“มั่งคั่งแอนนิมอล”...จากเส้นทางธุรกิจเสื้อผ้า สู่ความสำเร็จเกษตรกรอัจฉริยะ

“มั่งคั่งแอนนิมอล”...จากเส้นทางธุรกิจเสื้อผ้า สู่ความสำเร็จเกษตรกรอัจฉริยะ

 

 

“มั่งคั่งแอนนิมอล”...จากเส้นทางธุรกิจเสื้อผ้า สู่ความสำเร็จเกษตรกรอัจฉริยะ ในระบบคอนแทรคฟาร์ม

 

ความมั่นคงในอาชีพอาจจะวัดจากรายได้ต่อปี ยอดขาย หรือกำไรสุทธิ แต่สำหรับ “ภชภณ  วนพงศ์ทิพากร” มองต่างไปถึงความต่อเนื่องของอาชีพแบบไร้ความเสี่ยง แต่เป็นความมั่นคงที่สร้างความมั่งคั่งให้กับเขาและคุณภาพชีวิตที่ดีของครอบครัว

 

ภชภณ เล่าว่า เดิมทำธุรกิจครอบครัวตัดเย็บเสื้อผ้าส่งประตูน้ำ แต่ตนเองมีมุมมองกับธุรกิจเสื้อผ้า คือการรอรับคำสั่งซื้อจากลูกค้า ที่เสี่ยงกับความไม่แน่นอน และมองว่าวัตถุดิบหลายอย่างที่ใช้ในการผลิต ไม่สามารถใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างเช่นในขั้นตอนผลิตมีเศษผ้าเหลือใช้กลายเป็นต้นทุนแฝง ขณะที่คู่แข่งของไทย ทั้งฮ่องกงและจีน ที่มีการพัฒนาอย่างรวดเร็วไปสู่เทคโนโลยีการผลิตขั้นสูง เขาจึงต้องมองหาช่องทางธุรกิจที่ตอบโจทย์ ทั้งการมีการสั่งซื้อที่แน่นอนและมีความเสี่ยงน้อยที่สุด

 

หนึ่งในธุรกิจที่สามารถตอบโจทย์นั้นได้มากที่สุด คือ การเลี้ยงไก่เนื้อในระบบเกษตรพันธสัญญา หรือ “คอนแทรคฟาร์ม” โดยภชภณเริ่มต้นเป็นเกษตรกรคอนแทรคฟาร์ม ภายใต้ชื่อ บริษัท มั่งคั่งแอนนิมอล จำกัด ทำประกันราคากับบริษัทชั้นนำแห่งหนึ่ง เมื่อปี 2546 หลังเห็นตัวอย่างความสำเร็จของญาติที่จังหวัดบุรีรัมย์ 

 

“ผมอ่านสัญญาอย่างดี ก่อนเริ่มต้นธุรกิจคอนแทรคฟาร์มมิ่ง ประเมินแล้วว่าไม่มีความเสี่ยงด้านการตลาด ปัญหาโรคน้อย ต้นทุนต่ำสุด ที่สำคัญต้องคิดว่า ตัวเราคือผู้รับจ้างเลี้ยงที่มีประสิทธิภาพสูง เพื่อผลตอบแทนที่ดีที่สุด” ภชภณ กล่าว

 

เมื่อเริ่มแรกเขาเรียนรู้การเลี้ยงไก่ด้วยตัวเอง จากการฝึกงานในฟาร์ม เรียกว่ากิน-นอนอยู่ในฟาร์ม ควบคู่กับการสรรหาบุคลากรที่มีความรู้มาช่วยงานในฟาร์มด้วยตัวเอง และยังเดินทางไปศึกษาความก้าวหน้าของเทคโนโลยีและระบบฟาร์ม ในงานแสดงเทคโนโลยีทางปศุสัตว์ระดับนานาชาติ เพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์มาประยุกต์ใช้ในฟาร์มอย่างเหมาะสม

 

ปัจจุบัน ภชภณยกเลิกสัญญากับบริษัทแรกไปหลายปีแล้ว และทำสัญญาคอนแทรคฟาร์มกับบริษัทผู้ผลิตและส่งออกเนื้อสัตว์รายใหญ่ 3 บริษัท เพื่อให้มีเงินทุนหมุนเวียนในธุรกิจต่อเนื่อง หนึ่งในนั้นคือ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ ที่ร่วมงานกันมาตั้งแต่ปี 2562 ปัจจุบันเลี้ยงไก่เนื้อ 270,000 ตัว จำนวน 10 โรงเรือน ในจังหวัดนครราชสีมาและปราจีนบุรี

 

