีกอย่างว่าเส้นทางไหว้พระ ๑๐๘ วัด เพราะเป็นเส้นทางท่องเที่ยวในเมืองที่มีวัดเป็นจุดเด่น และมีวัดให้เลือกท่องเที่ยวได้มากมายร้อยแปดพันเก้าวัดเลยทีเดียว ควรเริ่มต้นที่เมืองลำปาง ซึ่งมีวัดที่ต้องไม่พลาดอย่างแน่นอน ๔ วัดด้วยกัน คือ วัดพระธาตุลำปางหลวง วัดพระแก้วดอนเต้าสุชาดาราม วัดเจดีย์ซาว และวัดปงสนุก นอกนั้นจะเลือกวัดอื่น ๆ เพิ่มเติมไปด้วยก็ได้ตามอัธยาศัย ในเมืองลำปางนอกจากความโดดเด่นในเรื่องวัดสวยเป็นที่เลื่องลือแล้ว ที่นี่ยังมีสัตว์สามประเภทที่คุณ ๆ ต้องไม่พลาด คือ ไก่ ที่จะปรากฏอยู่มากมายภายในเมือง ม้า ที่มักจะมาเคียงคู่กับรถ เป็นรถม้า สัญลักษณ์สำคัญอย่างหนึ่งของจังหวัด และช้าง ซึ่งการจัดการแสดงของช้าง โดยองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ เป็นการจัดการแสดงช้างชั้นเลิศของโลกได้เลยทีเดียว รายการนี้ต้องห้าม...พลาดจริง ๆ จากเมืองลำปาง

จังหวัดต่อไปที่ต้องข้ามภูเขาไปเที่ยวก็คือลำพูน ลำพูนมีวัดสวยที่คุณ ๆ ต้องไปอย่างแน่นอน คือวัดพระธาตุหริภุญชัย นอกจากวัดนี้แล้วยังมีวัดสวย ๆ ให้ชมได้อีกหลากหลาย เช่น วัดพระยืน ซึ่งเป็นวัดชุด วัด ๔ มุมเมืองของเมืองลำพูน นอกจากวัดแล้ว วีรสตรีผู้ยิ่งใหญ่ของเมืองลำพูนคือพระนางจามเทวี ก็เป็นนามที่คุณ ๆ ไม่อาจหลบเลี่ยงไปพ้น เพราะพระนางจามเทวีสถิตอยู่ทั่วไป คือสถิตอยู่ในใจคนลำพูนทั้งมวลอยู่แล้วนั่นเอง

จังหวัดเชียงใหม่ วัดที่ต้องไม่พลาดในเชียงใหม่ คือ วัดพระสิงห์วรวิหาร วัดเจดีย์หลวง วัดพระธาตุดอยสุเทพ วัดเจ็ดยอด วัดต้นเกว๋น และวัดพระธาตุจอมทองวรวิหาร แต่ละวัดมีความสวยงามโดดเด่น เป็นแบบเฉพาะของตนเอง เที่ยววัดทั้งห้านี้ครบแล้วเสมือนได้เที่ยวทั่วจังหวัดเชียงใหม่ เที่ยววัดแล้วก็ยังจะมีอะไร ๆ ที่เกี่ยวข้องกับวัดเที่ยวอีกมากมายหลายหลาก คุณ ๆ เลือกเติมได้ตามอัธยาศัย แต่ถ้าเป็นการเที่ยวในเมืองแบบง่าย ๆ สบาย ๆ สำหรับวัยเก๋ายกก๊วน ควรเที่ยววัดก่อน...ขอบอก

๒. เส้นทางขับรถเที่ยวล้านนาตะวันออก
เชียงราย-น่าน-พะเยา-เชียงราย

ล้านนาตะวันออกคือเส้นทางท่องเที่ยวล้านนาภาคเหนือวนขวา เริ่มต้นจากเมืองเชียงราย เดินทางต่อไปแวะชมเมืองเชียงแสน ชมความเป็นบ้านเมืองโบราณ หอฝิ่น สามเหลี่ยมทองคำ แล้วเลาะเลียบเส้นทางแม่น้ำโขงแสนสวย เส้นทางเชียงแสน-เชียงของ ชมบ้านหาดบ้าย หมู่บ้านชาวไทยลื้อที่ทอผ้าสวยงาม คอนผีหลง แหล่งระเบิดแก่งหินแม่น้ำโขง ไปพักค้างคืนแรกที่เมืองเชียงของ ชมถนนคนเดินเมืองเชียงของ แล้วกลับที่พักเปิดประตูระเบียงไปชมพระจันทร์ตกลงแม่น้ำโขงเมืองเชียงของ สวยงามจับใจ

วันที่สอง ชมและช็อป ณ พิพิธภัณฑ์ลื้อลายคำ เมืองเชียงของ แล้วไปชมแก่งผาได จุดสุดท้ายชายแดนไทย-ลาว แล้วเดินทางต่อไปเที่ยวชมเมืองเชียงคำ ชมวัดไทยลื้อ วัดแสนเมืองมา วัดพระเจ้านั่งดิน วัดไทยใหญ่ วัดนันตาราม แล้วออกเดินทางบนเส้นทางสายโรแมนติก หมายเลข ๑๑๔๘ ไปพักค้างแรม ณ ภูลังการีสอร์ท รอชมทะเลหมอกสวยสุดยอดจากหน้าประตูห้องพักในตอนเช้า

วันที่สาม ตื่นแต่เช้าแล้วเฝ้ารอชมพระอาทิตย์ขึ้น ทะเลหมอกภูลังกาแสนสวย สาย ๆ พร้อมอาหารเช้า ชมวัฒนธรรมชาวไทยเมี่ยน ไทยม้ง เจ้าของพื้นที่ แวะชมโครงการหลวงปังค่า แล้วเดินทางผ่านเส้นทางหมายเลข ๑๑๔๘ รวดเดียว แล้วไปแวะชมวัดหนองบัว อำเภอท่าวังผา จังหวัดน่าน แล้วกลับเข้าพักแรมในเมืองน่าน

วันที่สี่ ตื่นสายได้ ไปชมเมืองน่านทั้งข่วงเมือง วัดภูมินทร์ วัดช้างค้ำ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ น่าน วัดพระธาตุแช่แห้ง อาหารกลางวันแล้วจึงออกเดินทางต่อในเส้นทางร้องกวาง-เมืองพะเยา ถึงเมืองพะเยา แวะลงไปนมัสการวัดกลางน้ำ วัดติโลกอาราม ใจกลางกว๊านพะเยา ก่อนเข้าที่พัก

วันที่ห้า ตื่นเช้าแวะนมัสการพระเจ้าตนหลวง วัดศรีโคมคำ วัดอนาลโยทิพยาราม แล้วเดินทางต่อเข้าเมืองเชียงราย ใกล้เมืองเชียงราย แวะชมวัดร่องขุ่น เสร็จสิ้นการเดินทาง

๓. เส้นทางขับรถเที่ยว
กำแพงเพชร-สุโขทัย-ศรีสัชนาลัย

เส้นทางท่องเที่ยว ๓ อุทยานประวัติศาสตร์ที่ได้รับการประกาศเป็นมรดกโลก เริ่มต้นที่เมืองกำแพงเพชร เที่ยวชมเขตคามวาสี อรัญวาสี วัดพระแก้ว วัดพระนอน วัดพระสี่อิริยาบถ วัดช้างรอบ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กำแพงเพชร อาหารกลางวัน แล้วไปเที่ยวทางไกล น้ำตกคลองลาน อุทยานแห่งชาติคลองลาน แล้วกลับมาชมตลาดชุมชนคลองสวนหมากและพระบรมธาตุนครชุม

วันที่สอง ขับรถทางไกลไปอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สุโขทัย อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย วัดมหาธาตุ อาหารกลางวัน ภาคบ่ายออกไปชมโบราณสถานนอกเมือง วัดพระพายหลวง และแวะชมผลิตภัณฑ์สังคโลก ช่วงเย็น อาหารค่ำแบบตลาดโบราณ และชมมินิไลต์แอนด์ซาวนด์ในบริเวณอุทยานฯ

วันที่สาม ขับรถทางไกลไปต่อที่อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย ระหว่างทางแวะชมน้ำตกตาดดาว ตาดเดือน ชมผลิตภัณฑ์ช่างทองสุโขทัย อาหารกลางวัน แล้วเข้าไปชมวัดต่าง ๆ ในอุทยานประวัติศาสตร์ เช่น วัดช้างล้อม วัดเจดีย์เจ็ดแถว แล้วไปปิดท้ายที่วัดพระบรมธาตุเชลียง ก่อนกลับสุโขทัย แวะช็อปปิ้งผ้าทอไทยพวน ศรีสัชนาลัย แล้วกลับเข้าที่พักจังหวัดสุโขทัย

๔. เส้นทางขับรถเที่ยววงรอบ
เชียงใหม่-แม่ฮ่องสอน

เป็นเส้นทางขับรถเที่ยวระยะยาวที่เพียบพร้อม วันแรก เริ่มต้นการเดินทางที่เชียงใหม่ ออกเดินทางขึ้นไปเยี่ยมชมอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ สถานีเกษตรหลวงอินทนนท์ อาหารกลางวัน จากนั้นเที่ยวชมเมืองแม่แจ่ม ซื้อผ้าทอแม่แจ่ม แล้วกลับมาแวะพักแรมเมืองจอมทอง

วันที่สอง นมัสการพระธาตุจอมทอง แล้วเดินทางไปเมืองแม่สะเรียง เลยไปเที่ยวชมแม่น้ำสาละวิน และกลับมาเที่ยววัดเมืองแม่สะเรียง พักแรมที่เมืองแม่สะเรียง

วันที่สาม เดินทางไปท่องเที่ยวหมู่บ้านกะเหรี่ยงห้วยห้อม ชมการผลิตกาแฟและผลิตภัณฑ์ผ้าทอกะเหรี่ยง อาหารกลางวันแล้วเดินทางเข้าเมืองแม่ฮ่องสอน แวะชมวัดพระธาตุกองมูและวัดจองคำจองกลาง หนองจองคำ แล้วเข้าที่พัก

วันที่สี่ เดินทางไปเที่ยวชมมูลนิธิศิลปาชีพปางตอง ปางอุ๋ง หมู่บ้านจีนฮ่อ และน้ำตกผาเสื่อ กลับมาพักในเมืองแม่ฮ่องสอน
วันที่ห้า เดินทางไปเที่ยวชมสะพานไม้ซูตองเป้ ถ้ำน้ำลอด ปางมะผ้า แวะชมทิวทัศน์สวยระหว่างทาง เลยไปพักแรมเมืองปาย ชมตลาดกลางคืนเมืองปาย

วันที่หก ตื่นแต่เช้า ขึ้นไปเที่ยวชมทะเลหมอกห้วยน้ำดัง กลับเข้าที่พัก แล้วไปเที่ยวโรมานซ์ฟาร์ม ชมฟาร์มวัวนมและทุ่งข้าวบาร์เลย์ อาหารกลางวัน แล้วเดินทางกลับเมืองเชียงใหม่

ภาคกลาง

วัยเก๋าหลายคนกลัวที่จะเดินทางท่องเที่ยว เพราะคิดว่าจะเป็นเรื่องยุ่งยาก จะเป็นภาระของผู้อื่น ทั้ง ๆ ที่สมัยยังเป็นหนุ่มสาว สมัยที่ยังตั้งหน้าตั้งตาทำงานเก็บเงิน เคยคิดไว้ว่าจะเอาเงินเก็บนั้นไว้เที่ยวพักผ่อนในบั้นปลายหรือวัยเกษียณ แท้จริงแล้วการเดินทางท่องเที่ยวของคนวัยเก๋าไม่ใช่เรื่องยาก เพราะบริการทางการท่องเที่ยวในปัจจุบันเพียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก ไม่ว่าจะเป็นโรงแรม ที่พัก บริการขนส่งสาธารณะ ร้านอาหาร และแหล่งท่องเที่ยว ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวทุกเพศวัยให้มีความสุขและรอยยิ้มกันได้ทุกคน

