มั่นคงเคหะการ เผยยอดขายปี 60 ทะลุ 3,000 ล้านบาท เติบโตกว่า 7% หลังรุกตลาดแนวราบต่อเนื่อง พร้อมเดินหน้าธุรกิจให้เช่าและบริการ

มั่นคงเคหะการ เผยยอดขายปี 60 ทะลุ 3,000 ล้านบาท เติบโตกว่า 7% หลังรุกตลาดแนวราบต่อเนื่อง พร้อมเดินหน้าธุรกิจให้เช่าและบริการ

 

 

 

 

 

มั่นคงเคหะการ เผยยอดขายปี 60 ทะลุ 3,000 ล้านบาท เติบโตกว่า 7%
หลังรุกตลาดแนวราบต่อเนื่อง พร้อมเดินหน้าธุรกิจให้เช่าและบริการ

 

 

นายวรสิทธิ์ โภคาชัยพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) หรือ MK เปิดเผยว่า ในปี 2560 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและบริการรวม 3,064.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 193.63 ล้านบาท หรือคิดเป็น 6.74% เมื่อเทียบกับผลประกอบการในปี 2559 และมีกำไรขั้นต้นจากการดำเนินธุรกิจรวมประมาณ 1,058 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 51.27 ล้านบาท หรือคิดเป็น 5.09% จากรายได้ในธุรกิจหลักและธุรกิจย่อย ประกอบด้วย รายได้จากธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รวม 2,765.32 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 117.77 ล้านบาท หรือคิดเป็น 4.45% โดยยังมีกำไรขั้นต้นจากการขายอสังหาริมทรัพย์ 904.53 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.4 ล้านบาท จากการพัฒนาโครงการแนวราบและแนวสูง


ในส่วนธุรกิจให้เช่าและบริการนั้น บริษัทฯ มีรายได้ 195.90 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 66.05 ล้านบาท หรือคิดเป็น 50.86% โดยรายได้ส่วนใหญ่มาจากการให้เช่าและบริการพื้นที่คลังสินค้าและโรงงาน ในโครงการบางกอกฟรีเทรดโซนของบริษัท พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ถือหุ้นอยู่ 100% ส่งผลให้บริษัทฯ มีกำไรขั้นต้นจากธุรกิจให้เช่าและบริการรวม 107.14 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 58.16% ทั้งยังมีรายได้จากธุรกิจสนามกอล์ฟ และธุรกิจบริหารอสังหาริมทรัพย์ รวม 103.28 ล้านบาท นอกจากนี้บริษัทฯ ยังได้ลงทุนก่อสร้างคลับเฮ้าส์ใหม่ เพื่อยกระดับความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจ ทั้งในส่วนการให้บริการสนามกอล์ฟและร้านอาหาร ซึ่งจะช่วยเพิ่มสัดส่วนรายได้ ตลอดจนช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ และศักยภาพโครงการของบริษัทฯ ในทำเลดังกล่าว โดยเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการแล้วตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา


“สำหรับการดำเนินธุรกิจในปีนี้ บริษัทฯ ได้วางกลยุทธ์การเติบโตในด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการขาย โดยยังคงเน้นเพิ่มรายได้จากการพัฒนาโครงการแนวราบให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกันได้วางแผนเพิ่มสัดส่วนรายได้จากธุรกิจที่สามารถสร้างรายได้ที่สม่ำเสมอให้กับบริษัทฯ ในระยะยาว ทั้งนี้ มีแผนพัฒนาโครงการใหม่รวม 7 โครงการ แบ่งเป็น โครงการบ้านเดี่ยว 5 โครงการ และโครงการทาวน์โฮม 2 โครงการ โดยเน้นพัฒนาโครงการในทำเลใกล้เคียงกับโครงการเดิมในปีที่ผ่านมา เนื่องจากเป็นทำเลที่มีศักยภาพตลอดจนยังมีกำลังซื้ออยู่มาก อาทิ กรุงเทพฯ ฝั่งตะวันตก กรุงเทพฯ ตอนเหนือ


และกรุงเทพฯ-ปทุมธานี ซึ่งทำเลกรุงเทพ-ปทุมธานีถือว่าเป็นทำเลที่ได้รับการตอบรับจากลูกค้าดีที่สุดทำเลหนึ่ง ประกอบกับการพัฒนาและปรับโฉมคลับเฮ้าส์สนามกอล์ฟใหม่ จะช่วยเพิ่มศักยภาพให้กับทำเลดังกล่าวมากขึ้นอีกด้วย” นายวรสิทธิ์ โภคาชัยพัฒน์ กล่าวสรุป