อดีตสุดยอดนางแบบ & แม่หมอไพ่ยิปซี เพ็ญพร ไพฑูรย์

อดีตสุดยอดนางแบบ & แม่หมอไพ่ยิปซี เพ็ญพร ไพฑูรย์

 

 

 

 

เรื่อง : สุทธิคุณ กองทอง   ภาพ : ชวรินทร์ เผงสวัสดิ์ 

 
อดีตสุดยอดนางแบบ & แม่หมอไพ่ยิปซี  
เพ็ญพร ไพฑูรย์  

"รักสันโดษ ไม่ใช่จนตรอก" 



 
ย้อนอดีตดาวค้างฟ้าที่เคยมีความฝันอยากเป็นจิตรกรของโลก แต่ชะตาชีวิตลิขิตให้เป็นนางแบบชื่อดังของเมืองไทย ปัจจุบันอยู่ในโลกส่วนตัวอย่างสมถะ มีความสุขอยู่กับปลายพู่กัน และยึดอาชีพใหม่ แม่หมอไพ่ยิปซี 

 

เรื่องราวความรักที่ล่มสลายถึง 5 ครั้ง จนกระทั่งมีลูกกับพระเอกชื่อดัง ซึ่งเป็นคนที่เธอแค้นเพราะขโมยลูกไป จนทำให้ไม่ได้เห็นหน้าลูกกว่า 30 ปี บวกกับการทำธุรกิจเสื้อผ้าที่ไม่ประสบความสำเร็จ ถึงกับทำให้ "ติ๋ม" หรือ เพ็ญพร ไพฑูรย์ วัย 59 ปี อดีตนางแบบชื่อดัง หันหน้าเข้าหาพระธรรมให้ช่วยขัดเกลาจิตใจให้ใส ปราศจากความทุกข์ ด้วยการปฏิบัติธรรมมานานเป็นเวลาเกือบ 30 ปี หลายคนหาว่าเธอจนตรอก แต่เธอยืนยันสิ่งที่เห็นและเป็นอยู่เกิดจากชีวิตรักสันโดษมากกว่าเหตุผลอื่นใด 


 /// อาชีพใหม่ แม่หมอไพ่ยิปซี 

ย้อนกลับไปกว่า 30 ปีที่แล้ว หากเอ่ยชื่อ ติ๋ม-เพ็ญพร ไพฑูรย์ คงไม่มีใครไม่รู้จัก ในวงการบันเทิงหากเป็นงานเดินแบบ ถ่ายแบบ งานไหนงานนั้นต้องมีชื่อของเธอติดโผอยู่เสมอ ถือว่าเป็นสุดยอด เพราะเป็นนางแบบคิวทองจนงานล้นมือในยุคนั้น มีเพื่อนดารา-นางแบบในรุ่นเดียวกัน คือ นวลปรางค์ ตรีชิต, ลินดา ค้าธัญเจริญ และ ดวงตา ตุงคะมณี 

ในขณะที่อีกมุมหนึ่งของเธอก็มีความสนใจเรื่องการดูหมอจากไพ่ยิปซี “เมื่อ 10 ปีที่แล้ว วันหนึ่งได้ไปพบน้องหญิงซึ่งเป็นหม่อมราชวงศ์ เขาบอกว่า มีไพ่ยิปซีไวกิ้งอยู่บนห้องพระ และมีความรู้สึกว่าเหมาะกับเรามากเลยยกให้ ซึ่งก่อนหน้านี้ก็ชอบจับไพ่เป็นหมอดูทุกครั้งเลย เขาบอกว่า เรามีสัมผัสที่หก เลยศึกษามาเป็นกว่าสิบปีแล้ว ส่วนตัวเป็นคนชอบเรื่องลี้ลับ ศึกษาแล้วเราต้องปฏิบัติธรรมด้วย แล้วการดูไพ่ยิบซีเราจะดูว่าใครเหมาะกับคาถาของพระพุทธเจ้าบทไหน ก็จะให้บทสวดมนต์ไปสวดด้วย เพราะพระพุทธเจ้าตรัสว่าการบูชาพระองค์อย่างแท้จริง ก็คือการสวดมนต์ บางคนมาดูเสียใจร้องไห้พี่จะสอนและให้คาถาไปสวดจนทำให้ชีวิตเค้าดีขึ้น ก่อนที่ชีวิตจะเข้าโลง เราอยากมีอะไรให้กับเพื่อนมนุษย์ ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ ใครจนมาก็จะให้สวด สัมมาอะระหัง มั่งมีศรีสุข เดี๋ยวก็มีเอง 