๑. เก๋ายกก๊วน ชวนเที่ยวสุพรรณบุรี นครปฐม

สุพรรณบุรีและนครปฐม จังหวัดใกล้ ๆ กรุงเทพฯ ที่ไม่ควรมองข้าม เพราะเปี่ยมด้วยเสน่ห์ของแหล่งท่องเที่ยวที่หลากหลาย ทั้งชม ชิม ช็อป แชะ ครบรูปแบบของเทรนด์การท่องเที่ยว อีกทั้งยังเหมาะกับวัยเก๋า เนื่องจากระยะทางที่ไม่ไกล สามารถใช้เวลาในการท่องเที่ยวได้อย่างเต็มที่คุ้มค่าและไม่เหนื่อยมากนัก ถ้าอยากจะเที่ยวให้เต็มอิ่ม ควรเตรียมการเดินทางกันสัก ๓ วัน ๒ คืน

เริ่มต้นเช้าวันแรกในจังหวัดสุพรรณบุรีที่วัดป่าเลไลยก์ วรวิหาร กราบสักการะหลวงพ่อโต พระพุทธรูปปางป่าปาลิไลยก์ ศิลปะสมัยอู่ทองสุพรรณภูมิ พระคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดสุพรรณบุรี ชมจิตรกรรมฝาผนังเล่าเรื่องราวของขุนช้าง-ขุนแผน แล้วออกเดินทางไปศูนย์เรียนรู้วิถีชีวิตจิตวิญญาณชาวนาไทย (นาเฮียใช้) ชมบ้านเรือนไทยที่งดงาม เป็นที่รวบรวมเรื่องราวและองค์ความรู้ในวิถีของเกษตรกรที่ทรงคุณค่า ทำให้หวนคิดถึงภาพอดีต ภาพวิถีแห่งท้องทุ่ง ยุ้งฉาง ไอ้ทุยควายไทย ชมประเพณีวิถีชีวิตของชาวนา เรื่องราวของข้าวในอดีต เรียนรู้วิธีการปลูกข้าวโดยวิธีการดำนา ลงแขกเกี่ยวข้าว การแปรรูปข้าวที่ทันสมัย ครบวงจร เรียนรู้การทำขนมไทย และพลาดไม่ได้ มีมุมให้เซลฟีสวย ๆ บนหอเตือนภัย รับประทานอาหารกลางวันที่ร้านกุ้งเป็น พระเอกของร้านนี้ที่พลาดไม่ได้ เมนูกุ้งทอดเกลือ กุ้งเผา ต้มยำกุ้ง และอีกหลาย ๆ เมนู
ช่วงบ่ายแวะตลาดร้อยปีสามชุก ย้อนเวลาค้นหาภาพความทรงจำที่อาจลืมเลือน ภาพอดีตที่ยังคงอยู่แม้เวลาจะผ่านไปแสนนาน ในตลาดเก่าที่มีชีวิตคอยเล่าเรื่องราวของวันเวลาที่กำลังจะจางหายไปจากความรู้สึก ความทรงจำให้กับผู้คนที่ผ่านมายังตลาดแห่งนี้ พลาดไม่ได้ ต้องซื้อกลับบ้าน คือปลาม้าแดดเดียว อาหารถิ่นตะลุยกินทั่วไทย จังหวัดสุพรรณบุรี ลองแล้วจะติดใจ แล้วไปรับประทานอาหารเย็น ร้านเล็กเสี่ยวหงส์ มีเมนูมากมายหลายชนิด ปรุงสดใหม่ทุกวัน พลาดไม่ได้กับเมนูปลาบู่นึ่งซีอิ๊ว น้ำพริกปลาย่างผัด ฮ่อยจ๊อปู ไหลบัวผัดน้ำมันหอย เนื้อปูผัดข้าว ตามด้วยของหวาน ฟักทองญี่ปุ่นนึ่งราดกะทิ หอมหวานกลิ่นวานิลลา เดินทางเข้าที่พักเดิมบางวิลล่า อำเภอเดิมบางนางบวช ที่พักสไตล์โมเดิร์น สีสันสดใสในสวนสวยริมแม่น้ำท่าจีน ให้ความรู้สึกถึงความรักความผูกพันระหว่างชีวิตชาวสวนและสายน้ำ

เช้าวันที่สอง เดินทางไปยังสถานที่แกะสลักหลวงพ่ออู่ทอง หรือพระพุทธปุษยคีรีศรีสุวรรณภูมิ อำเภออู่ทอง พระพุทธรูปแกะสลักบนหน้าผาที่ชื่อ “ผามังกรบิน” ซึ่งนอกจากจะเป็นการแกะสลักพระพุทธรูปบนหน้าผาที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยแล้ว ยังมีการเจาะอุโมงค์ลอดใต้ภูเขาจนกลายเป็นทัศนียภาพที่สวยงามแปลกตาไปด้วย

ช่วงสาย ๆ เดินทางไปนครปฐม นมัสการองค์พระปฐมเจดีย์ วัดพระปฐมเจดีย์ ราชวรมหาวิหาร พระสถูปเจดีย์ทรงลังกาขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ในสมัยรัชกาลที่ ๔ พระองค์โปรดเกล้าฯ ให้สร้างครอบพระปฐมเจดีย์องค์เดิม และยังมีพระร่วงโรจนฤทธิ์ พระพุทธรูปยืนปางประทานอภัย เป็นที่เลื่อมใสของชาวนครปฐม มื้อเที่ยงรับประทานอาหารร้านกุ้งอบภูเขาไฟ ร้านขึ้นชื่อของนครปฐม พลาดไม่ได้ เมนู “กุ้งอบภูเขาไฟ” ที่เรียกได้ว่าเด็ด อีกทั้งยังมีเมนูแนะนำจากทางร้าน เช่น กุ้งต้มยำมะพร้าวอ่อน ปูหลน ปลากะพงขาวนึ่งซีอิ๊ว ปลาช่อนบ้านไร่ ปูผัดผงกะหรี่ ปลาแรดเผาเกลือ ฯลฯ เมื่ออิ่มอร่อยกันเต็มที่แล้วเดินทางต่อไปยังพระราชวังสนามจันทร์ สถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของไทย เนื่องจากเคยเป็นที่ประทับในขณะแปรพระราชฐานของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ ที่มีความงดงามทางสถาปัตยกรรมไม่แพ้พระราชวังแห่งอื่น ๆ จากนั้นเดินทางเข้าที่พักและรับประทานอาหารเย็น ชวาลัน รีสอร์ท อำเภอดอนตูม

เช้าตรู่วันที่สาม เดินทางไปยังวิสาหกิจชุมชนกลุ่มท่องเที่ยวคลองมหาสวัสดิ์ แหล่งท่องเที่ยวชุมชนใกล้กรุงเทพฯ นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับวิถีชีวิตของเกษตรกรผนวกกับวิถีชีวิตชุมชนริมน้ำที่น่าสนใจ ลงเรือ ณ ท่าน้ำวัดสุวรรณาราม ล่องชมเส้นทางท่องเที่ยวริมคลองมหาสวัสดิ์ แวะพายเรือเก็บดอกบัวสีชมพูนับพัน ๆ ดอกในนาบัว ชมกล้วยไม้หลากสีสันที่นากล้วยไม้ ชมสาธิตการทำข้าวตัง ลองทอดแผ่นข้าวและแต่งหน้าข้าวตังได้ตามชอบด้วยงาคั่ว หมูหย็องหรือไก่หย็อง เลือกซื้อผลิตภัณฑ์แปรรูป ผลิตผลทางการเกษตร และสัมผัสประสบการณ์แปลกใหม่กับการนั่งรถอีแต๋นชมนาข้าวและสวนผลไม้
เดินทางไปยังตลาดน้ำลำพญา รับประทานอาหารกลางวัน ตลาดน้ำลำพญาเป็นตลาดน้ำอีกแห่งหนึ่งซึ่งยังคงมีภาพวิถีชีวิตและบรรยากาศแบบไทย ๆ ให้ได้สัมผัส ถือเป็นตลาดแห่งชุมชนเก่าแก่ริมแม่น้ำท่าจีนที่มีมานานกว่าศตวรรษ ภายในตลาดน้ำชาวบ้านจะนำผลิตผลทางการเกษตรใส่เรือมาขาย มีทั้งพืช ผัก ผลไม้ และปลาสด ๆ ปราศจากสารพิษ เครื่องจักสาน ผ้าทอ อาหารคาวหวานนานาชนิด เช่น ก๋วยเตี๋ยวเรือ เป็ดพะโล้ หมูสะเต๊ะ ปลาช่อนเผา ขนมเปี๊ยะ บ้าบิ่น ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีเรือล่องชมแม่น้ำท่าจีนไว้บริการด้วย

ก่อนจบโปรแกรมเดินทาง แวะไปล่องเรือทัวร์สุขภาพของโรงพยาบาลหลวงพ่อเปิ่น พร้อมชมธรรมชาติอันสวยงามของสองฟากฝั่งแม่น้ำนครชัยศรี พร้อมตรวจสุขภาพ นวดแผนโบราณ และรับประทานอาหารว่างเพื่อสุขภาพ กราบนมัสการสังขารหลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ เพื่อขอพรอันเป็นสิริมคลก่อนเดินทางกลับบ้าน

๒. เส้นทางเก๋ายกก๊วนชวนเที่ยว “เมืองพรหม ๔ น่า” (ลพบุรี-อ่างทอง-สิงห์บุรี-ชัยนาท)

เส้นทางท่องเที่ยว “เมืองพรหม ๔ น่า” เมืองที่มีประวัติศาสตร์ความเป็นมาอันยาวนานและน่าสนใจ โดยเริ่มต้นวันแรกที่จังหวัดอ่างทอง เมืองน่าดู ดูสถาปัตยกรรมอันงดงามเก่าแก่ของวัดไชโย วรวิหาร พร้อมนมัสการหลวงพ่อโต หรือพระมหาพุทธพิมพ์ พระพุทธรูปปางสมาธิองค์ใหญ่ที่เก่าแก่และศักดิ์สิทธิ์ที่สุด สร้างโดยสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมฺรังสี) จากนั้นแวะชมแหล่งท่องเที่ยววิถีชุมชน พร้อมลงมือ DIY เครื่องจักสานไม้ไผ่ สินค้าโอท็อปขึ้นชื่อของจังหวัดอ่างทอง ณ ศูนย์เรียนรู้ชุมชนตำบลบางเจ้าฉ่า พักรับประทานอาหารกลางวัน ช่วงบ่ายมุ่งหน้าไปยังจังหวัดลพบุรีเมืองน่าเที่ยว เที่ยวลพบุรีในมุมมองใหม่ สไตล์ลึกซึ้ง ผ่อนคลายกับกิจกรรมที่น่าสนใจท่ามกลางบรรยากาศธรรมชาติ เช่น อาชาบำบัด การทำไข่เค็มดินสอพอง การทำแปลงนาสาธิต ณ วัลลภาฟาร์ม

วันที่สอง เริ่มต้นเช้าวันใหม่ เดินทางไปศาลพระกาฬเพื่อสักการะเจ้าพ่อพระกาฬ เทวรูปโบราณ สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองลพบุรี พร้อมชมความงดงามของพระปรางค์สามยอด โบราณสถานเก่าแก่ที่รายล้อมไปด้วยลิงฝูงใหญ่ ซึ่งถือได้ว่าเป็นเอกลักษณ์ที่สำคัญสิ่งหนึ่งของจังหวัดลพบุรี จากนั้นมุ่งหน้าไปยังจังหวัดสิงห์บุรี เมืองน่าอยู่ สักการะพระอาจารย์ธรรมโชติ ศูนย์รวมขวัญกำลังใจของวีรชนค่ายบางระจัน ณ วัดโพธิ์เก้าต้น และชม ชิม ช็อป แชะ ณ ตลาดไทยย้อนยุคบ้านระจัน ตลาดที่เปี่ยมไปด้วยมนต์เสน่ห์ ราวกับว่าเราหลุดเข้าไปในยุคของชาวบ้านบางระจัน พักรับประทานอาหารกลางวัน ช่วงบ่ายเดินทางไกลสักหน่อย มุ่งหน้าไปยังจังหวัดชัยนาท เมืองน่ารัก ร่วมชมกิจกรรมการทำนาเกษตรอินทรีย์สาธิตที่ดีต่อสุขภาพ ณ แฟมิลี่ ออร์แกนิค ฟาร์ม ช่วงเย็นล่องเรือเที่ยวชมบรรยากาศริมแม่น้ำเจ้าพระยา พร้อมรับประทานอาหารมื้อค่ำ ณ สุวรรณา ริเวอร์ไซด์
เช้าตรู่วันที่สาม ขับรถมุ่งหน้าไปยังวัดปากคลองมะขามเฒ่า สักการะหลวงปู่ศุข พระเกจิอาจารย์ ชื่อดังของจังหวัดชัยนาท และแวะช็อปปิ้งข้าวของเครื่องใช้ที่ผลิตจากเซรามิก เช่น เครื่องเบญจรงค์ จาน ชามทรงโบราณ ศิลาดล ซึ่งเป็นสินค้าโอท็อปพรีเมียมของจังหวัดชัยนาท ณ ชัยนาท เซรามิค ก่อนเดินทางกลับ

