กรุงไทยแอกซ่าประกันชีวิต โชว์เบี้ยรับประกันรวมปี 60 แตะ 6.33 หมื่นลบ.บุกตลาดประกันการลงทุน มุ่งมั่นด้านการลงทุน และสุขภาพ

กรุงไทยแอกซ่าประกันชีวิต โชว์เบี้ยรับประกันรวมปี 60 แตะ 6.33 หมื่นลบ.บุกตลาดประกันการลงทุน มุ่งมั่นด้านการลงทุน และสุขภาพ

 

  

 

 

 

กรุงไทยแอกซ่าประกันชีวิต โชว์เบี้ยรับประกันรวมปี 60 แตะ 6.33 หมื่นลบ.บุกตลาดประกันการลงทุน มุ่งมั่นด้านการลงทุน และสุขภาพ

 

 

มร. เดวิด โครูนิช ประธานกรรมการบริหาร แอกซ่า ประเทศไทย และ ประธานกรรมการบริหาร บมจ. กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต กล่าวว่า “ในปี 2561 นี้ เรายังคงมุ่งหน้าให้โอกาสทุกคนได้มีชีวิตที่ดีขึ้นตามใจปรารถนา โดยเน้นด้านการมีลูกค้าเป็นศูนย์กลาง และการผสานรวมของเทคโนโลยีใหม่ๆ กับการมอบทางเลือกที่ดียิ่งขึ้นให้กับลูกค้าคนสำคัญของเราผ่านผลิตภัณฑ์และการบริการที่มีคุณภาพทุกที่ทุกเวลา นอกจากนั้น ธุรกิจด้านประกันชีวิตควบการลงทุน และประกันสุขภาพ จะยังคงเป็นกลยุทธ์หลักที่สำคัญ และช่วยขับเคลื่อนกรุงไทย–แอกซ่า ประกันชีวิต ให้ก้าวสู่ผู้นำธุรกิจประกันชีวิตควบการลงทุน และสุขภาพ


จากผลการวิจัย พบว่า ลูกค้ามีความสนใจที่จะสร้างความมั่งคั่งและมั่นคงทางการเงิน ผ่านการลงทุนเพิ่มมากขึ้น กรุงไทย–แอกซ่า ประกันชีวิต จึงได้จัดกิจกรรมสัมมนาทางการเงิน “Wealth Seminar – ไขความลับการลงทุนประตูสู่ความมั่งคั่ง” เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าทั่วประเทศไทย ซึ่งได้มีการแนะนำผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตควบการลงทุนของบริษัทฯ ที่มีความยืดหยุ่นสูง โดยลูกค้าสามารถปรับสัดส่วนของการลงทุน และความคุ้มครองได้ตามความต้องการในทุกช่วงชีวิต ซึ่งการปรับสัดส่วนการลงทุนตามความต้องการ เพื่อให้ได้รับผลตอบแทนที่สูงสุดจากกองทุนที่แนะนำและคัดเลือกโดยกรุงไทย–แอกซ่า ประกันชีวิต ในงานสัมมนา ลูกค้าจะได้รับข้อมูลเชิงลึกด้านการลงทุน และแนะแนวทางการลงทุนอย่างชาญฉลาดจากผู้เชี่ยวชาญ รวมถึงข้อมูลผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตควบการลงทุน อาทิ ไออินเวสท์ และ ไอเวลท์ตี้ ทั้งนี้บริษัทฯ ได้เริ่มจัดงานสัมมนากว่า 30 ครั้ง ซึ่งได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดี และสามารถสร้างยอดขายเบี้ยรับประกันภัยปีแรกได้สูงกว่าถึง 1 พันล้านบาท และทางบริษัทฯ ยังมีแผนในการจัดสัมมนาดังกล่าวอย่างต่อเนื่องจำนวน 100 สัมมนาตลอดปี 2561 ทั่วประเทศไทย


