โดนัลด์ จอห์น ทรัมป์ ประธานาธิบดีคนที่ 45 ของสหรัฐฯ

โดนัลด์ จอห์น ทรัมป์ ประธานาธิบดีคนที่ 45 ของสหรัฐฯ

 

 

 

 

เส้นทางสู่ทำเนียบขาว..โดนัลด์ ทรัมป์ 

ในที่สุด “มหาเศรษฐีฝีปากกล้า” คนนี้ ก็กลายมาเป็นประธานาธิบดีคนที่ 45 ของสหรัฐฯ

           

           กลายเป็นความจริงตามที่เซอร์ ฮิวโก สไวร์ อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศสหราชอาณาจักร ผู้กล้าฟันธงอย่างเงียบๆแบบสวนกระแสผลหยั่งเสียงหลายสำนักว่า โดนัลด์ ทรัมป์ จะเป็นผู้ชนะศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ 2016 ด้วยเหตุผลง่ายๆ ว่า ชาวอเมริกันจำนวนมากไม่ยอมรับ หรือไม่กล้ายอมรับอย่างเปิดเผยว่า ชอบผู้สมัครจากพรรครีพับลิกันจอมอื้อฉาว แต่จะไปแสดงออกอย่างเป็นส่วนตัวในคูหาเลือกตั้ง

 

     ขณะเดียวกันก็มีหลายคนที่มองเห็นเค้าลางบางอย่าง เปรียบเปรยว่า อาจได้เห็น เบร็กซิท เวอร์ชันอเมริกา คือการแสดงเจตนารมณ์ของประชาชนคนส่วนใหญ่ที่สวนทางกับความเชื่อในสิ่งที่น่าจะเป็น

 

 ถึงอย่างนั้น คงต้องรอดูสถิติการออกมาใช้สิทธิ์และการวิเคราะห์ปัจจัยต่างๆ อีกครั้งหนึ่ง ถึงจะเข้าใจชัดเจนว่า เหตุใดอเมริกันชนจึงเลือกฝากอนาคตไว้กับมหาเศรษฐีฝีปากกล้า ผู้ที่ตลอดระยะเวลาของการหาเสียง 1 ปีเศษที่ผ่านมา ถูกขุดคุ้ยประวัติอื้อฉาว ใช้สมองอันชาญฉลาดเลี่ยงภาษีเป็นพันล้านดอลลาร์ หรือไม่รู้ว่า อภิมหาอำนาจสหรัฐอเมริกามีอาวุธนิวเคลียร์ไว้เพื่ออะไร ตลอดจนวาทกรรมอีกนับไม่ถ้วน ที่สร้างความไม่พอใจให้ใครหลายๆ คนมาโดยตลอด

 

   โดนัลด์ ทรัมป์ มีชื่อจริงว่าโดนัลด์ จอห์น ทรัมป์ เกิดเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน ปี 2489 อายุ 70 ปี ก่อนจะมาเป็นตัวแทนพรรครีพับลีกันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ปี 2016 ก่อนหน้านี้ ได้ชื่อว่า เป็นนักธุรกิจผู้ทรงอิทธิพล โดยเป็นประธานและประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของ ทรัมป์ ออร์กาไนเซชัน ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในสหรัฐฯ และธุรกิจอื่นๆ มากมาย อีกทั้งยังเป็นนักเขียน ผู้ผลิต และผู้ดำเนินรายการโทรทัศน์

           ทรัมป์ เกิดที่จาไมกา เอสเตทส์ ย่านควีนส์ ของนิวยอร์ก เป็นลูกคนที่ 4 ในจำนวน 5 คน ของแมรีและเฟรด ทรัมป์ มีเชื้อสายเยอรมันทางฝั่งพ่อและสก็อตต์ทางฝั่งแม่