๓. เก๋ายกก๊วนชวนเที่ยว ไหว้พระอยุธยามหามงคล

ประวัติศาสตร์อันยาวนานกว่า ๖๖๖ ปี ของกรุงศรีอยุธยา และระยะทางอันแสนจะใกล้ ด้วยระยะเวลาเดินทางชั่วโมงกว่า ๆ จากกรุงเทพฯ ทำให้พระนครศรีอยุธยาเป็นเมืองท่องเที่ยวที่เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับวัยเก๋า ที่จะใช้เวลาพักผ่อนหรือเติมเต็มเวลาในวันว่างได้อย่างมีความสุข แต่จะให้ดีต้องพักค้างคืนอยุธยาด้วยอย่างน้อย ๑ คืน มิฉะนั้นเสมือนคุณมาไม่ถึงอยุธยา

จุดแรกต้องเยี่ยมชมและรับทราบข้อมูลข่าวสารท่องเที่ยวอยุธยาเมืองมรดกโลกก่อน ที่ “ศูนย์ท่องเที่ยวอยุธยา ศาลากลางจังหวัดพระนครศรีอยุธยาหลังเก่า” ก่อนออกเดินทางไปท่องเที่ยวอยุธยาในแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ ตอบโจทย์วัยเก๋า สัมผัสท่องเที่ยววิถีไทย เก๋ไก๋สไตล์ลึกซึ้ง ต่อด้วยชวนเที่ยวกลางคืนที่อยุธยา ล่องเรือชมความงามของโบราณสถานในยามเย็นจนถึงค่ำคืน พร้อมแนะนำห้ามพลาดกับเมนูอาหารถิ่น ช็อปปิ้งของฝากมากมายในหลายพื้นที่ หลายตลาด ในอยุธยา

ตื่นแต่เช้า ทำกิจกรรมสำคัญยามเช้า เอาบุญมาฝากกับ “แต่งไทยใส่บาตรอยุธยามหามงคล หน้าวัดมหาธาตุและวัดราชบูรณะ” หลังรับประทานอาหารเช้าซึ่งมีร้านกาแฟและอาหารเช้าอันหลากหลายรายเรียง ก็ออกเดินทางไหว้พระ ๑๐ วัด อยุธยามหามงคล เสริมสิริมงคลได้ตลอดทั้งปี ถนัดหรือชอบวัดไหนจะไปก่อน ก็สามารถเดินทางต่อเนื่องถึงกันอย่างง่ายดาย เพราะมีป้ายและแผนที่บอกเส้นทางในทุก ๆ แหล่งท่องเที่ยว อีกทั้งบางวัดยังสามารถเดินเท้าถึงกันอย่างง่ายดาย

วัดใหญ่ชัยมงคล เป็นวัดในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้น เป็นการเริ่มต้นที่ดี เพื่อเป็นชัยมงคล ชัยชนะอุปสรรคทั้งปวง ชมความงดงามสูงใหญ่ของเจดีย์ชัยมงคล ภายในเจดีย์นี้เคยประดิษฐานพระคาถาสำคัญ ที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงใช้สวดบูชาเพื่อเป็นสิริมงคลตลอดรัชสมัยของพระองค์

วัดพนัญเชิง สักการะพระพุทธไตรรัตนนายก ที่หลายคนเรียกกันติดปากว่าหลวงพ่อโต หรือซำปอกง พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองแห่งกรุงศรีอยุธยา ชาวกรุงเก่ามีความเลื่อมใสศรัทธาเป็นอย่างยิ่ง เป็นที่นิยมเสริมสิริมงคล แก้ชงปีไก่ทองได้ทุกปีเกิด เพื่อเสริมความยิ่งใหญ่หรือกิจการค้าขายเจริญรุ่งเรืองใหญ่โต เดินทางปลอดภัย ที่สำคัญตามรอยละครดังหลายเรื่อง ได้มาถ่ายทำเรื่องราวย้อนอดีตที่วัดพนัญเชิงแห่งนี้
วัดกล้วย ด้วยชื่อวัดที่แปลก ทำให้เกิดความเชื่อถึงความเป็นสิริมงคล ทำทุกสิ่งทุกอย่างให้สำเร็จเป็นเรื่องง่าย ๆ หรือดังเรื่องกล้วย ๆ วัดกล้วยเป็นวัดเก่าแก่ สันนิษฐานว่าสร้างในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช บริเวณวัดตั้งอยู่ติดแม่น้ำป่าสัก นอกเกาะเมืองอยุธยา ย่านเก่าแถบที่เป็นที่ตั้งกองทัพเรือในสมัยกรุงศรีอยุธยา ภายในวัดบรรยากาศร่มรื่น เงียบสงบ มีท่าน้ำให้นั่งเล่นพักผ่อนหย่อนใจ สามารถปล่อยปลาหรือให้อาหารปลาได้ในบริเวณท่าน้ำนี้เอง

วัดธรรมิกราช เป็นวัดหลวงเก่าแก่ที่พระมหากษัตริย์เสด็จมาฟังธรรมกันประจำในวันพระ และเป็นสถานที่สอบเปรียญธรรมสำหรับพระสงฆ์ในสมัยโบราณ จึงมีคติความเชื่อว่า มาไหว้พระวัดนี้เพื่อความเป็นมงคล ฉลาดรอบรู้ ศึกษาเรียนต่อ มีสติปัญญา ชีวิตสดใส ดังสดับพระบรมเทศนาคำสั่งสอนวิชาที่เป็นสิริมงคลทั้งปวง

วัดหน้าพระเมรุ เป็นวัดโบราณวัดเดียวในอยุธยาที่ยังคงสภาพสถาปัตยกรรมแบบอยุธยาที่สมบูรณ์มากที่สุด เนื่องจากเป็นวัดที่พม่าเคยใช้ตั้งกองบัญชาการรบ จึงไม่ได้ถูกพม่าเผาทำลาย มาถึงที่นี่อย่าลืมนมัสการ “พระพุทธนิมิตวิชิตมารโมลีศรีสรรเพชญ์บรมไตรโลกนาถ” พระประธานในอุโบสถซึ่งสร้างปลายสมัยอยุธยา เป็นพระพุทธรูปทรงเครื่องหล่อสัมฤทธิ์ มีความงดงามมาก เพื่อความเป็นสิริมงคลและมีชัยชนะพิชิตมารอุปสรรค ป้องกันอันตรายภัยทั้งปวง

วัดพุทไธศวรรย์ ชมพระตำหนักของพระพุทธโฆษาจารย์ในประวัติศาสตร์ สักการะพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองที่สร้างขึ้นในสมัยสมเด็จพระเจ้าอู่ทองที่ประดิษฐานในโบสถ์มหาอุด อีกทั้งมีพระพุทธไสยาสน์ที่งดงามพุทธลักษณะแตกต่างไปจากพระนอนองค์อื่น ๆ ในประเทศไทย เพื่อความสุขกาย สบายใจ ดุจดังอิ่มทิพย์ในสวรรค์ชั้นฟ้า รับพระพุทธคุณครอบจักวาล เสริมสิริมงคลทุก ๆ ด้าน

วัดกษัตราธิราช วรวิหาร เป็นวัดที่อยู่นอกเกาะเมืองทางด้านทิศตะวันตก ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ตรงข้ามกับเจดีย์พระศรีสุริโยทัย เป็นวัดโบราณในสมัยกรุงศรีอยุธยา มีพระปรางค์ใหญ่เป็นประธานหลักของวัด มีพระอุโบสถสมัยอยุธยาซึ่งมีลายดาวเพดานจำหลักไม้งดงามมาก ภายในวัดมีภาพจิตรกรรมฝาผนังสมัยรัตนโกสินทร์ ปัจจุบันมีพระสงฆ์อยู่จำพรรษา เดิมวัดนี้ชื่อ “วัดกษัตรา” หรือ “วัดกษัตราราม” เปลี่ยนชื่อเป็น “วัดกษัตราธิราช” ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นวัดที่มีความสวยงามมากวัดหนึ่ง นักท่องเที่ยวนิยมมากราบสักการะเพื่อความเป็นสิริมงคลทั้งปวง และเป็นที่รักของผู้หลักผู้ใหญ่

วัดท่าการ้อง วัดท่าการ้องนี้เป็นวัดทันสมัย มีห้องน้ำที่สะอาดที่สุด ติดแอร์ ไฮ-เทค แปลกกว่าวัดอื่น ๆ จนเรียกได้ว่าเป็นเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ด้านศาสนาเลยทีเดียว ทั้งตุ๊กตาปูนปั้น หุ่นคน หุ่นสัตว์ บางตัวมีกลไกแมกคานิกขยับได้ และเครื่องทำบุญเสี่ยงทายออโตเมติกต่าง ๆ ไหว้พระวัดนี้ ที่นี่มีคติความเชื่อ เพื่อความเป็นมงคลมีเสน่ห์ในการเจรจา การทูต หรือการต่อรองดังสาริกาลิ้นทอง

วิหารพระมงคลบพิตร สันนิษฐานกันว่าสร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้นราวแผ่นดินสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ โดยตามพงศาวดาร องค์พระมงคลบพิตรเดิมประดิษฐานอยู่กลางแจ้ง ต่อมาในสมัยสมเด็จพระเจ้าทรงธรรมโปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญมาไว้ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของวัดพระศรีสรรเพชญ์ แล้วให้สร้างมณฑปขึ้นครอบไว้ ครั้งเสียกรุงศรีอยุธยา พระมงคลบพิตรได้รับความเสียหาย แต่ยังคงพุทธลักษณะอันยิ่งใหญ่และงดงาม จนได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์เรื่อยมา และเป็นที่เคารพศรัทธาของประชาชนชาวไทยอย่างยิ่ง ด้วยคติความเชื่อว่าหากได้กราบและห่มผ้าพระมงคลบพิตรจะได้รับพรอันเป็นสิริมงคล มีเสน่ห์และมงคลบารมีทั้งหลายทั้งปวง

วัดสุวรรณดาราราม ราชวรวิหาร พระอัยกาในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช โปรดฯ ให้สร้างวัดนี้ขึ้นตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ให้ชื่อว่าวัดทอง เป็นวัดของฝ่ายวังหน้า ต่อมาเมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชทรงขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ก็โปรดเกล้าฯ ให้บูรณะวัดนี้ทั้งหมด จึงถือว่าเป็น “วัดประจำราชวงศ์จักรี” ที่นี่มีพระพุทธรูปสำคัญ คือ หลวงพ่อทอง นามของพระพุทธรูปสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นและราชวงศ์จักรี ซึ่งได้จำลองพุทธลักษณะมาจากพระแก้วมรกต ให้กราบสักการะเพื่อเสริมสร้างบารมี มั่งมีศรีสุขให้แก่ตนเองและบุพการี ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งภายในพระวิหารมีภาพจิตรกรรมฝาผนังแสดงพระราชประวัติของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงกระทำยุทธหัตถี เป็นภาพที่สวยงามมาก

๔. เก๋ายกก๊วนชวนเที่ยว ไหว้พระ ๑๑ วัดรัตนโกสินทร์

ไม่ว่าจะเป็นเก๋าเมืองกรุงหรือเก๋าต่างจังหวัด หากคิดจะเดินทางไหว้พระเสริมสิริมงคล แบบเดินทางสะดวก ระยะทางไม่ไกล และมากมายเรื่องราวของสถานที่อันน่าสนใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งวัดที่เคยเป็นที่ประทับของสมเด็จพระสังฆราชในแผ่นดินรัตนโกสินทร์ ตั้งแต่องค์ที่ ๑ จนถึงองค์ที่ ๒๐ (ปัจจุบัน) เส้นทางไหว้พระ ๑๑ วัดรัตนโกสินทร์ คือเส้นทางที่น่าสนใจและต้องห้ามพลาดเป็นอย่างยิ่ง

วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม ราชวรวิหาร
พระอุโบสถแบบจัตุรมุขสร้างด้วยหินอ่อนจากอิตาลี พระประธานจำลองพระพุทธชินราชจากวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จังหวัดพิษณุโลก ที่ระเบียงคด สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ได้ทรงรวบรวมพระพุทธรูปปางต่าง ๆ จากหัวเมืองต่าง ๆ มาประดิษฐานไว้ ๕๒ องค์ ในอดีตเคยเป็นที่ประทับจำพรรษาของสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (ปลด กิตติโสภโณ เกตุทัต) สมเด็จพระสังฆราชแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ องค์ที่ ๑๔
วัดมกุฏกษัตริยาราม ราชวรวิหาร
พระวิหารและพระอุโบสถมีลายพระมหามงกุฎอันเป็นตราประทับรัชกาลที่ ๔ ทั้งที่หน้าบันและด้านบนของซุ้มประตูหน้าต่างเช่นเดียวกัน ผนังด้านในพระอุโบสถ มีภาพจิตรกรรมอันหลากหลาย แตกต่างจากวัดอื่น เช่น เรื่องพระสาวกในบาลีและอรรถกถา พระอัครสาวก ๑๑ พระองค์ อัครสาวิกา ๘ องค์ ภาพการบำเพ็ญกรรมฐานที่พึงปฏิบัติเนื่องด้วยธรรมวินัย ธุดงควัตร บนบานหน้าต่างและบานประตูด้านใน เขียนพระสูตรที่เป็นคาถาด้วยตัวอักษรบรรจง ในอดีตเคยเป็นที่ประทับจำพรรษาของสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (จวน อุฏฐายี สิริสม) สมเด็จพระสังฆราชแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ องค์ที่ ๑๖

วัดบวรนิเวศ ราชวรวิหาร
สร้างในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พระอุโบสถมีภาพจิตรกรรมปริศนาธรรมฝีมือขรัวอินโข่ง ตำหนักเพชรเป็นตึกฝรั่งปนไทย จัดแสดงพัดรอง ออกแบบโดยสมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศานุวัดติวงศ์ มี “พระปั้นหยา” ซึ่งเป็นเรือนที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ เคยจำพรรษาในขณะที่ทรงผนวช ในอดีตเคยเป็นที่ประทับจำพรรษาของสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ (พระองค์เจ้าฤกษ์ ปณญาอคโต) สมเด็จพระสังฆราชแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ องค์ที่ ๘ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส (พระองค์เจ้ามนุษยนาคมานพ มนุสุสนาโค) สมเด็จพระสังฆราชแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ องค์ที่ ๑๐ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ (หม่อมราชวงศ์ชื่น สุจิตโต นพวงศ์) สมเด็จพระสังฆราชแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ องค์ที่ ๑๓ และสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช (เจริญ สุวฑฒโน คชวัตร) สมเด็จพระสังฆราชแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ องค์ที่ ๑๙

วัดระฆังโฆสิตาราม วรมหาวิหาร
สมัยรัชกาลที่ ๑ มีการขุดพบระฆังโบราณในเขตวัด จึงได้ชื่อว่าวัดระฆัง เป็นวัดของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมฺรังสี) ที่มีชื่อเสียงโดยเฉพาะบทสวดคาถาชินบัญชร “หอพระไตรปิฎก” ได้รับการยกย่องว่าเป็นสถาปัตยกรรมที่มีความงดงาม ในอดีตเคยเป็นที่ประทับจำพรรษาของสมเด็จพระอริยวงษญาณ สมเด็จพระสังฆราช (ศรี) สมเด็จพระสังฆราชแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ องค์ที่ ๑

วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ ราชวรมหาวิหาร
ภายในวัดประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ ด้านหน้าประดิษฐานพระบรมราชานุเสาวรีย์กรมพระยาราชวังบวรมหาสุริยสิงหนาถ เปิดอบรมวิปัสสนากรรมฐานสำหรับบุคคลทั่วไป ในคณะ ๕ ในอดีตเคยเป็นที่ประทับจำพรรษาของสมเด็จพระอริยวงษญาณ สมเด็จพระสังฆราช (ศุข) สมเด็จพระสังฆราชแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ องค์ที่ ๒ สมเด็จพระอริยวงษญาณ สมเด็จพระสังฆราช (มี) สมเด็จพระสังฆราชแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ องค์ที่ ๓ สมเด็จพระอริยวงษญาณ สมเด็จพระสังฆราช (สุก ญาณสังวร) สมเด็จพระสังฆราชแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ องค์ที่ ๔ และ สมเด็จพระอริยวงษญาณ สมเด็จพระสังฆราช (ด่อน) สมเด็จพระสังฆราชแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ องค์ที่ ๕

วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราช วรมหาวิหาร (วัดโพธิ์)
วัดประจำรัชกาลที่ ๑ ภายในวัดมีพระพุทธไสยาสน์ ที่ใหญ่เป็นอันดับสามของประเทศไทย และตามศาลารายจารึกสรรพตำราแพทย์ รวมไปทั้งฤๅษีดัดตนเป็นการแพทย์บำบัดแผนไทย ภายในวัดมีพระเจดีย์ ๔ รัชกาล ประดับกระเบื้องเครื่องถ้วยสวยงาม รวมทั้งยังเป็นวัดที่มีเจดีย์มากที่สุดในประเทศไทย มีเครื่องอับเฉา ตุ๊กตาจีนประดับตามประตูต่าง ๆ ในอดีตเคยเป็นที่ประทับจำพรรษาของสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส (พระองค์เจ้าวาสุกรี) สมเด็จพระสังฆราชแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ องค์ที่ ๗ และสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (ปุ่น ปุณณสิริ สุขเจริญ) สมเด็จพระสังฆราชแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ องค์ที่ ๑๗

วัดราชบูรณะราชวรวิหาร
เดิมชื่อ “วัดเลียบ” พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชพระราชทานนามใหม่ว่า “วัดราชบูรณะ” วัดนี้เป็นวัดหนึ่งตามธรรมเนียมประเพณีโบราณที่ว่า ในราชธานีจะต้องมีวัดสำคัญประจำ ๓ วัด คือ วัดมหาธาตุ วัดราชบูรณะ และวัดราชประดิษฐ์ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ ๒ เนื่องจากวัดตั้งอยู่ใกล้เคียงกับสถานที่สำคัญทางยุทธศาสตร์ คือ สะพานพระพุทธยอดฟ้าและโรงไฟฟ้าวัดเลียบ สถานที่สำคัญ ๆ ของวัด รวมทั้งพระอุโบสถที่มีภาพจิตรกรรมฝาผนังฝีมือขรัวอินโข่ง จึงถูกระเบิดทำลายจนหมด ปัจจุบันวัดราชบูรณะได้รับการปฏิสังขรณ์ใหม่ทั้งหมด ในอดีตเคยเป็นที่ประทับจำพรรษาของสมเด็จพระอริยวงษญาณสมเด็จพระสังฆราช (นาค) สมเด็จพระสังฆราชแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ องค์ที่ ๖

วัดสุทัศนเทพวราราม ราชวรมหาวิหาร
ในพระวิหารประดิษฐานพระศรีศากยมุนี อัญเชิญมาจากจังหวัดสุโขทัย ในพระอุโบสถประดิษฐานพระพุทธตรีโลกเชษฐ์ เป็นพระอุโบสถที่ยาวที่สุดในประเทศไทย ซุ้มประตูและหน้าต่างเป็นซุ้มยอดเจดีย์มีลักษณะแปลกตาและงดงามมาก ในอดีตเคยเป็นที่ประทับจำพรรษาของสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (แพ ติสสเทโว พงษ์ปาละ) สมเด็จพระสังฆราชแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ องค์ที่ ๑๒

วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ราชวรวิหาร
วัดประจำรัชกาลที่ ๕ ตัวพระอุโบสถภายนอกเป็นสถาปัตยกรรมแบบไทยแท้ ประกอบด้วยลวดลายกระเบื้องเคลือบเบญจรงค์รูปเทพนม แต่ภายในอุโบสถกลับเป็นสถาปัตยกรรมกอทิก ศิลปกรรมที่สำคัญ ได้แก่ บานประตูหลังและหน้าต่างของพระอุโบสถ ที่มีลายไทยลงรักประดับมุกเป็นรูปดวงตราเครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่าง ๆ ในอดีตเคยเป็นที่ประทับจำพรรษาของสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงชินวรสิริวัฒน์ (หม่อมเจ้าภุชงค์ สิริวัทฒโณ ชมพูนุท) สมเด็จพระสังฆราชแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ องค์ที่ ๑๑ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (วาสน์ วาสโน นิลประภา) สมเด็จพระสังฆราชแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ องค์ที่ ๑๘ และสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (อัมพร อมุพโร ประสัตถพงศ์) สมเด็จพระสังฆราชแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ องค์ที่ ๒๐ ซึ่งเป็นองค์ปัจจุบัน ได้ประทับจำพรรษา ณ วัดแห่งนี้อีกด้วย

วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม ราชวรวิหาร
วัดประจำรัชกาลที่ ๔ เป็นวัดต้นแบบของพระสงฆ์คณะธรรมยุติกนิกาย พระวิหารหลวงตั้งบนฐานไพที มีมุขหน้าและหลังประดับด้วยหินอ่อน หน้าบันแกะสลักอย่างวิจิตร ในพระวิหารหลวงมีจิตรกรรมฝาผนังเกี่ยวกับพระราชพิธี ๑๒ เดือน ในอดีตเคยเป็นที่ประทับจำพรรษาของสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (สา ปุสสเทโว) สมเด็จพระสังฆราชแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ องค์ที่ ๙

วัดสระเกศ ราชวรมหาวิหาร
พระบรมบรรพต หรือเจดีย์ภูเขาทอง สร้างในรัชกาลที่ ๔ ยอดด้านบนสุดประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ ในช่วงวันลอยกระทงของทุกปี ทางวัดจะมีการห่มพระเจดีย์ และจัดงานประเพณี “งานภูเขาทอง”ในอดีตเคยเป็นที่ประทับจำพรรษาของสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (อยู่ ญาโณทโย ช้างโสภา) สมเด็จพระสังฆราชแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ องค์ที่ ๑๕

การเดินทางสักการะและเยี่ยมชมวัดวาอารามต่าง ๆ วัยเก๋าสามารถเลือกวิธีการเดินทางได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ส่วนบุคคล หรือการเดินทางด้วยรถสาธารณะ ไม่ว่าจะเป็นแท็กซี่ รถสามล้อรับจ้าง หรือแม้กระทั่งรถเมล์ก็มีให้บริการ โดยเฉพาะในเทศกาลสำคัญ ๆ ก็จะมีบริการรถเมล์ฟรี วิ่งเป็นวงรอบ ในเส้นทางของทั้ง ๑๑ วัดนี้ด้วย

เส้นทางไหว้พระ ๑๑ วัดรัตนโกสินทร์นี้ นอกจากจะเป็นการท่องเที่ยวเพื่อการเรียนรู้ในแบบ “ท่องเที่ยววิถีไทย เก๋ไก๋สไตล์ลึกซึ้ง” และยังเป็นโอกาสสำคัญที่วัยเก๋าทุกท่านจะได้ไหว้พระ ทำบุญ เสริมบารมีใน ๑๑ วัดสำคัญของกรุงรัตนโกสินทร์ ซึ่งเป็นวิธีเติมพลังกายพลังใจให้แก่ชีวิตในแบบ “สุขกลางใจใกล้แค่เอื้อม”

ภาคตะวันออก

“เก๋ายกก๊วนชวนเที่ยวภาคตะวันออก” จะชวนวัยเก๋าทั้งหลายตั้งกลุ่มยกก๊วนไปทำกิจกรรมสนุก ๆ ทั้งในกิจกรรมที่ท้าทายแปลกใหม่ กิจกรรมดูแลสุขภาพ เสริมดวงบารมีตามศรัทธาและความเชื่อ เพลิดเพลินไปกับอาหารแปลกแต่สุดแสนอร่อย แหล่งบุฟเฟต์ผลไม้ที่รับประทานกันได้ไม่อั้น พักผ่อนสบาย ๆ ในโลเกชันสุดสวย พร้อมพาไปช็อปกระจายกลับไปฝากคนทางบ้าน