“ดูให้กับเพื่อนและคนสนิท แต่เพื่อนๆ ก็ยุให้ทำเถอะ เท่าที่ดูให้เพื่อน เขาบอกพี่ดูแม่นจริงๆ แต่ก็ไม่ได้คิดจะเป็นหมอดู เพราะคิดว่าเราเป็นอาร์ติสต์ พอช่วงหลังเศรษฐกิจไม่ดี ก็เลยต้องมายึดอาชีพหมอดูไพ่ยิปซีเป็นเรื่องเป็นราวเป็นปีแล้ว ที่ผ่านมาก็ถูกเชิญไปออกทีวีมาบ้าง” นี่เป็นบทบาทใหม่ของอดีตนางแบบชื่อดังกลายเป็นแม่หมอไปแล้ว  


/// เด็กวัง เด็กวัด และจิตรกรโลก 

เธอลูกคนที่ 2 ในจำนวนพี่น้อง 4 คน คุณพ่อเป็นคนสุโขทัย คุณแม่เป็นคนแม่กลอง จ.สมุทรสงคราม มาทำงานเป็นข้าราชบริพารในวังท่าคลัง ในพระบรมมหาราชวัง และพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน เจ้าตัวเลยเรียกตัวเองว่าเป็นเด็กวังและเด็กวัด เพราะต้องนั่งรถรางเดินทางไปเรียนที่โรงเรียนวัดมหาธาตุ สมัยนั้นยังใช้สตางค์ที่เป็นรู ระหว่างที่เดินทางไปเรียนจะเห็นลุงแก่คนหนึ่งที่เป็นหมอดูแล้วต้องเสียค่าดูหนึ่งสตางค์ 

“เปิดเป็นสิบรอบก็ได้รูปภาพเดิม ลุุงทำนายว่าเป็นผู้หญิงเรือล่ม ตอนแรกไม่เข้าใจว่าหมายความว่ายังไง แต่มารู้ช่วงที่โตแล้วว่าครอบครัวจะแตกแยก บ้านพี่ครอบครัวไม่อบอุ่น เป็นคนที่เรียนหนังสือไม่เก่งเลย แต่ชอบวาดรูป กับวิชาภาษาไทย ถ้าเป็นเลขจะเป็นไข่ต้มเลย คือ ศูนย์ (หัวเราะ) ชีวิตไม่ได้อยู่ในกรอบ คุณพ่อไม่มีเวลาปล่อยเรากินเล่นอยู่ในวัง ส่วนคุณแม่ก็ไปขายของ คุณพ่อเป็นคนหล่อ สาวเลยมาชอบเยอะ แม่ไม่พอใจเลยเกิดปัญหาครอบครัวกันในที่สุด” 

นอกจากความใฝ่ฝันอยากเป็นจิตรกรของโลกแล้ว เธอยังนิยมชมชอบเหล่าทหารหาญเป็นพิเศษอีกด้วย “สมัยนั้นถ้าเห็นทหารใส่หมวกนั่งรถผ่านดิฉันจะไปยืนบ๊ายบายค่ะ (หัวเราะ) ไปให้กำลังใจเพราะถือว่าเป็นรั้วของชาติ เป็นคนชอบทหาร สมัยที่เรียนมีความฝันอยากเป็นจิตรกรของโลก แต่ไม่ได้เรียนตามที่ฝันไว้ เข้าเรียนที่เพาะช่างได้ปีเดียวก็ต้องออกมาทำงานส่งน้องเรียน เพราะพ่อแม่เลิกกัน ปัจจุบันโชคดีที่ได้กลับมาทำงานด้านศิลปะตามที่ตัวเองชอบ” 


