เมืองไทยประกันชีวิตออกมาตรการช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมภาคใต้

เมืองไทยประกันชีวิตออกมาตรการช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมภาคใต้

 

 

 

 

เมืองไทยประกันชีวิตออกมาตรการช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมภาคใต้

 

 

บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ออกมาตรการช่วยเหลือผู้เอาประกันภัยในเขตพื้นที่ประสบอุทกภัยทางภาคใต้ 4 มาตรการ เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ผู้เอาประกันภัยที่ประสบภัยน้ำท่วม

 

นายสาระ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์เกิดอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ ส่งผลให้ประชาชนรวมถึงลูกค้าของบริษัทฯ ได้รับความเดือดร้อน บริษัทฯ จึงได้ออกมาตรการเพื่อให้ความช่วยเหลือผู้เอาประกันภัยของบริษัทฯ 4 มาตรการ  ครอบคลุมพื้นที่ประสบอุทกภัยทางภาคใต้ 12 จังหวัด  ได้แก่ พัทลุง นราธิวาส ยะลา สงขลา ปัตตานี ตรัง สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ชุมพร ระนอง กระบี่ และประจวบคีรีขันธ์ ดังนี้

 

1. กรณีที่กรมธรรม์ครบกำหนดระยะเวลาผ่อนผันการชำระเบี้ยประกันภัย ในระหว่างวันที่ 5 ถึง 31 มกราคม 2560 บริษัทฯ จะขยายระยะเวลาผ่อนผันการชำระเบี้ยประกันภัยจากเดิมที่มีระยะเวลาผ่อนผัน 31 วัน นับแต่วันครบกำหนดชำระเบี้ยประกันภัย ขยายออกไปอีก 60 วัน รวมเป็นระยะผ่อนผันทั้งสิ้น 91 วัน

 

2. กรณีที่กรมธรรม์สิ้นผลบังคับในระหว่างวันที่ 5 ถึง 31 มกราคม 2560 เนื่องจากมิได้ชำระเบี้ยประกันภัย หากผู้เอาประกันภัยขอต่ออายุกรมธรรม์หรือขอกลับคืนสู่สถานะเดิมของกรมธรรม์ภายใน 6 เดือน บริษัทฯ จะผ่อนผัน     ไม่ตรวจสุขภาพและไม่คิดดอกเบี้ยของช่วงระยะเวลาดังกล่าว

 

3. กรณีที่ผู้เอาประกันภัยมิได้ชำระเบี้ยประกันภัยภายในกำหนดระยะเวลาผ่อนผันการชำระเบี้ยประกันภัย และบริษัทฯ มีการนำมูลค่าเวนคืนกรมธรรม์มาชำระเบี้ยประกันภัยโดยอัตโนมัติ เพื่อให้กรมธรรม์มีผลบังคับใช้ต่อไป ในระหว่างวันที่ 5 ถึง 31 มกราคม 2560 บริษัทฯ จะผ่อนผันไม่คิดดอกเบี้ยจากผู้เอาประกันภัยเป็นระยะเวลาไม่เกิน 6 เดือน

 

4. กรณีที่กรมธรรม์สูญหายหรือเสียหายจากเหตุการณ์อุทกภัยนี้ บริษัทฯจะดำเนินการออกกรมธรรม์ทดแทนให้ใหม่โดยไม่คิดค่าธรรมเนียม

 

นายสาระ กล่าวอีกว่า นอกจากมาตรการความช่วยเหลือผู้เอาประกันดังกล่าวแล้ว ทางบริษัทยังได้จัดเตรียมถุงยังชีพ ซึ่งบรรจุด้วยอาหาร เครื่องใช้ และสิ่งของจำเป็นต่อการยังชีพ จำนวน 1,500 ชุด  เพื่อส่งมอบไปช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ประสบภัยเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนอีกทางหนึ่งด้วย