เด็กชายบ้านนอก ทินกฤต ยอดสมุทร์

Strict Standards: Only variables should be assigned by reference in /home/admin/web/changeintomag.com/public_html/plugins/content/fcomment/fcomment.php on line 103

เด็กชายบ้านนอก ทินกฤต ยอดสมุทร์

เมื่อแสงแรกของพระอาทิตย์ ส่องลงมากระทบกับพื้นดิน ในวันศุกร์ เดือน 6 ปี จอ ที่สถานีอนามัย ในชนบทแห่งหนึ่ง ซึ่งห่างไกลจากความเจริญ  มีแค่หมออนามัย 1 คน  ได้ทำคลอดเด็กทารก  เพศชาย  ให้มีชีวิต 1 ชีวิต บนโลกใบนี้ เหตุการณ์ในวันนั้น เป็นเหตุการณ์ที่แม่จดจำไม่เคยลืม  แม่เล่าให้ฟังว่า ตอนแม่คลอดผมผมเกิดออกมาแบบประหลาด ไม่เหมือนเด็กทั่วๆไป เกิดออกมากะโหลกศรีษะ ไม่แข็ง นิ่มไปหมด  มือเท้าก็งอเข้าใน เหมือนเด็กพิการ และนิ่มไปหมด ทุกอย่าง คนแถวนั้นมามุงดูกันใหญ่ เหมือนกับว่าเป็นสิ่งประหลาด  แม่บอกว่า ตั้งให้นอนหงาย ก็ไม่ได้ เพราะศรีษะนิ่ม 

 

ทุกคนที่มามุงดูผม พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เด็กคนนี้ไม่รอดแน่ๆ ถ้ารอดก็พิการ คงเดินไม่ได้ และคงพิการตลอดชีวิต  ในจังหวะเดียวกัน  เพื่อนของทวด อายุ 90 กว่าปี มาดูผมด้วย แล้วบอกกับแม่และญาติๆว่า  ไปเอาเขามาทำไม เขาไม่ได้อยากมาอยู่ที่นี่ ให้พาไปที่เดิมที่เคยอยู่ เขาบอกให้แม่พาผมไปวัด ไปให้เจ้าอาวาท ผูกข้อมือรับเป็นลูก และเอาน้ำมนต์ประพรหม  ตามร่างกาย แม่บอกว่าหลังจากนั้น เลี้ยงง่ายมากๆ กินแล้วนอน  ถึงแม่ไม่เงินซื้อนมผมเลยต้องกินน้ำหม้อ (น้ำหม้อ คือ เอาข้าวสารไปหุงข้าวพอน้ำที่หุงข้าวเดือดก่อนที่ข้าวจะสุก น้ำจะแห้ง ก็ตักน้ำปากหม้อ มาใส่แก้ว แล้วตั้งให้เย็น ใส่ขวดนม ให้เด็กดื่ม)

 

บางทีแม่ก็ให้ทานกล้วยน้ำว้า บางที่ก็เอาข้าวต้ม ขยี้ให้ละเอียด ใส่เกลือ เล็กน้อย และใส่ไข่แดง บดนิดหน่อย จนพออายุ ครบ 6ขวบ แม่ก็ส่งให้เรียนชั้นอนุบาลโรงเรียนวัด ไม่มีเสื้อผ้าดีๆใส่ ไม่มีรองเท้านักเรียนใส่ ชุดนักเรียน ก็โรงเรียนแจก อุปกรณ์การเรียนก็โรงเรียนแจก ต้องเดินไปเรียนระยะทางไปกลับวันละ 4 กิโลเมตร ทุกวัน  ได้เงินไปโรงเรียนวันละ 3 บาท หรือ 5 บาทบ้าง แต่ก็ได้ฝากคุณครูทุกวัน อย่างน้อยวันละ1 บาท  สมัยเรียนตอนนั้นผมก็มีผลการเรียนดีมาตลอด แล้วได้ที่ 1 ของห้องทุกเทอม เป็นเด็กกิจกรรม เป็นนักกีฬา เป็นคณะกรรมการโรงเรียนตลอด

 