เส้นทางท่องเที่ยวในภูมิภาคตะวันออกที่คู่มือ “เก๋ายกก๊วนชวนเที่ยวภาคตะวันออก” นำเสนอมานี้ เป็นเพียงตัวอย่างเส้นทางท่องเที่ยวดี ๆ ส่วนหนึ่งในอีกหลากหลายเส้นทาง ที่สวยงาม เหมาะสม ง่ายต่อการเดินทาง มีทั้งแหล่งท่องเที่ยวที่คุ้นเคยและแปลกใหม่ คละเคล้าเติมแต่งด้วยกิจกรรมสนุก ๆ เพิ่มสีสันในการเดินทาง เพื่อสร้างรอยยิ้มและความสุขให้คนวัยเก๋าได้กระชุ่มกระชวยและอยากแพ็กกระเป๋าเดินทางแบบไม่รู้จบ

๑.เส้นทางเก๋ายกก๊วนชวนเที่ยว ฉะเชิงเทรา

วันแรกมุ่งหน้าสู่พนมสารคาม ฉะเชิงเทรา เรียนรู้วิถีชีวิตเกษตร ชมความอุดมสมบูรณ์ของพืชพันธุ์ธรรมชาติ และเรียนรู้ความเรียบง่ายพอเพียงตามแนวคิดของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ ณ ศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ชมต้นโพธิ์ศรีมหาโพธิ์ ต้นไม้ที่ในหลวง รัชกาลที่ ๙ ทรงปลูก ชมด้านหน้าพระตำหนักสามจั่ว พระตำหนักไม้แบบเข้าลิ่มโบราณ ซึ่งในหลวง รัชกาลที่ ๙ ทรงออกแบบเอง และใช้ทรงงานในพื้นที่ศูนย์การเรียนรู้แห่งนี้ พร้อมทั้งเลือกซื้อผลิตภัณฑ์จากศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ

เที่ยงแวะรับประทานอาหารกลางวันเมนูเด็ดต้องห้าม...พลาด ก๋วยเตี๋ยวปากหม้อ ของอร่อยขึ้นชื่อของอำเภอพนมสารคาม และชิมกุยช่าย เกาะขนุน อีกหนึ่งของอร่อยชื่อดังของอำเภอพนมสารคาม บ่ายมุ่งหน้าสู่อำเภอบางคล้า ล่องเรือรอบเกาะลัด (เกาะน้ำจืด) เนื้อที่ ๒,๘๐๐ กว่าไร่ (ถ้าไม่ล่องเรือก็สามารถขับรถเที่ยวตามสถานที่ต่าง ๆ ได้) ชมธรรมชาติและวิถีชีวิตของชาวบ้านสองฝั่งแม่น้ำบางปะกง วิถีชีวิตริมน้ำบ้านเรือนทรงไทยและสัมผัสชีวิตเรียบง่ายแบบไทย ๆ ทิวทัศน์ของป่าจากสลับกับต้นลำพูที่ขึ้นตามธรรมชาติเป็นแนวขนานริมฝั่งน้ำ และผ่านชมพระสถูปเจดีย์พระเจ้าตากสิน (สถานที่ทำพิธีตักน้ำศักดิ์สิทธิ์ไปทำน้ำพระพุทธมนต์ถวายในหลวง รัชกาลที่ ๙ ในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษาครบ ๗๒ พรรษา) แวะขึ้นชมโบสถ์สีทองสวยอร่ามที่วัดปากน้ำโจ้โล้ ชมค้างคาวออกบินหากินเวลาพลบค่ำ และชื่นชมสถาปัตยกรรมของวัดโพธิ์บางคล้า

แดดร่มช่วงบ่ายแก่ ๆ เดินทางไปยังเดวารีสอร์ท ตำบลคลองเขื่อน อำเภอคลองเขื่อน (โปรแกรมท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพและสัมผัสวิถีชุมชนริมน้ำของเดวารีสอร์ท) ออกเดินทางโดยรถอีแต๊ก (รถชาวนา) ไปเที่ยวชมสวนผักปลอดสารพิษ ชมสวนมะม่วง สวนผักปลอดสารเคมี ลงเรือไปดูการจับกุ้งแม่น้ำโดยวิธีของชาวบ้าน สปากระดานไฟ เป็นการใช้ความร้อนจากไฟมาอบสมุนไพรที่วางอยู่ด้านล่างและรอบ ๆ ตัวเรา ช่วยให้ของเสียต่าง ๆ ไหลผ่านรูขุมขน จากนั้นรับประทานอาหารเย็นแบบบ้าน ๆ ที่ปรุงแต่งจากผักปลอดสารพิษและกุ้งที่จับได้จากแม่น้ำ พักผ่อนชมพระอาทิตย์ตกดินริมแม่น้ำบางปะกง ณ เดวารีสอร์ท

วันที่สองตื่นมารับอากาศบริสุทธิ์ยามเช้า เริ่มต้นวันใหม่กับกิจกรรมการออกกำลังกายและการทำสปาเท้า เป็นการแช่เท้าด้วยน้ำสมุนไพรร้อน ๆ แล้วออกเดินทางสู่อุทยานพระพิฆเนศองค์ยืน อำเภอคลองเขื่อน สักการะพระพิฆเนศปางยืน เนื้อสัมฤทธิ์ สูงเกือบ ๔๐ เมตร ตั้งตระหง่านโดดเด่นท่ามกลางธรรมชาติของสวนเกษตรของชาวบ้าน เป็นสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์ของแผ่นดินไทย พระหัตถ์ทั้ง ๔ ถือ กล้วย ยอดอ้อย มะม่วง ขนุน และที่พระบาทมีหนูกอดลูกมะพร้าว พร้อมทั้งแวะอุดหนุนผลิตผลทางการเกษตรของเกษตรกร เช่น กล้วย มะม่วง มะพร้าว และผักพื้นบ้าน

จากนั้นไปต่อที่วัดสมานรัตนาราม สักการะองค์พระพิฆเนศปางนอนเสวยสุขที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีขนาดความสูง ๑๖ เมตร และความกว้าง ๑๔ เมตร เนื้อสีชมพู ลักษณะนั่งกึ่งนอนตะแคงบนฐาน พระหัตถ์ซ้ายถืองาที่หัก พระหัตถ์ขวาถือดอกบัว โดยรอบฐานจะมีพระพิฆเนศทั้ง ๓๒ ปาง ตั้งอยู่ริมแม่น้ำบางปะกง แล้วจึงรับประทานอาหารกลางวันที่แพแม่น้ำ ร้านอาหารของวัดที่คัดแต่ของสดจากแม่น้ำบางปะกง รายได้ส่วนหนึ่งของค่าอาหารจะนำไปสมทบทุนในการสร้างโรงพยาบาลของวัด หรือร้านอาหารริมแม่น้ำบางปะกงในบริเวณใกล้เคียงกัน

หลังจากอิ่มหนำสำราญเดินทางไปยังวัดจีนประชาสโมสร หรือวัดเล่งฮกยี่ อีกหนึ่งวัดจีนเก่าแก่ของจังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นวัดพุทธนิกายมหายานที่มีคุณค่าด้านศิลปกรรมแบบจีน สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๕ ไหว้พระและขอพรเทพเจ้าภายในวัด แวะเที่ยวชม ชิม ช็อปของอร่อยและสินค้าต่าง ๆ ในตลาดบ้านใหม่ ๑๐๐ ปี
หนึ่งในตลาดโบราณริมแม่น้ำบางปะกง ชิมสารพัดของอร่อยขึ้นชื่อ ทั้งขนมหวาน ก๋วยเตี๋ยวโบราณ ข้าวห่อใบบัว ขนมไทยโบราณ ปลาตะเพียนต้มเค็ม ฯลฯ

เมื่อเข้าสู่ใจกลางเมืองฉะเชิงเทรา ศูนย์กลางที่ใคร ๆ ต้องมาให้ถึงเพื่อสักการบูชาหลวงพ่อพุทธโสธร วัดโสธรวราราม วรวิหาร พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดฉะเชิงเทรา แวะเรียนรู้วิถีชาวฟาร์มที่มินิ มูร่าห์ ฟาร์ม แหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่เหมาะสำหรับทุกคนในครอบครัว สนุกกับกิจกรรมเวิร์กช็อปรูปแบบต่าง ๆ เช่น ทำพิซซา ทำไอศกรีม โดยใช้ผลิตภัณฑ์จากนมควายเป็นส่วนผสม ซึ่งมีคุณค่าทางสารอาหารสูง ให้อาหารควาย ปลา กระต่าย ท่ามกลางบรรยากาศชนบทของฟาร์มขนาดเล็ก ที่มีจุดเด่นอยู่ที่ควายนมสายพันธุ์มูราห์ พร้อมรับประทานอาหารเย็นสไตล์ฟาร์มเมด ชิมพิซซาและไอศกรีมที่ทำด้วยตนเอง


๒. เส้นทางเก๋ายกก๊วนชวนเที่ยว ชลบุรี

วันแรกเดินทางมุ่งสู่เกาะสีชัง สถานตากอากาศที่มีชื่อเสียงมานานนับร้อยปี ที่ซึ่งเป็นตำนานแห่งความรักและความระลึกถึงของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มุ่งหน้าสู่พระจุฑาธุชราชฐาน อดีตเคยเป็นพระราชวังฤดูร้อนในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว หลังจากเหตุการณ์วิกฤต ร.ศ. ๑๑๒ ก็สิ้นสุดการเป็นเขตพระราชฐาน ปัจจุบันจัดแสดงเป็นพิพิธภัณฑ์ โบราณสถาน และสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ ประกอบด้วยพระเจดีย์อุโบสถ วัดอัษฎางคนิมิตร เรือนไม้ริมทะเล เรือนวัฒนา เรือนผ่องศรี และเรือนอภิรมย์

สถานที่สำคัญที่ต้องห้าม...พลาดและทุกคนที่มาที่นี่ต้องมาแวะถ่ายภาพ นั่นคือสะพานอัษฎางค์ สะพานไม้สีขาวทอดยาวลงไปกลางทะเล สร้างและตกแต่งด้วยศิลปะแบบขนมปังขิง เชื่อกันว่าหากคู่รักมาถ่ายรูปคู่บริเวณปลายสะพานจะทำให้ความรักยืนยาว ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวไทยและชาวต่างประเทศเชื้อสายจีน มาเลเซีย สิงคโปร์ ฮ่องกง นิยมเดินทางมาสักการะ โดยเฉพาะช่วงเทศกาลตรุษจีน หาดถ้ำพัง อยู่ส่วนกลางทางด้านทิศตะวันตกของเกาะ มีลักษณะเป็นอ่าวโค้ง หาดทรายขาวสวยงาม มีผู้คนนิยมมาเล่นน้ำกันเป็นจำนวนมาก บริเวณชายหาดยังมีบริการเรือบานานาโบต ห่วงยางเล่นน้ำ เรือคายัก บริการดำน้ำดูปะการัง หากจะนอนพักที่เกาะสีชังก็มีที่พักหลากหลายให้เลือก หรือจะกลับมาพักในฝั่งชลบุรี บางแสน พัทยา ก็สะดวก

วันที่สอง เดินทางสู่สวนนงนุช พัทยา สถานจัดแสดงพันธุ์ไม้ในรูปแบบสวนพฤกษศาสตร์ เช่น สวนฝรั่งเศส สวนกระบองเพชร สวนยุโรป รวมทั้งมีการแสดงศิลปวัฒนธรรมไทยร่วมสมัย และการแสดงช้างแสนรู้ภายในโรงละคร แล้วไปชมพระพุทธรูปหน้าผาแกะสลักเขาชีจรรย์ พระพุทธรูปแกะสลักประทับนั่งปางมารวิชัยเลียนแบบพระพุทธนวราชบพิตร ศิลปะสุโขทัยผสมล้านนา ขนาดความสูง ๑๐๙ เมตร หน้าตักกว้าง ๗๐ เมตร ฐานบัวสูง ๒๑ เมตร รวมความสูงขององค์พระและบัลลังก์ทั้งสิ้น ๑๓๐ เมตร เป็นแบบนูนต่ำ โดยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมีพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามพระพุทธรูปว่า “พระพุทธมหาวชิรอุตตโมภาสศาสดา” มีความหมายว่า “พระพุทธเจ้าทรงเป็นศาสดาที่รุ่งเรืองสว่างประเสริฐ ดุจดังมหาวชิระ”