 /// สยามสแควร์ แหล่งสร้างนางแบบเมืองไทย 

สมัยนั้นย่านสยามสแควร์ถือเป็นศูนย์รวมของเหล่าวัยรุ่นที่ชอบการแต่งตัวเป็นชีวิตจิตใจ จึงกลายเป็นที่ที่บรรดาแมวมองมาเฟ้นหาเด็กวัยรุ่นหน้าตาดี ให้ก้าวมาสู่วงการบันเทิงมากมาย เช่นเดียวกับอดีตนางแบบชื่อดังคนนี้ด้วย 

“ไปเดินแถวสยามมีโรงเรียนธิชาดีไซน์ ของพี่กุ้ง ซึ่งสนิทกับพี่จั๋ง (เริงศิริ ลิมอักษร) ที่เปิดร้านเสื้อเหมือนกัน ยุคนั้นคนสวยๆ หล่อๆ จะอยู่แถวนั้นกัน คนรวยๆ เขาก็จะไปดูผู้หญิงสวย ก็ได้ไปประกวด 10 ยอดนางแบบ เลยได้รู้จักกับ ณัฐกานต์ เศรษฐบุตร ตอนอายุ 17 เลยกลายเป็นเพื่อนรักกันมา รวมไปถึงคุณไก่ลูกสาวเปี๊ยก โปสเตอร์ด้วย 

“พอดีว่าพี่จั๋งก็สนิทกับคุณเล็ก (ภัทราวดี มีชูธน) ก็มาชวนว่าประกวดนางแบบไหม ตอนแรกไม่กล้าประกวด สมัยนั้นประกวดถ้าได้ที่ 1 จะได้เงิน 15,000 บาท ถ้าเป็นสมัยนี้คงได้เป็นล้านนะ (หัวเราะ) สรุปก็ตกลงยอมประกวด แล้วก็ได้ตำแหน่งเป็นยอดนางแบบ เพื่อไปงานเทรดแฟร์ครั้งที่ 4 ที่ญี่ปุ่น เพราะไทยต้องนำผ้าไปโชว์ที่นั่น” เธอเล่าจุดเริ่มต้นของการเป็นนางแบบมืออาชีพ 



 /// จากนางแบบอาชีพสู่นางเอกจอแก้ว 

จากนั้นเธอจึงเริ่มเข้าสู่วงการนางแบบเต็มตัว ได้ขึ้นปกนิตยสารหลายฉบับ กระทั่ง ต้อย-ศิริพร วงศ์สวัสดิ์ ชักชวนให้มาเล่นละครเรื่อง “ดวงตาสวรรค์” ทางช่อง 3 

“พอมาเล่นละครรู้สึกว่าใจไม่ชอบจริงๆ ชอบนางแบบมากกว่า เพราะเป็นนางแบบไม่ต้องพูด เดินแฟชั่นโชว์ ถ่ายแบบก็ไม่ต้องพูด แต่ต้องใช้สายตา ส่วนการเล่นละครจะต้องท่องบทแล้วต้องพูด ไม่ชอบท่องบท มันเหมือนสอบไล่ ทุกวันนี้มีหลายคนมาชวนให้ไปเล่นละคร แต่ไม่ชอบเพราะมีแต่ฉากตบตีกัน รู้สึกเกลียดบทพวกนี้มาก (ลากเสียงยาว) เป็นคนไม่ชอบใครทะเลาะกัน ถ้าเห็นจะเดินหนี กลัวสุขภาพจิตเสียเลยเลิกเล่นละคร” 

พร้อมบอกเล่า ช่วงชีวิตการเป็นนางแบบ-นางเอกละคร ซึ่งแตกต่างจากในสมัยนี้ทั้งลักษณะการทำงานสุดทรหด และค่าตัวที่ไม่ได้มากมายเหมือนปัจจุบัน “สมัยนั้นค่าตัวน้อยมากค่ะ ออกทีวีแต่ละครั้งต้องยีผมเป็นชั่วโมงสูงเหมือนสะพานพุทธเลย แต่งชุดไทยออกทีวีได้สองร้อย ถ้าเดินทางไปโชว์ตัวในต่างจังหวัดเช่น สุราษฎร์ธานี หรือ เชียงใหม่จะได้ค่าตัว 500 บาท ตอนหลังมาเดินแฟชั่นโชว์พี่ไข่มาปรับค่าตัวขึ้นมาเป็น 2,000 บาท เพราะเดินแบบต้องซ้อมหลายวัน 