หลังเลิกเรียน ทุกวัน ผมต้องรีบกลับบ้าน เพราะต้องไปจูงวัว กินหญ้า ตามหัวคันนา ทุกวัน แม่กะพ่อ มีแม่วัว  1 ตัว แม่วัวตัวนี้ตกลูกทุกปี ปีละตัว และแม่ก็จะขายวัว ส่งให้พวกผมเรียนหนังสือ ลืมบอกไป ผมมีน้องอีก 3 คน อายุไล่เลี่ยกัน ผมเป็นลูกคนโต ทุกวันหลังเลิกเรียน พอจูงวัวเสร็จ ต้องรีบกลับบ้าน ไปล้างจาน ทำกับข้าวให้น้องๆได้กิน เพราะแม่กับพ่อไม่มีเวลา เพราะมีอาชีพ ทำนา ทำสวน ทำไร่  เลยกลับบ้านค่ำ ทุกวัน พวกเราต้องทำกับข้าว ให้พ่อแม่ด้วย  ผมทำแบบนี้มาตลอดตอนสมัยเรียน

 

หลังจบชั้นประถมโรงเรียนวัด ก็เข้าศึกษาต่อในโรงเรียนมัธยมประจำอำเภอ ชีวิตตอนเรียนมัธยมก็เหมือนเดิม ไม่เคยมีความสนุก เหมือนเด็กคนอื่นๆ เพื่อนๆเขามีเวลาหลังเลิกเรียน ไปเล่นสนุกตามประสาเด็ก แต่ผมและน้องๆ ต้องกลับมาช่วยพ่อแม่ทำงาน ทั้งงานบ้าน งานสวน เลี้ยงวัว ทำกับข้าว ทุกวัน พอวันหยุดเสาร์อาทิตย์ ก็ต้องไปช่วยงานแม่ในสวนและในนา ถ้าช่วงเกี่ยวข้าวทุกคนต้องลงเกี่ยวข้าว เพราะช่วงโรงเรียนปิดเทอม ข้าวจะสุก เราก็ต้องไปเกี่ยวข้าวช่วยพ่อแม่ แม่จะพาผมและน้องๆทั้ง 3คน ไปเกี่ยวข้าว พอเกี่ยวของตัวเองเสร็จ เราก็ไปรับจ้างเกี่ยวข้าวคนอื่นอีก

 

คำพูดของแม่ที่ยังก้องอยู่ในหู  แม่บอกว่า เงินที่ได้ ให้เก็บไว้เอง ไว้ใช้จ่ายตอนไปโรงเรียน ใครทำได้มากก็จะมาก แม่ให้เรารู้จักเก็บเงินเอง สะสมเงินเองที่บ้าน แม่กับพ่อมีอาชีพตำข้าวเม่าขายด้วย ใช้ข้าวเหนียวที่เราทำนาปลุกเอง มาแปรรูป เป็นข้าวเม่า ตอนกลางคืนแม่จะตำข้าวเม่า เราก็จะช่วยแม่คั่วข้าวเปลือกในกระทะ เพื่อให้พ่อกับแม่ตำในครกไม้ กว่าจะได้นอนก็ห้าทุ่มของทุกคืน พอตอนเช้าตี 4 ก็ตื่นมาช่วยแม่คั่วข้าวเปลือกอีก แล้ว ตอนเช้าก็ต้องไปโรงเรียนอีก เป็นแบบนี้ทุกวัน ในขนาดที่ผมเรียนมัธยมต้นและมัธยมปลาย ผมทำงานไปด้วย เรียนไปด้วย และไม่เคยเรียนพิเศษ แต่ผลการเรียนไม่เคยตก ได้ที่ 1 ของห้องมาตลอด และมัธยมปลายก็ได้ที่ 1 ของสายชั้นมาตลอด

 