คล้อยบ่ายแดดร่มลมตกเดินทางเข้าสู่ไร่องุ่น Silver Lake อาณาจักรผลิตและจำหน่ายองุ่นสด และผลิตภัณฑ์แปรรูปจากองุ่น กิจกรรมภายในไร่จะเน้นให้นักท่องเที่ยวสัมผัสบรรยากาศ การทำไร่องุ่นตามธรรมชาติ นั่งรถรางชมไร่ไปตามแนวปลูกองุ่น นอกจากนี้ยังสามารถสัมผัสบรรยากาศพระอาทิตย์ตกกลางทะเลสาบได้อีกด้วย
วันที่สาม พิพิธภัณฑ์ศิลปะพาโรดี้ เป็นพิพิธภัณฑ์ซึ่งมีเนื้อหาที่เป็นการล้อเลียนแห่งแรกของโลก มีการสร้างสรรค์ชิ้นงานศิลปะซึ่งเปี่ยมไปด้วยสำนึกที่มีต่อสาธารณะในรูปแบบของภาพวาด ประติมากรรม และวิดีโอ แล้วเดินทางไปชมผลงานศิลปะอันยิ่งใหญ่ตระการตาริมชายฝั่งทะเลที่ปราสาทสัจธรรม ซึ่งเป็นอาคารที่สร้างด้วยไม้แกะสลักทั้งหลัง ทรงไทยจัตุรมุข ด้วยแนวคิดทางศิลปะรูปแบบใหม่ที่ผสมผสานศิลปะตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนต้นจนถึงศิลปะสมัยรัตนโกสินทร์ ตั้งอยู่ในบริเวณแหลมราชเวช อ่าววงพระจันทร์ แวะพักรับประทานอาหารกลางวัน แล้วไปเยี่ยมชมตลาดเก่านาเกลือ ชมวิถีชีวิตของชาวชุมชนนาเกลือ ซึ่งเป็นชุมชนท้องถิ่นของเมืองพัทยา นักท่องเที่ยวสามารถเลือกซื้ออาหารถิ่นและของที่ระลึกได้จากชาวบ้านในชุมชนก่อนเดินทางกลับ

๓. เส้นทางเก๋ายกก๊วนชวนเที่ยว จันทบุรี-ระยอง

ออกเดินทางจากกรุงเทพฯ แต่เช้าตรู่ มุ่งหน้าใช้เส้นทางมอเตอร์เวย์ หากเตรียมอาหารเช้ามารับประทานบนรถก็จะสะดวกและประหยัดเวลาท่องเที่ยวกันไม่น้อย แต่หากไม่สะดวก ที่จุดพักรถทางพิเศษมอเตอร์เวย์ ขาเข้าชลบุรี ก็มีบริการอาหารหลากหลาย หรือจะแวะใช้บริการห้องน้ำก็สะดวกไม่น้อย เพราะเขามีห้องน้ำไว้บริการสำหรับผู้สูงอายุแยกต่างหาก จากนั้นจึงเข้าทางหลวงหมายเลข ๓๔๔ (บ้านบึง-แกลง) และถนนเฉลิมบูรพาชลทิต มุ่งหน้าสู่จุดหมายแรกคือศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดจันทบุรี ทำกิจกรรมอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ทะเล เช่น เขี่ยไข่ปู ปล่อยปู ทำซั้งบ้านปลา ให้อาหารปลาฉลาม และทำอีแปะหอยนางรม แล้วจึงไปรับประทานอาหารกลางวัน ณ ร้านอาหารทะเลบุรี อร่อยกับเมนูหลากหลายที่ปรุงจากวัตถุดิบแสนสดใหม่จากทะเล

หลังจากอิ่มหนำสำราญนั่งรถเล่นชิลชิลไปชมวิวถนนสายที่สวยที่สุดในภาคตะวันออก ณ จุดชมวิวเนินนางพญา ที่เห็นเส้นถนนคดโค้งเลียบชายฝั่งทะเลอันสวยงาม แล้วออกเดินทางไปที่ตำบลปากน้ำประแส โดยใช้เส้นทางถนนเฉลิมบูรพาชลทิต ชมทุ่งโปรงทอง ป่าชายเลนที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดระยอง สูดอากาศบริสุทธิ์ พร้อมชมวิวทุ่งโปรงทองในมุมมอง ๓๖๐ องศา เยี่ยมชมวิถีชีวิตชาวประมงปากน้ำประแส ช็อป ชิมสินค้าและอาหารพื้นเมืองในตลาดนัดวิถีชุมชนทุกวันเสาร์-อาทิตย์

วันที่สอง เลือกซื้อของฝากหลากหลาย เช่น อาหารทะเลสด อาหารทะเลแปรรูป ผลไม้สด ผลไม้แปรรูป และของที่ระลึก ณ ตลาดบ้านเพ แล้วไปชมสวนกระบองเพชรเพชรแต้มสี แหล่งเพาะพันธุ์กระบองเพชรรายใหญ่ในประเทศไทยที่รวบรวมพันธุ์กระบองเพชรคุณภาพหลากหลายสายพันธุ์

สิ่งที่ต้องห้าม...พลาดเมื่อมาเที่ยวระยอง คือรับประทานบุฟเฟต์ผลไม้ นั่งรถรางชมสวนผลไม้แบบผสมผสานในอาณาบริเวณกว่า ๘๐๐ ไร่ ณ สวนสุภัทราแลนด์ ช่วงบ่ายไปเยี่ยมชมกระบวนการผลิตเครื่องแก้วแฮนเมด (Handmade) หนึ่งเดียวในประเทศไทยที่โรงงานโลตัส คริสตัล ก่อนจะเดินทางกลับแวะกราบสักการะขอพรหลวงปู่ทิม อิสริโก วัดละหารไร่ แล้วเดินทางกลับกรุงเทพฯ โดยใช้เส้นทางบ้านค่าย

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

“เก๋ายกก๊วน ชวนเที่ยวอีสาน” จะชวนคุณ ๆ วัยเก๋าไปเป็นผู้หนุ่มผู้สาวขาเลาะ เที่ยวอีสานแบบเป็นหมู่คณะ วัยเก๋ามีความยากเพียงอย่างเดียวเท่านั้นคือ เก๋ามากหรือเก๋าน้อย ถ้าเก๋าน้อยละก็ดูแคลนไม่ได้เลยทีเดียว วัยรุ่น วัยทำงาน เที่ยวที่ไหนได้ วัยเก๋าน้อยก็ไปเที่ยวที่นั่นได้อย่างมีคุณภาพ แค่ลดความเร็วลงหน่อยเดียวเท่านั้น แต่ถ้าเก๋ามากก็ต้องมีความระมัดระวังในเรื่องหลากหลายเพิ่มขึ้นหน่อย แต่เก๋ามาก ๆ หลายรายก็ไม่ใช่อุปสรรค จะยากลำบากแค่ไหน ขอให้มีเวลา...ไปให้ช้าลง และอยู่ให้นานขึ้น...เท่านั้นแหละ วัยเก๋าก็จะเป็นผู้บ่าวผู้สาวขาเลาะไปได้ทุกที่เหมือนวัยอื่น ๆ

๑. เส้นทางขับรถเที่ยวอีสานเหนือ วนซ้าย ๓ วัน ๒ คืน
อุดรธานี-หนองคาย-เลย-หนองบัวลำภู-อุดรธานี

เป็นเส้นทางท่องเที่ยวชมชีวิตและธรรมชาติเลาะเลียบแม่น้ำโขงตอนบน วนซ้าย ๓ วัน ๒ คืน เริ่มการเดินทางที่อุดรธานี หากเดินทางช่วงเดือนพฤศจิกายน-มกราคม อุดรธานีมีทะเลบัวแดงผลิบาน ก็แวะเที่ยวชมทะเลบัวแดงเสียก่อน หากเป็นกลางปีไม่มีบัวแดงก็เริ่มการเดินทางบนเส้นทางอุดรธานี-หนองคายได้เลย

จากหนองคายแวะนมัสการหลวงพ่อพระใส วัดโพธิ์ชัย เป็นสิริมงคล จากนั้นเดินทางเที่ยวชมแหล่งท่องเที่ยวบนเส้นทาง พิพิธภัณฑ์ปลาแม่น้ำโขง หรือพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำสิรินธร วัดพระธาตุบังพวน พระเจ้าองค์ตื้อวัดศรีชมพู จากนั้นแวะรับประทานอาหารปลาแม่น้ำโขง เมืองสังคม แล้วพาลงเรือล่องชมแม่น้ำโขงที่พันโขดแสนไคร้ พื้นที่เกาะแก่งสวยงามของบ้านม่วง และแวะพักคืนแรก นอนฟังเสียงแม่น้ำโขงที่อำเภอสังคม

วันที่สอง ตื่นแต่เช้า นั่งรถอีแต๋นขึ้นเขาไปชมทิวทัศน์แม่น้ำโขงที่ภูห้วยอีสัน แล้วแวะไปชมวัดป่าภูก้อน กลับมารับประทานอาหารเที่ยงที่ร้านอาหารปลาริมโขงอีกรอบ แล้วเดินทางต่อไปจนถึงเมืองเชียงคาน ขึ้นไปชมจุดแรกที่แม่น้ำโขง เข้าสู่ดินแดนประเทศไทยที่วัดท่าดีหมี แล้วลงเขามาเที่ยวชมถนนคนเดินเมืองเชียงคาน เข้าที่พักริมโขงที่แก่งคุดคู้

วันที่สาม ตื่นแต่เช้า ทำบุญใส่บาตรเมืองเชียงคาน แล้วเดินทางไปชมหมู่บ้านชาวไทยดำ หมู่บ้านเดียวในอีสาน คือบ้านนาป่าหนาด รับประทานอาหารกลางวัน ช่วงบ่ายไปชมสวนดอกไม้เมืองหนาวบนภูเรือ แล้วกลับลงมาเดินทางกลับสู่เมืองอุดรธานี แวะช็อปปิ้งสินค้าที่ระลึกที่บ้านนาข่า เสร็จสิ้นการเดินทาง

๒ . เส้นทางขับรถเที่ยวอีสานเหนือ วนขวา ๔ วัน ๓ คืน
อุดรธานี-หนองคาย-บึงกาฬ-นครพนม-สกลนคร-อุดรธานี

เส้นทางท่องเที่ยวอีสานเหนือวนขวา เริ่มต้นด้วยเส้นทางอุดรธานี-สกลนคร ระหว่างทางแวะชมแหล่งมรดกโลกบ้านเชียง และคำชะโนด ดินแดนพญานาค แล้วรับประทานอาหารกลางวันที่บ้านดุง จากนั้นเดินทางต่อไปแวะชมผ้าย้อมครามสกลนคร ที่อากาศอำนวย แล้วเข้าที่พักวันแรกที่เมืองสกลนคร

วันที่สอง นมัสการองค์พระธาตุเชิงชุม แล้วเดินทางต่อไปชมชุมชนชาวคริสต์ที่บ้านท่าแร่ พอดีได้เวลาไปรับประทานอาหารกลางวัน เนื้อโคขุนโพนยางคำ แล้วใช้เส้นทางหมายเลข ๒๒๓ เดินทางต่อไป แวะนมัสการองค์พระธาตุพนม แล้วเข้าร่วมงานพาแลงบายศรีสู่ขวัญแบบเรณูผู้ไทย ชมการแสดงฟ้อนผู้ไทยเรณู แล้วกลับไปพักโรงแรมริมฝั่งโขงที่เมืองนครพนม

วันที่สาม ใส่บาตรริมโขงที่เมืองนครพนม เดินทางผ่าน ชมเส้นทางพญานาค สะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ ๓ (นครพนม-คำม่วน) ที่สวยงาม แล้วไปต่อ แวะนมัสการพระธาตุท่าอุเทน แล้วไปรับประทานอาหารกลางวันปลาแม่น้ำโขงที่ไชยบุรี ปากน้ำสงคราม เดินทางต่อไปชมน้ำตกสวยงามของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว น้ำตกภูถ้ำพระ และน้ำตกตาดชะแนน แล้วต่อไปพักแรมที่เมืองบึงกาฬ