“สมัยเดินแบบตามงานประกวดนางงามเดินไปก็ต้องหลบกระสุนไป (หัวเราะ) มีเจ้าพ่อต่อเจ้าพ่อยิงใส่กันประจำ นางงามบางคนเดินไปเสื้อหลุดก็มี หรือบางคนรองเท้าส้นสูงไปติดกับร่องพื้นไม้เวที สมัยก่อนบู๊กันจะตาย ไม่ดีเหมือนสมัยนี้ แต่ก็สนุก ยุคนั้นจะมีนางแบบรุ่นเดียวกันคือ ณัฐกานต์ เศรษฐบุตร, จิรวัตร จารุวิจิตร, อรุณวรรณ เชยวงศ์ และ สุพรรณี จิตเที่ยง 

“ผ่านมา 5 ปีถึงมาเจอกับนางแบบรุ่นใหม่ อาทิ ตุ๋ย-นวลปรางค์ สมัยนั้นยังแต่งนักศึกษาอยู่เลย ส่วนตุ๊ก-ดวงตา ตุงคะมณี ยังเรียนอยู่อังกฤษ แต่ดา-ลินดา ค้าธัญเจริญ เข้ามาเป็นนางแบบหลังสุด ตอนหลังเขาเลยจับให้มารวมกัน ทำผมทรงเดียวกันหมดเลย 3 คน มีติ๋ม ดา ตุ๋ยดังกันหมดเลย หลายคนเลยมองว่าตุ๋ยกับดาอยู่ยุคเดียวกับติ๋ม สมัยก่อนนางแบบจะเหมือนพี่น้องกัน แต่เดี๋ยวนี้เป็นธุรกิจ ตอนเป็นนางแบบช่วงนั้นสนุกพี่ไข่พาไปเดินแบบต่างประเทศ ถึง 7 ประเทศ 22 วัน” 

ถามว่าสมัยก่อนมีเรื่องราวของการอิจฉาริษยาในแวดวงนางแบบเหมือนอย่างในละครบางไหม เธอเล่าด้วยเสียงดังตามสไตล์ว่า “สมัยก่อนไม่มีเรื่องอิจฉาอะไรหรอก แต่นางแบบด้วยกันจะกลัวพี่ เพราะเขาบอกว่ามาถ่ายกับเพ็ญพรแล้วกลัววูบ พี่ถ่ายรูปขึ้น นางแบบด้วยกันจะไม่ค่อยยอมมาถ่ายคู่ด้วย จริงๆ ไม่เห็นน่ากลัวเลย เพราะคนเราสวยกันคนละแบบ คนละสไตล์ 

“ความที่เราเป็นคนบ้าไม่เหมือนใคร ทำอะไรไม่เหมือนใคร เดินก็ไม่เหมือนใคร แต่เป็นคนเตรียมความพร้อมตลอด บางครั้งจะเอาหมวก ไข่มุก เอาดอกไม้ไปประดับ แบกไปเป็นเต็มกระเป๋าเลย จนเพื่อนๆ เห็นพูดเลย ‘นี่เธอสวยกว่าใครเพื่อนเลย’ บางครั้งเพื่อนๆ จะมายืมบ้าง เพราะบ่อยครั้งที่ร้านเสื้อกับร้านเครื่องประดับเหมือนไม่ได้ประสานกันทำให้ใส่แล้วไม่เข้าชุดกัน ก็เลยต้องเตรียมของไปเอง” เธอเล่าสาเหตุที่ต้องจัดเตรียมข้าวของไปแบบจัดเต็ม  