พอเรียนจบมัธยมปลาย ผมสอบเข้ามหาวิทยาลัยราชภัฎนครศรีธรรมราช ในสาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์  เพราะอยากรับราชการตั้งแต่เด็กๆ  ไม่คิดจะไปเรียนที่อื่น เพราะจะได้อยู่บ้านและได้ช่วยพ่อแม่ทำงานด้วย อย่างน้อยได้อยู่กับพ่อแม่ด้วย ตอนเรียนมหาลัยไม่เคยมีชีวิตเหมือนเด็กมหาลัยสมัยนี้ ต้องนั่งรถประจำทางไปเรียน ไม่มีรถมอไซด์ขับไปเรียน เรียนเสร็จรีบกลับบ้าน มาช่วยพ่อแม่ทำงาน ไม่เคยได้เที่ยวกับเพื่อนๆ ไม่เคยมีชีวิตวัยรุ่นที่สนุกเหมือนคนอื่นๆ แต่ผลการเรียนผมก็โดดเด่น ตอนจบ ผมได้เกียรตินิยมอันดับ 1และที่ 1 ของคณะ สภามาวิทยาลัยเลยเชิญแม่มาเป็นแขกผู้มีเกียรติของมหาวิทยาลัย เพื่อเข้าร่วมในพิธี และเข้าเฝ้าสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ผมภูมิใจที่สุด ที่ทำให้พ่อแม่มีความสุข

 

หลังจากเรียนจบผมได้ทำงานมูลนิธิสมเด็จพระศรีนครินทร์ทราบรมราชชนนี  ในนามสมาคมวางแผนครอบครัวแห่งประเทศไทย  รับผิดชอบงานที่เข้าถึงยากคือ หญิงขายบริการ เป็นงานที่ท้าทายมาก สำหรับเด็กจบใหม่ไฟแรงอย่างผม  งานที่ทำเป็นงานเขียนโครงการ งานช่วยเหลือหญิงบริการ ให้ความรู้ และให้คำแนะนำเกี่ยวกับการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ตอนนั้นผมรับผิดชอบ อาบอบนวดในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ต้องลงพื้นที่ตอนกลางคืนด้วย ไปให้ความรู้ ไปเจาะเลือด และไปขึ้นทะเบียน คนที่ทำงานในอาบอบนวด งานที่ทำทำให้รู้ว่า คนที่มาทำอาชีพแบบนี้ ไม่ได้อยากทำเพราะสมัครใจ  แต่ทำเพราะครอบครัวที่ลำบาก ไม่มีการศึกษา เลือกอาชีพไม่ได้

 

ผมทำงานนี้มาสักระยะ ก็ลองสมัครสอบรับราชการ ที่สุดสอบได้ของกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น ตำแหน่งนักวิเคราะห์นโยบายและแผน  และได้บรรจุครั้งแรก  ในพื้นที่ อำเภอนาทวี  จังหวัดสงขลา เป็นพื้นที่กันดารมาก และที่สำคัญเป็นพ้นที่สีแดง ที่มีระเบิด ทำงานที่สงขลา 3 ปีกว่า ก็ขอย้ายกลับมา จังหวัดนครศรีธรรมราช ตำแหน่งไม่ว่าง มีแต่อำเภอพิปูน ที่ว่าง เลยขอย้ายมาลง ที่อำเภอพิปูน             จังหวัดนครศรีธรรมราช  ทำงานที่ อำเภอพิปูน 3 ปีกว่าๆ  เลยทำเรื่องย้ายมา ที่เทศบาลในอำเภอเมือง  จังหวัดนครศรีธรรมราช เพราะได้อยู่บ้านกับพ่อและแม่ หลังเลิกงานได้ทำสวน ออกกำลังกาย พาพ่อแม่ไปเที่ยว ได้ทำอาหารให้แม่ทาน  และผมยังรับสั่งทำ Jewelry  ผ่าน แฟนเพจ (Heaven A Jewelry รับสั่งทำ จำหน่าย จิวเวลรี่ ทุกชนิด เพชร พลอย ตามวันเกิด เสริมราศรี ราคามิตรภาพ)และ(https://www.facebook.com/tinnakrit.youtsamut)  นี่คือชีวิตเด็กชายบ้านนอก คนหนึ่งตั้งแต่ลืมตามมาดูโลกจนถึงปัจจุบันนี้

เรื่อง ทินกฤต ยอดสมุทร์