นอกจากตลาดประกันชีวิตควบการลงทุน และการสร้างความมั่งคั่งทางการเงินแล้ว กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิตยังมีแผนเปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ ซึ่งเน้นการให้ความสำคัญและสร้างการตระหนักรู้ถึงการมีประกันสุขภาพ ซึ่งบริษัทฯ มุ่งหวังที่จะตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริงในระยะยาว จะเห็นได้ว่าผลิตภัณฑ์บางแบบ เป็นการให้ความคุ้มครองลูกค้าระยะยาวกว่า 10 ปี หรือตลอดอายุของลูกค้า ดังนั้นเราจึงมีความจำเป็นที่จะต้องพัฒนา และรักษาความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้าทุกรายของเรา เพื่อให้เราสามารถช่วยเหลือลูกค้าได้ตลอดทุกช่วงเวลา ตั้งแต่เริ่มรับการวินิจฉัย เข้ารับการรักษา จนกระทั่งหายจากการเจ็บป่วย โดยแผนโฆษณาจะทำผ่านสื่อต่างๆ ทุกช่องทาง


อีกทั้งในปีนี้ บริษัทฯ มีแผนเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตควบการลงทุน (ยูนิตลิงค์) พร้อมสัญญาเพิ่มเติม ผลิตภัณฑ์ประกันเพื่อการเกษียณ และประกันคุ้มครองสุขภาพ ที่จะขายผ่านช่องทางที่หลากหลายของบริษัทฯ


ยิ่งไปกว่านั้น บริษัทฯ มีแผนงานปรับภาพลักษณ์ของแบรนด์ หรือที่ว่า “แบรนด์ รีเฟรช” โดยเป็นการปรับรูปลักษณ์ และความเป็นตัวตนของแบรนด์ ให้เป็นแบรนด์ที่มีความทันสมัย เรียบง่าย และมีชีวิตชีวา การทำแบรนด์ รีเฟรชในครั้งนี้ เกิดจากเสียงสะท้อนของลูกค้า และความต้องการของกรุงไทย–แอกซ่า ที่ต้องการ “ให้โอกาสทุกคนได้มีชีวิตที่ดีขึ้นตามใจปรารถนา” โดยจะปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจนผ่านงานกิจกรรม สื่อต่างๆ และภาพยนตร์โฆษณาของเราที่จะเปิดตัวเร็วๆ นี้


ในปีที่ผ่านมา กรุงไทย–แอกซ่า ประกันชีวิต มียอดการลงทุนรวมที่ 235 พันล้านบาท และยังคงเน้นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนอย่างสม่ำเสมอ โดยมีอัตราส่วนการลงทุนในหุ้นทุนร้อยละ 7 พันธบัตรร้อยละ 83 กองทุนกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ร้อยละ 3 ตราสารการเงินระยะสั้นร้อยละ 1 และการลงทุนด้านอื่นๆ อีกร้อยละ 6 ผลการดำเนินธุรกิจ บริษัทฯ มีเบี้ยรับปีแรก จำนวน 12.36 พันล้านบาท และเบี้ยรับรวม จำนวน 63.37 พันล้านบาท โดยแบ่งสัดส่วนเบี้ยรับปีแรก ตามช่องทางจัดจำหน่าย ดังนี้ ช่องทางการจัดจำหน่ายผ่านธนาคารจำนวน 5.82 พันล้านบาท ช่องทางตัวแทน 6.28 พันล้านบาท ช่องทางการจัดจำหน่ายผ่านธุรกิจองค์กร 250 ล้านบาท และอีบิซิเนส 15 ล้านบาท


กรุงไทย–แอกซ่า ประกันชีวิต มีช่องทางการจัดจำหน่ายที่แข็งแกร่ง ไม่ว่าจะเป็น ช่องทางธนาคารผ่านธนาคารกรุงไทย และมีตัวแทนฝ่ายขายกว่า 15,000 คน และสำนักงานตัวแทนกระจายอยู่ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทยกว่า 106 สำนักงาน ในปี 2561 บริษัทฯ มีแผนที่จะเพิ่มสำนักงานตัวแทนอีก 15 แห่ง และเพิ่มจำนวนตัวแทน 2,000 คน นอกจากนี้เรายังมุ่งมั่นที่จะเพิ่มและพัฒนางานขายให้ฝ่ายขายของเรามีความเป็นมืออาชีพมากยิ่งขึ้น ผ่านโปรแกรมการฝึกอบรมและการพัฒนาที่มีประสิทธิภาพ และการใช้เครื่องมือดิจิทัลที่ทันสมัย เพื่อเพิ่มผลผลิตทั้งคุณภาพการขาย และความพึงพอใจของลูกค้า


