“ World Organ Donation Day” “รพ.ธรรมศาสตร์” จับมือ “สภากาชาดไทย”

“ World Organ Donation Day” “รพ.ธรรมศาสตร์” จับมือ “สภากาชาดไทย”

  

 

 

“ World Organ Donation Day” “รพ.ธรรมศาสตร์” จับมือ “สภากาชาดไทย”
ชูแคมเปญ “Give LIFE Get LIVES: สร้างกุศลผู้ให้ สร้างชีวิตใหม่ผู้รับ”
ปลุกพลังการให้ ส่งเสริมการบริจาคอวัยวะ สร้างชีวิตใหม่แก่ผู้ป่วยรอคอยอวัยวะ
 
 
 
 
ร่วมสร้างแรงบันดาลใจแห่งการให้ เพื่อชีวิตใหม่ของผู้รอคอย ด้วยความมุ่งมั่นในการส่งเสริมการบริจาคอวัยวะและการปลูกถ่ายอวัยวะเพื่อช่วยชีวิตผู้ป่วยที่รอคอยโอกาสใหม่ ศูนย์ปลูกถ่ายอวัยวะ โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ
 
 
 
 

 
 
 
 
รศ.นพ.ดิลก ภิยโยทัย ผู้อำนวยการโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ กล่าวว่า วันที่ 13 สิงหาคมของทุกปี เป็นวัน World Organ Donation Day โดยมีจุดมุ่งหมายให้ทุกคนตระหนักถึงความสำคัญของการบริจาคอวัยวะและสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการบริจาคอวัยวะ โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ร่วมกับศูนย์รับบริจาคอวัยวะ สภากาชาดไทย และศูนย์ดวงตา สภากาชาดไทย จึงจัดงาน World Transplant Month 2025 ภายใต้แคมเปญ “Give LIFE Get LIVES: สร้างกุศลผู้ให้ สร้างชีวิตใหม่ผู้รับ” ณ โถงกิจกรรม ชั้น 1 อาคาร ม.ร.ว.สุวพรรณ สนิทวงศ์ โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต โดยให้ความสำคัญและสนับสนุนการรับบริจาคอวัยวะ และการปลูกถ่ายอวัยวะอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้การจัดงานเนื่องในวันบริจาคอวัยวะโลก (World Organ Donation day) มีจุดประสงค์เพื่อเชิญชวนให้ทุกคนตระหนักถึงความสำคัญของการบริจาคอวัยวะ สร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการบริจาคอวัยวะ และเพิ่มจำนวนผู้บริจาคอวัยวะ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่ช่วยให้ผู้ป่วยที่ต้องการอวัยวะได้รับชีวิตใหม่ เพราะหลายคนยังคงเชื่อว่าถ้าบริจาคอวัยวะแล้วชาติหน้าจะเกิดมามีอวัยวะไม่ครบ แต่หากเรามองข้ามผ่านความเชื่อดังกล่าวและดูข้อเท็จจริงที่แสดงให้เห็นประโยชน์ของการบริจาคอวัยวะแล้วจะพบว่า การบริจาคอวัยวะโดยผู้บริจาคอวัยวะเพียง 1 ราย สามารถช่วยชีวิตผู้ป่วยได้ถึง 8 ชีวิต รวมถึงส่งผลให้ผู้ป่วยมีสุขภาพกายที่ดีและอายุยืนยาวขึ้นได้
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
รศ.นพ.สุภนิติ์ นิวาตวงศ์ รองผู้อำนวยการศูนย์รับบริจาคอวัยวะ สภากาชาดไทย กล่าวว่า จากภาวะการขาดแคลนอวัยวะในประเทศไทย แม้ว่าจะมีผู้แสดงความจำนงบริจาคอวัยวะกว่าปีละ 50,000 ราย แต่ส่วนใหญ่การเสียชีวิตมิใช่เกิดจากสมองตาย หรือมีข้อห้ามของการบริจาคอวัยวะ เช่น เสียชีวิตด้วยภาวะหัวใจหยุดเต้น หรือมีการติดเชื้อ และอวัยวะได้รับบาดเจ็บจนทำให้ไม่สามารถนำอวัยวะไปใช้ปลูกถ่ายได้ รวมถึงปัญหาอวัยวะที่นำไปปลูกถ่ายหรือทำงานได้ไม่ดี เข้ากันไม่ได้กับร่างกายของผู้รับ เนื่องจากปัจจัยต่าง ๆ ได้แก่ อายุของผู้บริจาค ขนาดของอวัยวะ การทำงานของอวัยวะ ระยะเวลาขาดเลือดของอวัยวะ และความแตกต่างของเนื้อเยื่อ เป็นต้น โดยอวัยวะที่นำมาปลูกถ่ายให้ผู้ป่วยได้มาจากผู้บริจาค 2 กลุ่ม เท่านั้น คือ กลุ่มที่หนึ่งผู้บริจาคที่มีชีวิต อวัยวะที่สามารถบริจาคได้คือ ไต และตับ ผู้บริจาคกลุ่มนี้ต้องเป็นญาติโดยสายโลหิต หรือเป็นสามีภรรยาที่อยู่กินกันเปิดเผยอย่างน้อย 3 ปีเท่านั้น หากผู้รอรับอวัยวะไม่มีญาติที่สามารถบริจาคอวัยวะให้กันได้ เช่น หมู่เลือดหรือเนื้อเยื่อเข้ากันไม่ได้ ผู้บริจาคมีสุขภาพไม่สมบูรณ์ ฯลฯ จะต้องรออวัยวะจากผู้บริจาคเท่านั้น กลุ่มที่สอง คือ ผู้บริจาคที่เสียชีวิตจากภาวะสมองตาย ซึ่งสามารถบริจาคได้ทุกอวัยวะ ได้แก่ หัวใจ ปอด ตับ ไต ตับอ่อน และลำไส้เล็ก แพทย์ต้องวินิจฉัยว่ามีภาวะก้านสมองตาย และญาติลงนามยินยอมบริจาคอวัยวะ ซึ่งอวัยวะที่ปลูกถ่ายได้ ได้แก่ ไต 2 ข้าง ปอด 2 ข้าง หัวใจ ตับ ตับอ่อน และลำไส้เล็ก
 