/// มีความสุขบนปลายพู่กัน 

ปัจจุบันเธออายุ 59 ปี และยังคงสานต่อความฝันของตัวเองในการเป็นอาร์ติสต์ ทุกวันนี้รับงานเพนต์ ร้านเสริมสวย กำแพงบ้าน สปาและโรงแรม ขณะเดียวกันยังรับสอนให้กับผู้ที่สนใจในการวาดภาพอย่างน้อยก็ทำให้เธอมีความสุขอยู่กับสิ่งที่รัก ที่ผ่านมามีคนมาถามเธอว่า จากชีวิตที่เคยมีเงินมีทองมากมาย แต่วันนี้กลับกลายมาเป็นอาจารย์สอนวาดภาพที่ไม่ได้รับสินจ้างมากมาย แต่เธอก็ไม่ได้สนใจ เพราะเข้าใจสัจธรรมชีวิตว่าในโลกนี้ไม่มีอะไรเที่ยงแท้แน่นอน 

“ด้วยความที่มีโลกส่วนตัวสูง พอทำอาชีพนางแบบได้ 6 ปีแล้วต้องเจอผู้คนมากมาย ก็เลยผันตัวเองมาเปิดร้านเสื้อ เพื่ออย่างน้อยก็มีมุมสงบให้กับตัวเอง แต่ก็ต้องปิดตัวลง เพราะยุคนั้นเสื้อผ้าราคา 199 บาทเข้ามาตีตลาด สุดท้ายมาใช้ชีวิตเป็นจิตรกรอย่างที่เคยฝันเอาไว้เมื่อ 30 ปีก่อน 

“จริงๆ เป็นคนชอบความเงียบ ชอบอิสระ พอมาทำร้านเสื้อก็เจอความวุ่นวายอีก บางวันมีเมียน้อยมาตัดเสื้อก็หงุดหงิดใส่เราอีก ไปๆมาๆ เลยหันมาวาดรูปเงียบๆ ดีกว่า  ชีวิตบั้นปลายตั้งใจจะวาดรูปและสวดมนต์อยู่ในห้องที่สมถะ ล่าสุดเริ่มไปฝึกเขียนลายเส้นที่ภูเก็ต จริงๆ แรงบันดาลใจที่ทำให้อยากกลับมาวาดรูปอีกครั้งคงจากการดูภาพยนตร์ What Dreams May Come พลังรักข้ามขอบฟ้า ตามรักถึงสวรรค์ ที่ใช้สีอครีลิกวาดภาพในบางฉากของภาพยนตร์ 


“ยิ่งได้เห็นภาพพระเจ้าอยู่หัวขณะในหลวงทรงวาดภาพพระสาทิสลักษณ์ของพระสมเด็จพระบรมราชินีนาถฯ ซึ่งงดงามและประทับใจมาก ก็ยิ่งเป็นจุดเปลี่ยนให้กับกลับมาวาดรูปเพื่อทำตามความฝันอีกครั้ง บางรูปวาดใช้เวลาเป็นเดือน บางรูปก็ครึ่งเดือน บางวันวาดได้สองรูปเลยก็มี แต่ขึ้นอยู่กับอารมณ์และสิ่งแวดล้อมในเวลานั้นด้วย จากนั้นมามีงานแสดงผลงานอยู่หลายครั้ง ครั้งหนึ่ง อาจารย์ช่วง มูลพินิจ ท่านไปตัดริบบิ้นเปิดงาน ท่านบอกว่า ‘ติ๋มถ้าขายรูปได้รูปเดียวดีใจได้แล้ว’ แต่จริงๆ ไปแสดงผลงานก็ขายงานได้ทุกครั้ง” ศิลปินรุ่นใหญ่เผยแรงบันดาลใจ 




 /// ชีวิตครอบครัวไม่สมบูรณ์ 

ถามถึงชีวิตครอบครัวคุณติ๋มบอกว่าไม่อยากพูดถึงบอกเพียงว่าเคยมีสามีและมีลูก สุดท้ายสามีได้ขโมยลูกไปเลี้ยงตั้งแต่อายุ 5 ขวบ ปัจจุบันลูกชายอายุ 36 ปี และมีภรรยาแล้ว ทำให้ความผูกพันระหว่างแม่กับลูกไม่มีเลย 

