รายงานเต็ดตรา แพ้ค อินเด็กซ์ 2023 เผยผู้บริโภคเล็งเห็นความเชื่อมโยง ระหว่างสุขภาพส่วนบุคคลและสวัสดิภาพของโลกมากขึ้น 54% ของผู้บริโภคคำนึงถึงอนาคตของโลกเมื่อตัดสินใจเลือกอาหาร

รายงานเต็ดตรา แพ้ค อินเด็กซ์ 2023 เผยผู้บริโภคเล็งเห็นความเชื่อมโยง ระหว่างสุขภาพส่วนบุคคลและสวัสดิภาพของโลกมากขึ้น 54% ของผู้บริโภคคำนึงถึงอนาคตของโลกเมื่อตัดสินใจเลือกอาหาร

 

 

  • กรุงเทพฯ (1 ธันวาคม 2566) – เต็ดตรา แพ้ค ผู้นำเสนอโซลูชันบรรจุภัณฑ์และกระบวนการผลิตอาหารชั้นนำของโลก เปิดเผยผลการศึกษาจากงานวิจัยระดับโลก เต็ดตรา แพ้ค อินเด็กซ์ 2023 (Tetra Pak Index 2023) จากการสำรวจใน 10 ประเทศโดยบริษัทวิจัยตลาด IPSOS รายงานระบุว่าผู้บริโภคในปัจจุบันมีความจริงจังในการพิจารณาประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมควบคู่ไปกับสุขภาพส่วนบุคคลเมื่อเลือกซื้ออาหาร โดยผู้บริโภคที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมเหล่านี้ที่เรียกกันว่า ‘Climatarians’ หรือกลุ่มผู้บริโภคเพื่อปกป้องสภาพภูมิอากาศนั้น พร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการกินดื่มของตนเองเพื่อปกป้องสวัสดิภาพของโลก

     

    ตลาดสำหรับอาหารเพื่อสุขภาพได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้บริโภคเนื่องจากมีความตื่นตัวในการแสวงหาผลิตภัณฑ์ที่ดีต่อสุขภาพร่างกายมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม คนส่วนใหญ่ในปัจจุบันมีมุมมองแบบองค์รวมมากขึ้น โดย 70% ของผู้บริโภคเชื่อว่าผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพไม่ควรส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ในขณะที่อีก 54% ของผู้บริโภค ยินดีที่จะรับผิดชอบต่อโลกโดยปรับเปลี่ยนมื้ออาหารของตนเพื่อโลกที่น่าอยู่ขึ้น

     

    การให้ความสำคัญกับประเด็นทั้งสองประการนี้สะท้อนจากแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นของผู้บริโภคที่ตั้งใจลดปริมาณการรับประทานเนื้อสัตว์ลง หรือที่เรียกอีกอย่างว่า “ผู้ที่รับประทานอาหารมังสวิรัติแบบยืดหยุ่น” (flexitarians) โดยมีผู้บริโภคเกือบครึ่งหนึ่งชี้ว่าพวกเขาตั้งใจลดการบริโภคเนื้อสัตว์หรือไม่บริโภคเนื้อสัตว์เลย จากรายงานฉบับนี้พบว่าแนวโน้มในการลดการบริโภคเนื้อสัตว์เป็นปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นทั่วโลก โดยมีผู้ตอบแบบสำรวจถึง 56% ระบุเหตุผลด้านสุขภาพในการเลือกรับประทานมังสวิรัติแบบยืดหยุ่น (flexitarian) มังสวิรัติปลา (pescatarian) มังสวิรัติแบบเคร่งครัด หรือวีแกน (vegetarian) โดยมากกว่าหนึ่งในสาม (36%) ยังระบุว่าแรงจูงใจหลักมาจากการคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม

     

    นอกจากนี้ รายงานฉบับนี้ได้เปิดเผยว่าความสะดวกสบายไม่ใช่เรื่องหลักของผู้บริโภคอีกต่อไป จากการเปลี่ยนแปลงทัศนคติดังกล่าวที่หยั่งรากลึกมายาวนาน ได้สะท้อนให้เห็นว่า 70% ของผู้บริโภคยอมสละความสะดวกสบายเพื่อผลิตภัณฑ์ที่ดีต่อสุขภาพ อีกทั้งวิกฤตค่าครองชีพไม่ได้มีผลต่อความมุ่งมั่นเพื่อสุขภาพแต่อย่างใด โดยมีผู้บริโภคเพียง 17% เท่านั้นที่ยอมละเว้นอาหารและเครื่องดื่มที่ดีต่อสุขภาพในภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน และมีการคาดการณ์ว่าเทรนด์การบริโภคเพื่อปกป้องสภาพภูมิอากาศ (climatarian) จะเติบโตขึ้นอีกด้วย เนื่องจากผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศที่เกิดขึ้นนั้นเป็นที่รับรู้ในวงกว้าง โดยผู้บริโภคคาดหวังให้ผู้ผลิตอาหารส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่ทั้งดีต่อสุขภาพและคำนึงถึงความยั่งยืนควบคู่กันไป