นอกจากนี้ยังมีเนื้อเยื่อที่ปลูกถ่ายได้ ได้แก่ กระจกตา ลิ้นหัวใจ หลอดเลือด ผิวหนัง กระดูกและเส้นเอ็น โดยคุณสมบัติของผู้บริจาคอวัยวะ มีดังนี้ 1) อายุไม่เกิน 65 ปี 2) เสียชีวิตจากสภาวะสมองตายด้วยสาเหตุต่าง ๆ 3) ปราศจากโรคติดเชื้อรุนแรง และโรคมะเร็ง 4) ไม่เป็นโรคเรื้อรังซึ่งทำให้อวัยวะเสื่อม เช่น เบาหวาน หัวใจ โรคไต ความดันโลหิตสูง โรคตับ และไม่ติดสุรา 5) อวัยวะที่จะนำไปปลูกถ่ายต้องทำงานได้ดี 6) ปราศจากเชื้อโรคซึ่งอาจจะถ่ายทอดทางการปลูกถ่ายอวัยวะ เช่น ไวรัสตับอักเสบชนิดบี หรือซี ไวรัสโรคเอดส์ ฯลฯ และคุณสมบัติของผู้บริจาคดวงตา มีดังนี้ 1) อายุตั้งแต่ 4 ปีขึ้นไป 2) ไม่จำกัดเพศ 3) ไม่จำกัดหมู่เลือด 4) เป็นผู้ปราศจากเชื้อที่ถ่ายทอดทางกระจกตา เช่น โรคเอดส์ ไวรัสตับอักเสบชนิดบี หรือซี เป็นต้น และ 5) ผู้ที่มีสายตาสั้น สายตายาว สายตาเอียง เคยทำเลสิก เคยผ่าตัดต้อกระจก ก็สามารถบริจาคได้
 