วันที่สี่ เดินทางแต่เช้าไปเที่ยวชมหินสามวาฬแห่งวนอุทยานภูสิงห์ แล้วต่อขึ้นไปเที่ยวชมภูทอก ก่อนเดินทางกลับเข้าจังหวัดอุดรธานี สิ้นสุดการเดินทาง

๓. เส้นทางขับรถเที่ยว อีสานใต้ ๓ วัน ๒ คืน
กรุงเทพฯ-นครราชสีมา-พิมาย-บุรีรัมย์-สุรินทร์-นางรอง-กรุงเทพฯ

จากกรุงเทพฯ โดยรถยนต์ มุ่งหน้านครราชสีมาถึงปากช่อง แวะชมการท่องเที่ยวเชิงเกษตร ฟาร์มโชคชัย แล้วรับประทานอาหารกลางวัน จากนั้นเดินทางต่อถึงโคราช แล้วเลยไปท่องเที่ยวพิพิธภัณฑ์และปราสาทหินพิมาย เดินทางต่อ เข้าพักแรมวันแรกที่เพ ลา เพลิน บุรีรัมย์

วันที่สอง ช่วงเช้าชมอุทยานไม้ดอก เพ ลา เพลิน แล้วเลยไปชมสนามไอ-โมบาย สเตเดียม สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต แล้วรับประทานอาหารกลางวันที่เมืองบุรีรัมย์ ชิมยำเตรยปรัย อาหารถิ่นประจำจังหวัด แล้วเลยไปท่องเที่ยวหมู่บ้านช้าง บ้านตากลาง เมืองสุรินทร์ จากนั้นไปชมหมู่บ้านทอผ้าไหมบ้านท่าสว่าง เข้าพักแรมในเมืองสุรินทร์ รับประทานอาหารมื้อค่ำแบบพาแลง บายศรีสู่ขวัญ และชมการแสดงแบบเขมรสุรินทร์

วันที่สาม ออกจากสุรินทร์ แวะชมตลาดอังแก๊บบอบ อำเภอปราสาท กุ้งจ่อม อำเภอประโคนชัย เที่ยวปราสาทพนมรุ้ง ปราสาทเมืองต่ำ แล้วรับประทานอาหารกลางวัน ขาหมูนางรอง เดินทางตรงกลับกรุงเทพฯ


๔. เส้นทางขับรถเที่ยว เลียบโขง ๓ วัน ๒ คืน
อุบลราชธานี-โขงเจียม-เขมราฐ-มุกดาหาร-นครพนม

เริ่มต้นการเดินทางที่อุบลราชธานี นมัสการพระเจ้าใหญ่อินทร์แปลง วัดมหาวนาราม เที่ยววัดสุปัฏฎนาราม ชมหอไตรกลางน้ำ วัดทุ่งศรีเมือง แล้วเดินทางไกลไปโขงเจียม รับประทานอาหารกลางวัน ปลาแม่น้ำโขง แวะชมภาพเขียนสี ดอกไม้บนลานหินทราย และประติมากรรมหินงามแปลกตาที่อุทยานแห่งชาติผาแต้ม กลับเข้าที่พักในเมืองโขงเจียม

วันที่สอง ชมพระอาทิตย์ขึ้นริมฝั่งโขง แล้วเดินทางต่อไปชมน้ำตกแสงจันทร์ (น้ำตกลงรู) น้ำตกสร้อยสวรรค์ ในเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม ดอกไม้บนลานหินทรายจะบานสะพรั่งสวยงาม รับประทานอาหารกลางวัน แล้วเดินทางต่อไปชมแก่งหินสามพันโบก ลงล่องเรือในแม่น้ำโขง ชมหาดกินรีและเกาะแก่งสวยงามอีกหลายแห่ง เข้าที่พักเมืองเขมราฐ ชมชุมชนท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม

วันที่สาม เดินทางต่อไปเมืองมุกดาหาร ขึ้นชมทิวทัศน์บนหอแก้วมุกดาหาร แล้วไปชมวัดมโนภิรมย์ บ้านท่านประธานประเทศ สปป.ลาว หนูฮัก พูมสะหวัน รับประทานอาหารกลางวัน ช่วงบ่าย ไปเที่ยวชมโบสถ์คริสต์สักการสถานพระมารดาแห่งมรณสักขี วัดสองคอน แล้วกลับมาช็อปปิ้งที่ตลาดอินโดจีน

๕. เส้นทางอีสานตอนกลาง
ขอนแก่น-กาฬสินธุ์-ร้อยเอ็ด-มหาสารคาม

เมืองขอนแก่น เริ่มการเดินทางไปที่วัดไชยศรี ชมฮูปแต้มสินไซ มาสคอตสำคัญของเมือง แล้วต่อไปวัดสวยทรงคุณค่า ชมสิมวัดสระทอง มัญจาคีรี รับประทานอาหารกลางวันที่มัญจาคีรี ช่วงบ่ายตีกลับมาเดินทาง
ข้ามจังหวัดไปหาดดอกเกด เขื่อนลำปาว ชมฝูงวัวแดง แล้วไปชิมของดีเมืองกาฬสินธุ์ กุ้งเผา และ อาหารอีสาน ก่อนกลับเข้าที่พักในเมือง

วันที่สอง วันนี้ว่าด้วยเรื่องก่อนประวัติศาสตร์อันยาวนาน เดินทางไปพิพิธภัณฑ์สิรินธร ชมไดโนเสาร์ตัวสำคัญหลากหลาย แล้วเลยไปชมชีวิตชาวผู้ไทยกาฬสินธุ์ พร้อมช็อปผ้าไหมแพรวาที่คำม่วง รับประทานอาหารกลางวัน แล้วเดินทางต่อไปที่วัดสุดสวยของจังหวัด วัดวังคำ เขาวง แล้วต่อไปปิดท้ายวันที่มหาเจดีย์ชัยมงคล ผาน้ำย้อย ก่อนกลับลงมามุ่งหน้าเข้าที่พักจังหวัดร้อยเอ็ด

วันที่สาม จังหวัดร้อยเอ็ด เริ่มวันเบา ๆ ด้วยการชมวัดสวยกลางเมือง วัดกลางมิ่งเมือง และพระใหญ่ วัดบูรพาภิรามอันเป็นสัญลักษณ์สำคัญ แล้วต่อไปที่วัดป่ากุง ชมบุโรพุทโธจำลอง แล้วรับประทานอาหารกลางวัน ก่อนที่จะเดินทางไกลข้ามไปจังหวัดมหาสารคาม เลยไปเที่ยวองค์พระธาตุนาดูน แล้วกลับเข้าพักในเมืองมหาสารคาม

วันที่สี่ ตื่นเช้ามาตักบาตรที่สะพานไม้แกดำ หลังอาหารเช้าเดินทางไปชมพระพุทธรูปสำคัญ วัดพระยืน กันทรวิชัย และกลับมาชมพิพิธภัณฑ์เมืองมหาสารคาม รับประทานอาหารกลางวัน แจ่วฮ้อน ท่าขอนยาง แล้วเดินทางไกลกลับขอนแก่น แวะเที่ยวชมวัดทุ่งเศรษฐี ชานเมืองขอนแก่น สิ้นสุดการเดินทาง

ภาคใต้

“เก๋ายกก๊วนชวนเที่ยวภาคใต้” เราจะชวนวัยเก๋าเดินทางไกลสักนิด เพื่อไปยังแหล่งท่องเที่ยวสำคัญในภาคใต้ ซึ่งระยะทางไม่ใช่อุปสรรค หากมีการวางแผนการเดินทางที่ดีและเหมาะสม ทำให้ง่ายต่อการใช้บริการสาธารณะ ทั้งการเดินทางหลากหลายรูปแบบ ตลอดจนสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ทางการท่องเที่ยว เราจะชวนไปอิ่มบุญในรอยแห่งความศรัทธาในพระพุทธศาสนากับสถานที่สำคัญที่ครั้งหนึ่งในชีวิตต้องไปสักการะเพื่อความเป็นสิริมงคล รวมไปถึงการทำกิจกรรมสนุกสนานท้าทายสมรรถภาพทางร่างกายแบบวัยเก๋า ให้อะดรีนาลีนได้สูบฉีดจนลืมวัย แต่สุดแสนจะปลอดภัยด้วยการดูแลจากผู้ให้บริการ พลาดไม่ได้กับการชิมอาหารเลิศรสจากต้นตำรับที่ต้องห้ามพลาด และชมวิวทิวทัศน์สวยงามอิ่มตา อิ่มใจ

๑. เส้นทางเก๋ายกก๊วนชวนเที่ยว สตูล

จากตัวเมืองสตูลเดินทางไปเยี่ยมชมหาดทรายรูปทรงแปลกตาที่เรียกว่า “สันหลังมังกร” บริเวณบ้านตันหยงโป (ตรวจสอบน้ำขึ้นน้ำลงก่อนเดินทาง) ชมวิถีชาวประมงพื้นบ้าน พร้อมเลือกซื้อของฝากชุมชน และรับประทานมื้อเที่ยงจำพวกอาหารทะเลสด ๆ ที่ร้านอาหารในบริเวณตันหยงโป ช่วงบ่ายเยี่ยมชมคฤหาสถ์กูเด็น (พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สตูล) แล้วเที่ยวชมบรรยากาศในตัวเมืองสตูล เยี่ยมชมมัสยิดมำบัง หรือมัสยิดกลางจังหวัดสตูล สถานที่อันทรงคุณค่ายิ่งสำหรับชาวสตูลที่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยพระยาสมันตรัฐบุรินทร์ (ตนกูมูฮำหมัดอาเก็ม) ผู้ดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าเมืองสตูลในยุคนั้น ส่วนชื่อมำบังนั้นตั้งตามชื่อเมืองสตูลในสมัยนั้นเช่นกัน ทั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชได้เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ ๒๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๒๕ รับประทานอาหารเย็นในเมืองสตูล พลาดไม่ได้กับโรตีชาชัก ในแบบฉบับของชาวเมืองสตูล

วันที่สองออกจากที่พักในตัวเมืองสตูล เดินทางไปล่องแก่งวังสายทอง (คลองลำโลน) เป็นกิจกรรมล่องแก่งโดยนั่งเรือแคนูในลำคลอง ซึ่งเป็นสายน้ำหลักของป่าต้นน้ำปากบารา ที่มีน้ำใส ธรรมชาติสมบูรณ์สองฝั่งคลอง เส้นทางของการล่องแก่ง ระยะทางประมาณ ๘ กิโลเมตร ผ่านแก่งต่าง ๆ ประมาณ ๑๖ แก่ง ซึ่งน้ำใส ความลาดชันน้อย จึงมีความปลอดภัย ผ่านแมกไม้เขียวขจีดื่มด่ำธรรมชาติอันบริสุทธิ์ แล้วรับประทานอาหารเที่ยงแบบพื้นบ้านในพื้นที่ล่องแก่ง

ช่วงบ่ายเดินทางไปชมพิพิธภัณฑ์ช้างดึกดำบรรพ์ทุ่งหว้า เป็นซากฟอสซิลกระดูกขากรรไกรพร้อมฟันกรามของช้างดึกดำบรรพ์สกุลสเตโกดอน ที่มีชีวิตอยู่ในช่วงสมัยไพลสโตซีน (ประมาณ ๑.๘ ล้านปีก่อน) และยังมีซากฟอสซิลสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ให้ชม สิ้นสุดการเดินทาง

๒. เส้นทางเก๋ายกก๊วนชวนเที่ยวสงขลา

วันแรกในสงขลา ออกเดินทางไปเยี่ยมชมหาดสมิหลา หาดทรายขาวสะอาด และมีสัญลักษณ์ที่นักท่องเที่ยวห้ามพลาดที่จะถ่ายรูปคือรูปปั้นนางเงือก ชายหาดแห่งนี้เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวมาช้านาน จนกล่าวได้ว่า หากไม่ได้มาหาดสมิหลา ถือว่ามาไม่ถึงสงขลา และไม่ไกลกันนัก ความสวยงามของหาดเก้าเส้ง และตำนานความเชื่อที่ผูกพันเกี่ยวข้องกับเขาเก้าเส้งที่มีต่อการสร้างพระบรมธาตุนครศรีธรรมราชก็น่าสนใจและไม่ควรพลาดที่จะแวะชม