น.ส. บุปผาวดี โอวรารินท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายทรัพยากรบุคคล กล่าวว่า บุคลากรของบริษัทฯ ถือเป็นทรัพย์สินที่มีค่าและมีความสำคัญมากที่สุด บริษัทฯ ได้มีการปรับปรุงและพัฒนาสวัสดิการใหม่ๆ อยู่เสมอ เพื่อเป็นสวัสดิการที่ดีของพนักงาน และสร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง รวมถึงอุตสาหกรรมอื่นๆ อาทิ

· ลาคลอด 112 วัน (โดยได้รับค่าจ้าง)

· ลาดูแลภรรยาคลอดบุตร 28 วัน (โดยได้รับค่าจ้าง)

· ลาเพื่อแปลงเพศ

· ลาเนื่องในวันคล้ายวันเกิด

· ลาเพื่อไปร่วมกิจกรรมช่วยเหลือสังคม

· ลาดูแลคนป่วยในครอบครัว

· เลิกงานก่อนเวลาในช่วงเทศกาล

· สิทธิคุ้มครองสุขภาพสำหรับคู่รักเพศที่สาม

· โปรแกรมให้คำปรึกษาแก่พนักงาน

จากความสำเร็จของเราในหลายๆ ปีที่ผ่านมา ในปีนี้ บริษัทฯ มีแผนงานที่จะรีเฟรชโครงการ Employer Branding เพื่อนำเสนอความเป็นเอกลักษณ์ที่ชัดเจน "Employee Value Proposition" ที่ไม่เหมือนใคร และเพื่อดึงดูดพนักงานที่มีความสามารถในตลาด โดยเราตระหนักถึงความสำคัญของการสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับพนักงานแต่ละคน เนื่องจากความสุขและการมีส่วนร่วมของพนักงาน ถือเป็นความสัมพันธ์โดยตรงกับความพึงพอใจของลูกค้าของเรา


น.ส. บุปผาวดี โอวรารินท์ กล่าวเสริมว่า “เรามุ่งหวังที่จะสร้างความสัมพันธ์ที่มั่นคงกับพนักงาน โดยการฟังเสียงของพนักงานทุกคน เราจึงริเริ่มทำหลายๆ กิจกรรมขึ้น เช่น ซีอีโอพบปะพนักงานการสอบถามความคิดเห็นพนักงานด้านต่างๆ ผ่าน ซีอีโอบอกซ์ และการทำแบบสอบถามความพึงพอใจของพนักงาน ที่ล้วนแล้วแต่เป็นข้อเสนอแนะที่มีค่าต่อบริษัทฯ ที่กรุงไทย–แอกซ่า ประกันชีวิต เรามุ่งมั่นที่จะสร้างและรักษาภาพลักษณ์ที่แข็งแกร่งของแบรนด์ โดยพนักงานถือเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญ ซึ่งจะเห็นได้ว่าพนักงานจะมีความกระตืนรือร้นในการทำงานอย่างเต็มกำลังความสามารถ เมื่อพวกเขารู้สึกภาคภูมิใจในสิ่งที่พวกเขาทำและทำงานกับองค์กรที่พวกเขาไว้วางใจในค่านิยม วัฒนธรรม และทิศทางเชิงกลยุทธ์ของบริษัท”