 
 

 
 
 
 
 
รศ.นพ.ฉัตรชัย มิ่งมาลัยรักษ์ ประธานกรรมการบริหารการปลูกถ่ายอวัยวะ โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ กล่าวว่า ปัจจุบันมีผู้ป่วยที่รอคอยการการบริจาคอวัยวะ ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2567 มากถึง 7,133 ราย โดย 95 เปอร์เซ็นต์ เป็นผู้ป่วยที่รอ “ไต” มีจำนวนมากถึง 6,619 ราย ซึ่งถือเป็นอวัยวะที่ขาดแคลนที่สุด รองลงมา คือ ตับ หัวใจ ปอด และตับอ่อน ขณะเดียวกันมีผู้ที่ได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะแล้วเพียง 465 ราย และทุก ๆ สัปดาห์จะมีผู้เสียชีวิต 2 ราย จากการรอปลูกถ่ายอวัยวะ และมีแนวโน้มจำนวนผู้รอรับอวัยวะเพิ่มขึ้น แม้ว่าผู้บริจาคจะสามารถบริจาคอวัยวะและเนื้อเยื่อเพื่อนำไปปลูกถ่ายอาจนำไปช่วยเหลือชีวิตคนได้ 8-9 ชีวิต อีกทั้งการบริจาคอวัยวะถือเป็นการสร้างประโยชน์และความสุขอย่างไม่มีที่สิ้นสุด งานนี้จึงถูกจัดขึ้นเพื่อเชิญชวนและให้ความรู้กับประชาชนทั่วไปถึงความสำคัญและประโยชน์ของการบริจาคอวัยวะ สำหรับผู้สนใจสามารถแสดงความจำนงบริจาคอวัยวะและดวงตา อีกทั้งการบริจาคอุทิศร่างเพื่อการศึกษา เพื่อเป็นการให้ชีวิตใหม่แก่ผู้ป่วยได้กลับคืนสู่สังคมด้วยคุณภาพชีวิตที่ดี และยังมีโอกาสได้สร้างประโยชน์ให้กับสังคมต่อไป
 
 
 
 


 
 
 
 
โดยภายในงานมีกิจกรรมที่น่าสนใจ ได้แก่ กิจกรรม Give LIFE: เสวนากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการปลูกถ่ายอวัยวะและกระจกตา กิจกรรม Get LIVES: แบ่งปันประสบการณ์ตรงจากผู้ที่ได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะ และ กิจกรรม Be A Giver: ความสุขจากการแบ่งปัน โดยมี “จุ๋ย-วรัทยา นิลคูหา” พร้อมด้วย “พุฒ-พุฒิชัย เกษตรสิน” และ “พิม-พิมพ์จิรา เจริญลักษณ์” มิสแกรนด์กรุงเทพมหานคร มาบอกเล่าแบ่งปันประสบการณ์การเป็นผู้ให้ อีกทั้งยังมี “แพรรี่-ไพรวัลย์ วรรณบุตร” มาร่วมพูดคุยถึงประเด็นเรื่องความเชื่อเรื่องการบริจาคอวัยวะ อีกทั้งยังมอบความบันเทิงให้กับผู้ร่วมงานด้วยมินิคอนเสิร์ต จาก “เป้ (วง Mild)” และกิจกรรม “Give for GIFTS” ที่มอบของที่ระลึก POP MART ให้แก่ผู้ที่แสดงเจตจำนงบริจาคอวัยวะอีกด้วย
 
สำหรับผู้ที่ไม่ได้มาร่วมงานในวันดังกล่าว สามารถติดตามรับชมบรรยากาศงานย้อนหลัง หรือติดตามข้อมูลข่าวสารตางๆ ได้ทาง Facebook โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ
 
ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
หน่วยการพยาบาลผู้ป่วยปลูกถ่ายอวัยวะ
โทร: 02-9269059/ 092-7324222