เขาตังกวน เป็นที่ท่องเที่ยวสำคัญที่ไม่ควรพลาดอีกแห่งหนึ่ง เป็นที่ประดิษฐานเจดีย์พระธาตุคู่เมืองสงขลา คือพระธาตุเจดีย์หลวง และมีจุดชมวิวซึ่งได้ชื่อว่าเป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุดในจังหวัดสงขลา ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถชมวิวรอบตัวเมืองสงขลาได้แบบ ๓๖๐ องศา นอกจากนี้เขาตังกวนยังมีโบราณสถานสำคัญอีกมากมาย

เดินทางต่อไปเกาะยอ นั่งรถรางชมสถานที่ต่าง ๆ บนเกาะ เยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์คติชนวิทยา สถาบันทักษิณคดีศึกษา เลือกซื้อผลิตภัณฑ์พื้นเมืองและของฝาก เช่น ผ้าเกาะยอ หนังปลากะพง อาหารทะเลแปรรูป ชิมจำปาดะและละมุด ผลไม้ขึ้นชื่อของเกาะยอ ข้าวยำ และสาหร่ายผมนาง พร้อมรับประทานมื้อเที่ยง อาหารทะเลสด ๆ ที่ร้านอาหารบนเกาะยอ

ช่วงบ่ายกลับเข้าเมือง เยี่ยมชมเมืองเก่าสงขลา ซึ่งประกอบด้วยอาคารบ้านเรือนและร้านค้าต่าง ๆ บนถนนนครนอก ถนนนครใน และถนนนางงามซึ่งได้รับการอนุรักษ์ดูแล และจะคึกคักเป็นพิเศษในช่วงวันเสาร์ที่สองของเดือน เนื่องจากมีกิจกรรมหลาดสองเล (ตลาดสองทะเล) ซึ่งมีอาหารพื้นเมือง สินค้าต่าง ๆ หลากหลายให้เลือกซื้อ

วันที่สองออกจากที่พักในตัวเมืองสงขลา เดินทางไปสวนสาธารณะเทศบาลนครหาดใหญ่ นมัสการพระพุทธรูปประจำเมืองหาดใหญ่ ชมวิวเมืองหาดใหญ่จากมุมสูงแล้วรับประทานอาหารเที่ยงในตัวเมืองหาดใหญ่ พร้อมเลือกซื้อสินค้าในย่านการค้าเมืองหาดใหญ่ สิ้นสุดการเดินทาง

๓. เส้นทางเก๋ายกก๊วนชวนเที่ยว สุราษฎร์ธานี

วันแรกตั้งหลักออกเดินทางจากเมืองสุราษฎร์ธานี มุ่งสู่อำเภอไชยา ศึกษาธรรมะจากภาพปริศนาธรรมแห่งสวนโมกขพลาราม ซึ่งมีความหมายว่าสวนป่าอันเป็นกำลังแห่งการหลุดพ้นทุกข์ สร้างโดยท่านพุทธทาส เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๗๕ จากนั้นไปสักการะพระบรมธาตุไชยาที่วัดพระบรมธาตุไชยา ราชวรวิหาร พระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรวิหาร ศิลปะแบบศรีวิชัยที่สมบูรณ์ที่สุด มีอายุกว่า ๑,๒๐๐ ปี เป็น ๑ ใน ๓ ของโบราณสถานอันศักดิ์สิทธิ์ที่เคารพบูชาของภาคใต้ แล้วเดินทางไปหมู่บ้านพุมเรียง สัมผัสวิถีชีวิตของชาวมุสลิมที่ส่วนใหญ่ยึดอาชีพทอผ้าไหมสืบต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น ชื่อเสียงของผ้าไหมพุมเรียงเป็นที่ชื่นชมในวงการผ้าทอว่าเป็นผ้าไหมที่มีลวดลายสวยงาม คุณภาพดี เป็นสินค้าพื้นเมืองขึ้นชื่อของจังหวัดสุราษฎร์ธานี ผ้าไหมพุมเรียงมีจุดเด่นคือเป็นผ้าทอยกดิ้นเงินหรือดิ้นทองสวยงาม มีลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์ของชาวพุมเรียง นั่นก็คือลายราชวัติ ลายดอกโคม ลายดอกพิกุล ลายนพเก้า และลายยกเบ็ด รับประทานอาหารกลางวันที่หาดแหลมโพธิ์

ช่วงบ่ายไปไหว้ศาลหลักเมือง อีกหนึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำจังหวัดสุราษฎร์ธานี สักการะเจ้าแม่กวนอิมหินแกรนิตศักดิ์สิทธิ์ที่สูงที่สุดในประเทศไทย นมัสการหลวงพ่อพัฒน์ นารโท เกจิที่มีชื่อเสียงของสุราษฎร์ธานีที่นั่งมรณะ สังขารไม่เน่าไม่เปื่อยที่วัดพัฒนาราม ก่อนค่ำแวะไปนมัสการพระธาตุศรีสุราษฎร์ และชมทัศนียภาพตัวเมืองสุราษฎร์ธานียามเย็นบนยอดเขาท่าเพชร
วันที่สองออกเดินทางสู่อำเภอบ้านตาขุน ชมทัศนียภาพอันงดงามของเขื่อนรัชชประภาภายในทะเลสาบเชี่ยวหลาน ชมภูเขาหินปูนที่ตั้งฉากกับผืนน้ำสีเขียวมรกต ตื่นตากับเขาสามเกลอ และฝูงปลานานาชนิดนับแสนตัว บริเวณแพพักเหนือเขื่อน รับประทานอาหารกลางวันท่ามกลางธรรมชาติของเขื่อนรัชชประภา ช่วงบ่ายออกเดินทางมุ่งหน้าสู่อำเภอพุนพิน แช่น้ำแร่จากสวนน้ำพุร้อนเฉลิมพระเกียรติ ๘๐ พรรษา (บ่อน้ำพุร้อนท่าสะท้อน) และเลือกซื้อสินค้าของที่ระลึกงานจักสานกระจูดที่บ้านห้วยลึก ที่มีความสวยงาม คุณภาพดี ส่งจำหน่ายไปไกลถึงต่างประเทศ

แดดร่มยามเย็นออกเดินทางสู่อำเภอกาญจนดิษฐ์ ชมการสาธิตลิงขึ้นมะพร้าว ลิงแสนซนที่ผ่านการฝึกจนสามารถเก็บมะพร้าว ปั่นจักรยาน ถือป้ายโชว์ และอีกหลายความสามารถจากศูนย์ฝึกลิงเพื่อการเกษตรกระแดะแจะ สิ้นสุดการเดินทางในเส้นทางนี้ยังสามารถเดินทางต่อไปยังจังหวัดใกล้เคียง เช่นนครศรีธรรมราช ก็ไม่ไกลนัก และมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกหลากหลาย

๔. เส้นทางท่องเที่ยวเก๋ายกก๊วนชวนเที่ยว เมืองคอน

เมื่อมาถึงจังหวัดนครศรีธรรมราช สิ่งแรกที่ต้องทำคือนมัสการพระบรมธาตุยอดทองคำ ณ วัดพระบรมธาตุ วรมหาวิหาร ปูชนียสถานที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของภาคใต้ สัมผัสพลังแห่งศรัทธาองค์พระบรมธาตุเจดีย์ ด้วยการนำผ้าพระบฏขึ้นห่มองค์พระบรมธาตุเจดีย์ พร้อมกับเข้าไปภายในเพื่อขอพรจาก “พระแอด” ปวดหาย “พระปัญญา” ผู้มีปัญญาสว่างไสว และชมวิหารต่าง ๆ ได้แก่ วิหารหลวงที่สวยงามที่สุด วิหารสามจอม วิหารทับเกษตร ซึ่งประดิษฐานพระพุทธรูป ๙๒ องค์ แล้วเดินทางต่อไปสักการะอนุสาวรีย์พระเจ้าศรีธรรมาโศกราช ปฐมกษัตริย์แห่งนครศรีธรรมราช ตั้งอยู่ที่สวนสาธารณะศรีธรรมาโศกราช ถนนราชดำเนิน จากนั้นไปรับประทานอาหารกลางวันในแบบฉบับท้องถิ่น ชิมขนมจีนเส้นสดแม่แอ๊ด ร้านขนมจีนเส้นสดเจ้าแรกของเมืองนคร อิ่มอร่อยกับน้ำยาหลากหลายรสชาติ แกล้มกับเมนูท้องถิ่นอย่างทอดมันใบเล็บครุฑ

ภาคบ่ายเดินทางไปยังอำเภอปากพนัง เยี่ยมชมโครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ ชมอาคารพิพิธภัณฑ์ที่มีแผนที่พ่อหลวงเพียงแห่งเดียวในประเทศไทย ชมประตูระบายน้ำอุทกวิภาชประสิทธิ โครงการในพระราชดำริที่พลิกฟื้นความอุดมสมบูรณ์ในการเป็นอู่ข้าวอู่น้ำของเมืองปากพนัง แล้วไปเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ของฝากขึ้นชื่อจากปากพนัง ได้แก่ ปลากระบอกแดดเดียว ปลากุเลาร้า และผลิตภัณฑ์จากนกนางแอ่น ก่อนรับประทานอาหารเย็นเมนูท้องถิ่นห้ามพลาดที่ร้านอาหารริมแม่น้ำปากพนัง จากนั้นเดินทางกลับเข้าที่พักในตัวเมืองนคร

วันที่สองลองลิ้มชิมรสอาหารเช้าแบบคนท้องถิ่นที่ร้านโกปี๊ ช่วงสายเก๋ายกก๊วนชวนเล่นน้ำที่น้ำตกอ้ายเขียว ซึ่งเป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่มีต้นน้ำเกิดจากทิวเขาหลวง อลังการด้วยชั้นน้ำตกที่ไหลลดหลั่นกันลงมาถึง ๑๐๐ ชั้น จากหน้าผาสูงลดระดับตามความลาดเอียงของภูเขา มื้อเที่ยงรับประทานอาหารท้องถิ่นที่อำเภอพรหมคีรี ช่วงบ่ายเดินทางไปวัดเขาขุนพนม วัดเก่าแก่ที่มีความสำคัญด้านประวัติศาสตร์และโบราณคดี เล่ากันว่า วัดแห่งนี้เป็นสถานที่ที่สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชเสด็จมาผนวชและจำพรรษาจนสวรรคต นอกจากนี้ยังมีพระอุโบสถ “มหาอุด” สำหรับทำพิธีกรรมต่าง ๆ แล้วเดินทางกลับสู่ตัวเมืองเพื่อชมและเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ของฝาก ได้แก่ เครื่องเงิน เครื่องถม จักสานย่านลิเภา

หากใครไม่ชอบเล่นน้ำตก แต่อยากลงทะเล แนะนำให้ออกเดินทางแต่เช้าตรู่มุ่งหน้าสู่อำเภอขนอม เพื่อลงเรือที่แหลมประทับไปชมโลมาสีชมพู ที่สามารถพบเห็นได้ง่ายในบริเวณรอบ ๆ อ่าวขนอม นอกจากนี้ยังได้ชมเขาหินพับผ้า ปรากฏการณ์ทางธรณีวิทยาที่สามารถเห็นได้บนเขาหิน และเกาะบางเกาะในทะเลขนอม และบริเวณหน้าอ่าวเตล็ด หากติดอกติดใจกับความเงียบสงบและสวยงามของทะเลขนอม จะเลือกนอนพักที่นี่สักคืน ก็มีที่พักให้เลือกหลากหลาย จากนั้นจะเดินทางกลับภูมิลำเนา หรือจะเดินทางเที่ยวต่อไปจังหวัดสุราษฎร์ธานีก็น่าสนใจไม่น้อย

 


สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
บริษัทที่ปรึกษาประชาสัมพันธ์ บริษัท อเกต คอมมิวนิเคชั่น จำกัด
คุณสาวิตรี เกลี้ยงเกิด (ก้อย) 092 292 4624 คุณพิภัสสร เลี้ยงอำนวย (พลอย) 089 200 9040 คุณทิพย์รัตน์ พรหมอินทร์ (แป้ง) 082 480 4176 Email : This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.