     

    จากรายงานการศึกษาและวิจัยระดับโลกฉบับนี้ เห็นได้ชัดว่าเรื่องสุขภาพยังคงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับผู้บริโภคโดยมีความเชื่อมโยงกับเรื่องสิ่งแวดล้อมอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ มีประเด็นสำคัญ 3 ประการที่สอดคล้องกับบริบทของประเทศไทย ดังนี้:

    • สุขภาพสำคัญยิ่งกว่าเดิม: ผู้บริโภค 70% ระบุว่าสุขภาพมีความสำคัญต่อพวกเขามากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดย 2 ใน 3 ใส่ใจสิ่งที่พวกเขากินและดื่มมากขึ้น และ 70% กล่าวว่ารู้สึกดีขึ้นจริงหลังปรับเปลี่ยนพฤติกรรมดังกล่าว 
    • การเปลี่ยนแปลงต้องมาพร้อมรสชาติที่ดี: ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ที่มุ่งเน้นด้านสุขภาพ เปี่ยมด้วยโภชนาการ หรือใส่ใจความยั่งยืนแค่ไหนก็ตาม ผู้บริโภคยังคงต้องการอาหารรสชาติที่ดี การสร้างดุลยภาพของต้นทุนจะกลายเป็นกุญแจสำคัญของผลิตภัณฑ์อาหารยุคใหม่ ซึ่งคาดการณ์ว่าเราอาจได้เห็นความเคลื่อนไหวนี้ภายในปี 2568 
    • ความตึงเครียดด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม: ราว 2 ใน 3 (65%) เชื่อว่าเทคโนโลยีจะทวีความสำคัญต่อสุขภาพมากขึ้น  และมีบทบาทในการสร้างอนาคตที่ยั่งยืนมากขึ้น (62%) แต่เกือบครึ่งหนึ่ง (48%) คิดว่ามีนวัตกรรมอาหารที่เกิดขึ้นมากเกินไปและกังวลว่าเรื่องนี้จะอาจไม่ส่งผลดีต่อพวกเขา  


    คุณสุภนัฐ รัตนทิพ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เต็ดตรา แพ้ค (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ในประเทศไทยมีสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดว่าผู้คนหันมาให้ความใส่ใจในการเลือกบริโภคมากขึ้น และในขณะเดียวกันเรากำลังเผชิญหน้ากับความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนระหว่างเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่เกิดขึ้น เนื่องจากผู้บริโภคชาวไทยเป็นจำนวนมากตระหนักถึงความสำคัญของปัจจัยเหล่านี้ต่อสุขภาพและความยั่งยืน สิ่งสำคัญอีกประเด็นก็คือการเปลี่ยนแปลงใดๆ นั้นต้องมาพร้อมรสชาติที่สอดคล้องไปกับรสนิยมของผู้บริโภคเสมอ เพราะไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ที่มุ่งเน้นด้านสุขภาพ หรือใส่ใจความยั่งยืนเพียงใดก็ตาม ผู้บริโภคยังคงต้องการอาหารที่มีรสชาติตรงใจ” 

     

    คุณรัตนศิริ ติลกสกุลชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท เต็ดตรา แพ้ค (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “เต็ดตรา แพ้ค มีการดำเนินงานมาอย่างยาวนานในระดับโลกที่คำนึงถึงการยกระดับความเป็นอยู่ของผู้คน การลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และการสนับสนุนให้ผู้คนทั่วโลกเข้าถึงอาหารที่ดีต่อสุขภาพได้ง่ายยิ่งขึ้น รายงานเต็ดตรา แพ้ค อินเด็กซ์ ฉบับล่าสุด ได้ย้ำให้เห็นถึงความพยายามอย่างต่อเนื่องของเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแง่มุมของการนำเสนอปัญหาเร่งด่วน เช่น การเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศและความกังวลด้านสิ่งแวดล้อมที่มีความเชื่อมโยงกัน ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพมากขึ้นเรื่อยๆ”

     

    “บริษัทของเรายังคงมุ่งมั่นดำเนินการต่อไปเพื่อลดปริมาณขยะอาหารและผลกระทบต่อสภาพภูมิอากาศ โดยหาวิธีนำส่วนประกอบที่ไม่ได้ถูกนำมาใช้จากกระบวนการการผลิตอาหารกลับมาใช้ใหม่ เดินหน้าสำรวจแหล่งโปรตีนทางเลือก และนำเสนอโซลูชันด้านเทคโนโลยีเพื่อรับมือกับความท้าทายที่เรากำลังเผชิญอยู่ในระบบอาหารทั่วโลกในปัจจุบัน”

     

    อ่านข้อมูลเพิ่มเติมของ รายงานเต็ดตรา แพ้ค อินเด็กซ์ 2023 ได้ที่นี่