“ถ้าถามว่าชีวิตครอบครัวกับการอยู่คนเดียว เลือกอยู่คนเดียวดีกว่า เคยฟังเรื่องราวของพระพุทธเจ้าตรัสกับพระอานนท์ว่า ‘คนอยากมีความรัก คือคนป่วยที่ต้องการกินของแสลง’ เราได้ฟังก็คิดตาม เพราะว่าเป็นเรื่องจริง ปัจจุบันผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย ทำให้ผู้ชายมีสิทธิ์เลือกเยอะ เลยมีเมียหลายคน ใครตกที่นั่งเมียน้อยก็เป็นบาป ส่วนตัวเองมีความรักก็ผิดหวัง เพราะความรักไม่ได้เป็นไปตามที่เราวาดเอาไว้ สมัยสาวๆ ถึงไม่ได้ถูกทิ้ง แต่ทิ้งคนอื่นเขา ก็ เลยเป็นกรรมให้เราต้องอยู่คนเดียว บางคนที่เราทิ้งเขามารู้ที่หลังว่าเขาไปบวช เราก็ใจหายเลย” 


ถึงแม้วันนี้เธอจะห่างหายจากวงการบันเทิงไปนานมากแล้ว แต่ก็ยังมีแฟนละคร หรือนางแบบรุ่นหลังที่ยังจำได้ “เดี๋ยวนี้ไปไหนมาไหน ก็พอมีคนจำได้เขาบอกว่า ยังมีเค้านางแบบอยู่ เวลาไปไหน ไม่ได้แต่งตัวโทรม เราจะแต่งตัวดูดียังเปรี้ยวอยู่ (ยิ้ม) เพื่อนๆ นางแบบ ก็ไม่ค่อยได้เจอกัน เพราะเรามันอาร์ติสต์ ส่วนตุ๋ย (นวลปราง ตรีชิต) เขาก็ไฮโซ ก็มีโทรคุยกันบ้าง พอมีงานอะไรเขาก็จะแนะนำ 


“ชีวิตวันนี้เราเลือกเองที่จะสมถะ เคยมีคนรวยมาชอบมากมาย แต่ใจเรามันหมดแล้ว ใจไปทางธรรมแล้ว เป็นทางที่เลือกเอง แต่ไม่ใช่จนตรอก แต่ชอบอยู่คนเดียว” พร้อมฝากทิ้งท้ายถึงน้องๆ ที่จะก้าวมาเป็นนางแบบอาชีพว่า “อย่าไปก๊อบปี้ใคร ขอให้เป็นตัวของตัวเองให้มากที่สุด” ทั้งหมดนี้เป็นชีวิตรักผู้หญิงรักสันโดษที่แม้ไม่ได้หรูหราเหมือนเมื่อครั้งเป็นนางแบบอาชีพ แต่ยืนยันว่าเป็นความสุขที่เลือกเอง 

 

 

สอบถามรายละเอียด
ไพ่ยิบซี ตรวจดวงชะตา
ถนอมมิตรคอนโด
ชั้น 6 ห้อง 40/218 ตึก 4
T.087-687-8869
(กรุณานัดล่วงหน้าก่อน)
เพ็ญพร ไพฑูรย์
โปรโมชั่น
เรียนลัด 2 วันจบหลักสูตร 1,500 บาท ด่วน
"เพ็ญพร ไพฑูรย์ แกลเลอรี่"
รับสอนวาดภาพ
สีน้ำเรียนวันละ 2-3 ชม. 6 ครั้ง 3,500 บาท
สีอาคิริคเรียนวันละ2-3 ชม. 6 ครั้ง 3,500 บาท
สีน้ำมันเรียนวันละ 2-3 ชม. 6 ครั้ง 3,500 บาท
เพ้นธ์ผ้าเรียนวันละ 2-3 ชม. 6 ครั้ง 3,500 บาท
เสก็ตแบบเสื้อผ้าเรียนวันละ 2-3 ชม. 6 ครั้ง 3,500 บาท
ดรออิงค์ เรียนวันละ 2-3 ชม. 6 ครั้ง 3,500 บาท
"รับเพ้นธ์ ร้านเสริมสวย , กำแพงบ้าน"
"ล๊อบบี้ ฯลฯ"
ติดต่อ เพ็ญพร ไพฑูรย์
TEL: 087-687-8869