           จบการศึกษาสาขาเศรษฐศาสตร์จาก Wharton School ของมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย เมื่อปี 2511 ก่อนเข้าบริหารบริษัทก่อสร้างและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของพ่อในปี 2524 สร้างชื่อจากการปรากฏตัวในเวทีประกวด Miss USA ที่เขาเป็นเจ้าของในช่วงระหว่างปี 2539 - 2558 และ เคยได้รับการจัดอันดับจากนิตยสารฟอร์บส ว่าเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุด อันดับที่ 156 ของสหรัฐฯ และอันดับที่ 324 ของโลก

 

 ทรัมป์เคยสมัครเป็นตัวแทนพรรครีฟอร์ม ไปชิงตำแหน่งประธานาธิบดี เมื่อปี 2543 แต่ถอนตัวตั้งแต่ก่อนการเลือกตั้ง นั่นหมายความว่า ที่ผ่านมา เขาไม่เคยมีประสบการณ์ทางการเมืองใดๆ เลยแม้แต่น้อย

           กระทั่งเมื่อเดือนมิถุนายน ปี 2558 ทรัมป์ประกาศลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในนามพรรครีพับลีกัน และได้กลายเป็นตัวชูโรงของพรรค เพราะความเป็นคนที่โผงผาง ดุดัน หลายคนจึงเทคะแนนให้ จนบรรดาคู่แข่งของเขาพากันถอนตัวไปทีละคนจนหมด และเมื่อเดือนกรกฎาคม ได้รับการเสนอชื่ออย่างเป็นทางการให้เป็นตัวแทนพรรครีพับลีกันอย่างเป็นทางการ ในที่ประชุมพรรครีพับลีกันแห่งชาติ

           การหาเสียงของทรัมป์ได้รับความสนใจทั้งในและต่างประเทศ ส่วนใหญ่มาจากคำให้สัมภาษณ์, การโพสต์ทวิตเตอร์และการรณรงค์หาเสียงที่เต็มไปด้วยความขัดแย้ง ไม่ก็เรื่องไม่จริง หรือการย้อนแย้งในตัวเอง

 

  แม้ทรัมป์ต้องเผชิญกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ถึงความไม่เหมาะสมในการเป็นประธานาธิบดีของสหรัฐฯ ทั้งด้วยความปากเปราะ ที่มักจะพูดโดยไม่คิด รวมถึงนิสัยที่ไม่ดีนักด้านผู้หญิง จนมีการเปิดโปงเทปบันทึกเสียงเมื่อปี 2547 ที่ทรัมป์พูดหยาบโลนและดูถูกผู้หญิงอย่างน่าตกตะลึง ตามด้วยการออกมากล่าวหาถูกทรัมป์ลวนลามต่างๆ นานาของผู้หญิงอีกไม่ต่ำกว่า 10 คน

           นอกจากนี้ แม้ว่าทรัมป์ถูกต่อต้านจากบรรดาสมาชิกรีพับลีกันแถวหน้า แต่ก็ไม่ยอมแพ้ ดึงดันสู้ศึกชิงทำเนียบขาวต่อไป ด้วยการชูนโยบายแบบพลิกโฉม รวมทั้งเจรจาต่อรองข้อตกลงกันค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีน ต่อต้านข้อตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ หรือ นาฟตา และข้อตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก, บังคับใช้กฎหมายอพยพเข้าเมืองให้เข้มงวดยิ่งขึ้น พร้อมไปกับการสร้างกำแพงตลอดแนวพรมแดนด้านที่ติดกับเม็กซิโก, ปฏิรูประบบการดูแลสุขภาพทหารผ่านศึก, ยกเลิกหรือแก้กฎหมายประกันสุขภาพ หรือ โอบามาแคร์ และลดภาษี แต่ที่เป็นประเด็นขัดแย้งมากที่สุดคือ การเสนอให้ห้ามคนมุสลิมเข้าประเทศ เพื่อป้องกันเหตุก่อการร้าย

           อีก 4 ปีจากนี้ไป น่าสนใจอย่างยิ่งว่าโดนัลด์ ทรัมป์ จะทำให้ “อเมริกายิ่งใหญ่อีกครั้ง” ตามสัญญาไว้ได้หรือไม่

 

ขอบคุณ  ข่าวต่างประเทศ  นสพ.คมชัดลึก