สำหรับการเลี้ยงไก่เนื้อเป็นคู่สัญญากับซีพีเอฟ ภชภณบอกว่าต้องทำงานแข่งกับตัวเอง เลี้ยงให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดตามเกณฑ์ที่บริษัทกำหนด อย่างเช่นกำหนดให้ไก่ตายได้ 2% และกำหนดน้ำหนักมาตรฐานในวันจับสัตว์ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่สะท้อนความสามารถในการเลี้ยงและการบริหารจัดการฟาร์ม ทำให้ได้ผลตอบแทนสูงสุดจากบริษัท และยังเป็นอีกฟันเฟืองสำคัญที่สร้างอาหารปลอดภัยให้ผู้บริโภค ที่สำคัญ ภชภณ ยังเดินหน้าผลักดันให้ฟาร์มมั่งคั่งแอนนิมอล เป็นเกษตรกรอัจฉริยะ หรือ Smart Farm เพื่อยกระดับการบริหารจัดการฟาร์มให้ทันสมัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

 

ที่สำคัญ ซีพีเอฟ ถือเป็นคู่ค้าที่ดี ผู้บริหารและพนักงานช่วยเหลือทันทีเมื่อเกิดปัญหา ทำให้สบายใจ โดยเฉพาะช่วงการระบาดของ  โควิด-19 ได้รับเงินช่วยเหลือจากผลกระทบด้านการจับไก่เข้าโรงงานชำเเหละไม่ได้ตามเเผนที่กำหนดไว้ ทำให้มีผลต่อประสิทธิภาพต้นทุน ค่าใช้จ่ายฟาร์มเพิ่มขึ้น ซึ่งทางบริษัทก็ได้ให้ความช่วยเหลือ เพื่อลดภาระต้นทุน ทำให้ฟาร์มมีเงินทุนหมุนเวียนเป็นค่าใช้จ่าย และกรณีที่การเลี้ยงทำได้ตามเป้าหมายก็เป็นการเพิ่มแต้มต่อมากกว่าคู่แข่งด้วย

 

ภชภณ กล่าวย้ำว่า การเลี้ยงไก่ระบบคอนแทรคฟาร์มมิ่งให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด เป็นความท้าทาย และยังกระตุ้นตัวเองให้พัฒนาตลอดเวลา วันนี้ฟาร์มของเขาอาจจะเป็นเด็กนักเรียนที่นั่งกลางห้อง แต่ภายในสิ้นปีนี้จะก้าวขึ้นไปเป็นเด็กหน้าห้อง จากประสิทธิภาพการผลิตที่ดีขึ้น และต้องรักษามาตรฐานอย่างสม่ำเสมอ  ด้วยการผลักดันให้ฟาร์มมั่งคั่งแอนนิมอล เป็นเกษตรกรอัจฉริยะ (Smart Farm) เพื่อยกระดับการบริหารจัดการฟาร์มให้ดียิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง

 

 

“ระบบเกษตรพันธสัญญา เราต้องมองปัจจัยแวดล้อมหลายด้าน เช่น พื้นที่การเลี้ยง คู่สัญญา และประสิทธิภาพในการเลี้ยงของฟาร์ม ผมจึงไม่คิดเรื่อง “เอาเปรียบ” กับ “เสียเปรียบ” แต่กลับไปดูว่าการเลี้ยงไก่และขายไก่ 1 ตัว ต้องลงทุนอะไรบ้าง เพราะการทำธุรกิจบนกระดาษอย่างเกษตรพันธสัญญา ต้องมีความเข้าใจ ต้องแข่งกับตัวเอง แข่งกับต้นทุน ทีมงาน จังหวะในการทำธุรกิจ เศรษฐกิจโลก และความสามารถในการบริหารจัดการฟาร์มและธุรกิจ ถ้าทั้งสองฝ่ายพึงพอใจก็เป็นคู่สัญญาที่ win-win สำหรับทุกฝ่าย” ภชภณ กล่าวอย่างมั่นใจ

 

จากความสำเร็จของระบบคอนแทรคฟาร์ม ทำให้ฟาร์มมั่งคั่งแอนนิมอล มีแผนขยายฟาร์มเพิ่มเติมในปี 2568 เพราะเห็นว่าธุรกิจนี้ยังเติบโตได้ ตราบใดที่คนยังต้องรับประทานอาหาร ส่วนหัวใจของความสำเร็จคือ การบริหารธุรกิจให้เร็ว และยังต้องสนุกกับการทำงาน ต้องเป็นแบบอย่างให้พนักงานและลูกชายได้เห็นอาชีพที่มีความก้าวหน้าและเติบโตตามเป้าหมาย

 

ทุกวันนี้ กิจวัตรประจำวันของ ภชภณ จึงไม่ใช่การตรากตรำทำงาน แต่คือการมีความสุขกับการได้ส่งลูกชายไปโรงเรียน หลังจากนั้นจะแวะเวียนไปตรวจเยี่ยมฟาร์มในพื้นที่และพูดคุยกับพนักงาน เมื่อถึง 3 โมงเย็น ก็ไปรับลูกจากโรงเรียนเพื่อไปซ้อมกอล์ฟ ได้ดูแลครอบครัวให้มีความสุข และยังมีความมุ่งหวังที่จะขยายธุรกิจไปสู่การทำผักไฮโดรโพรนิค ทั้งหมดนี้คือคำตอบของโจทย์ที่เขาตั้งไว้แต่แรกกับคอนแทรคฟาร์ม อาชีพมั่นคงที่สร้างความมั่งคั่งให้เขาได้อย่างแท้จริง.