มร. เดวิด โครูนิช กล่าวเสริมว่า “เราตระหนักถึงความสำคัญของการสร้างวัฒนธรรมในองค์กรที่มีความเปิดเผย และโปร่งใส เราเป็นหนึ่งในผู้นำขององค์กรที่มุ่งเน้นด้านการสร้างความเสมอภาคและความเท่าเทียมกัน (D&I) ในประเทศไทย โดยปัจจุบันเรามีพนักงานจาก 12 เชื้อชาติ และ 45% ของผู้บริหารระดับสูงเป็นผู้หญิง นอกจากนั้นการรับสมัครงานของบริษัทฯ ยังให้สิทธิต่อทุกคนอย่างเสมอภาค อีกทั้งการให้สิทธิต่อเพศที่สามตามที่คุณบุปผาวดีได้กล่าวก่อนหน้านี้ ปัจจุบันเราต่อยอดถึงการพัฒนาด้านผลประโยชน์ของผลิตภัณฑ์ เพื่อประโยชน์สูงสุดแก่ลูกค้าของเราไม่ว่าจะเป็นเพศใดก็ตาม เพื่อคู่รักเพศเดียวกัน (LGBT) ในทุกผลิตภัณฑ์ประกันของเรา นอกจากนั้นเรายังมุ่งมั่นในด้านความเสมอภาคและความเท่าเทียมกัน (D&I) โดยบริษัทฯ เป็นผู้สนับสนุนหลักในหลายโครงการ เช่น Run2gether และการประกวด Miss International Queen ที่สนับสนุนต่อเนื่องเป็นปีที่ 2”


ในฐานะผู้นำประกันชีวิต กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต ให้ความสำคัญต่อการศึกษาและการวางแผนทางการเงิน ของเยาวชนและนักเรียน ส่งผลให้บริษัทฯ ร่วมมือกับหลายองค์กร ได้แก่ Junior Achievement ประเทศไทย และมูลนิธิครอบครัวพอเพียง ร่วมสร้างหลักสูตรพิเศษ ที่ใช้ชื่อว่า “หลักสูตรประกันความสำเร็จของคุณ” เพื่อสอนน้องๆ นักเรียน ในเรื่องความสำคัญของการวางแผนทางการเงิน โดยหลักสูตรดังกล่าวเริ่มต้นขึ้นในปี 2557 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งมีนักเรียนที่เข้าเรียนในหลักสูตรดังกล่าวกว่า 1,850 คน หลักสูตรนี้ไม่เพียงแต่ให้ความสำคัญในการเลือกการวางแผนทางการเงินที่ดีที่สุด การออมเงินเพื่ออนาคต รวมถึงการวางแผนงบประมาณในครัวเรือน ยังสอนถึงเรื่องความสำคัญของการประกันชีวิตหากเกิดสิ่งที่ไม่คาดฝันขึ้นในอนาคต


ในปีนี้ เรามีการปรับโครงสร้างองค์กร มุ่งเน้นธุรกิจประกันชีวิต และธุรกิจประกันสุขภาพ โดยได้มีการแต่งตั้งคุณพอล แอร์โรวสมิธ ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ ธุรกิจประกันชีวิต และคุณอองเดร ซานิค ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ ธุรกิจประกันสุขภาพ โดยผู้บริหารทั้ง 2 ท่านจะบริหารงานในการส่งมอบการบริการและผลิตภัณฑ์ที่มุ่งเน้นประโยชน์สูงสุดให้กับลูกค้าของเรา นอกจากนี้ ได้มีการแต่งตั้งคุณโคลด เซนย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารคนใหม่ ดูแลงานธุรกิจประกันภัย


นอกจากนี้ เพื่อสนับสนุนและสร้างความแข็งแกร่ง ของกลยุทธ์ “One AXA” แอกซ่าในประเทศไทย ได้แก่ กรุงไทย–แอกซ่า ประกันชีวิต แอกซ่าประกันภัย และแอกซ่าพาร์ทเนอร์ จะทำงานร่วมกัน เพื่อการสร้างความเติบโตและเพิ่มประสิทธิภาพ พร้อมทั้งส่งเสริมการทำงานร่วมกันเป็นหนึ่ง


สำหรับปี 2561 ผมมองว่า จะเป็นอีกหนึ่งปีแห่งความท้าทาย สำหรับธุรกิจประกัน ด้วยการแข่งขันด้านนวัตกรรม และเทคโนโลยี รวมถึงความคาดหวังที่เพิ่มขึ้นของลูกค้า แต่ผมยังมั่นใจว่า ธุรกิจประกันจะยังคงมีโอกาสเติบโตอีกมาก ในประเทศไทย”