อ.วรรณวิไล กันเพ็ชร์ นักพลังจิตบำบัดเพื่อการเยียวยารักษาโรค

อ.วรรณวิไล กันเพ็ชร์ นักพลังจิตบำบัดเพื่อการเยียวยารักษาโรค

 

 

 

 

มหัศจรรย์พลังจิต ศาสตร์ลับจักรวาล เพื่อการบำบัดเยียวยามนุษย์ สู่ผลงานเขียนและเปิดเผยกรณีศึกษาที่จะช่วยให้ผู้คนเยียวยาตนเองสู่สุขภาพกายดี ใจเปี่ยมสุข โดย อ.วรรณวิไล กันเพ็ชร์ นักพลังจิตบำบัดเพื่อการเยียวยารักษาโรค

 

“พลังจิต” เป็นพลังงานชีวิตที่มีอยู่ในทุกคน ถือเป็นพลังงานไฟฟ้า ที่เกิดจากต่อมไพเนียลในสมองตอนบน เมื่อเราเริ่มคิด ต่อมนี้จะสร้างคลื่นความถี่ของความคิดขึ้น ซึ่งจะมีมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับกระบวนการทางความคิด คลื่นความคิดนี้จะลอยอยู่รอบๆ ตัวผู้คิด เช่น เมื่อคิดถึงใคร คลื่นนั้นจะพุ่งตรงไปยังต่อมสร้างความคิดของผู้รับ ถ้าผู้รับรับคลื่นความคิดนั้นได้ จะเกิดความคิดเช่นนั้นทันที เรียกว่า เกิดการรับรู้ความคิดของผู้อื่นได้ ดังนั้น บุคคลที่มีพลังจิตสูงจึงเป็นบุคคลที่มีสมาธิดี

พลังจิตของคนเรามีอานุภาพมากมาย เพราะจิตมีความไวเกินกว่าที่จะประมาณได้ จิตคนเราสามารถพุ่งไปยังสิ่งที่เรานึกคิดได้ทันที เพียงเรานึกถึงสิ่งนั้น ดังนั้น ทุกคนจะต้องรับผิดชอบต่อความคิดของตนเอง เพราะคนทุกคนบนโลกนี้แท้จริงแล้วมีพลังอยู่ในตัวเอง เพียงแต่ถ้าเราคิดดี พูดดี ทำดี พลังที่ปล่อยออกมาจากเราก็จะเป็นพลังบวกซึ่งก็จะดีต่อทุกคนที่ได้รับพลัง และตัวของเราเอง

 

แม้ว่าหลายคนจะเกิดความสงสัยว่าพลังจิตจะสามารถรักษาโรคได้อย่างไร อ.วรรณวิไล ได้ให้ข้อมูลว่าโดยธรรมชาติร่างกายมนุษย์ ประกอบด้วย 2 ส่วน คือ 1. ส่วนร่างกาย ที่เราเห็นและสัมผัสได้ ทั้งในส่วนอวัยวะภายในและภายนอก 2. ส่วนสนามพลัง คือ พลังงานที่อยู่ภายในร่างกาย แม้อาจจะมองไม่เห็น แต่สามารถสัมผัสได้ด้วยวิธีต่างๆ มากมาย

 

อ.วรรณวิไล กันเพ็ชร์ นักพลังงานบำบัด ผู้เชี่ยวชาญศาสตร์พลังจิตบำบัดกล่าวถึงการเกิดของพลังจิตเพื่อการบำบัด นี้ว่า “พลังจิตที่ทรงอานุภาพถือเป็นพลังพิเศษที่ไม่ได้เกิดขึ้นได้กับทุกคน แต่เกิดขึ้นกับผู้ที่ได้สร้างสมและพัฒนาเท่านั้น แต่สำหรับคนทั่วไปก็สามารถฝึกและสร้างพลังดังกล่าวให้เกิดขึ้นเองได้ ด้วยจิตอันบริสุทธิ์ จิตอันแน่วแน่ที่อยากจะทำความดี แต่ปัจจุบันคนส่วนใหญ่ไม่ค่อยมี เพราะมนุษย์ปัจจุบันมีแต่ความโลภ ละโมบ อยากมีอยากได้ ทำให้ผู้มีพลังจิตที่ทรงคุณภาพในโลกมีน้อยเต็มทน”

 

การจะรู้ว่าตนเองมีพลังจิตหรือไม่นั้น อ.วรรณวิไล กล่าวว่า ในคนเราทุกคนมีพลังจิตด้วยกันทั้งสิ้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่ที่ว่าความเข้มข้นของจิต หรือจิตใครมีอานุภาพมากกว่าที่จะสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างเห็นผล  ทั้งนี้เพราะพลังจิตเป็นพลังงานเพียงเสี้ยวเดียวของพลังธรรมชาติ แต่ทรงพลังยิ่งนัก ซึ่ง

 

หากมีจิตที่นิ่งและสงบทุกคนจะสามารถรับรู้ได้ภายในตนเองถึงการวิ่งวนไหลผ่านของพลังงานที่อยู่ภายใน และมักจะมีตัวรู้อย่างชัดเจนหรือที่เรียกกันว่ามีเซนต์ (Sense) ทำให้ที่ผ่านมาอาจารย์สามารถคาดการณ์สิ่งต่างๆ ได้อย่างแม่นยำซึ่งในส่วนนี้ไม่ใช่เรื่องที่แปลกประหลาดหรือมหัศจรรย์เหนือมนุษย์แต่เป็นสิ่งที่ทุกคนมีในตนแต่ไม่ได้ให้ความสนใจและฝึกให้มีพัฒนาการที่มากขึ้นนั่นเอง

 

อ.วรรณวิไล เริ่มออกการค้นหาถึงที่มาของพลังที่เกิดขึ้น ทั้งสาเหตุทางโลกและทางธรรมยิ่งทำให้อาจารย์ค้นพบถึงความมหัศจรรย์ของพลังนี้มากขึ้น จนพบว่าพลังที่อาจารย์มีอยู่ คือ“พลังจิตขั้นสูงที่มีความเข้มข้น สามารถเชื่อมดึงพลังงานระดับสูง คือพลังจักรวาล และเป็นพลังที่สามารถสร้างผลลัพธ์ได้อย่างฉับพลันทันที ด้วยเป็นพลังงานที่ถึงพร้อมและสมบูรณ์ในตัวเอง”

 

เมื่ออ.วรรณวิไลเห็นถึงพลังของตนเองที่มากมายขนาดนี้ จึงเกิดแนวคิดที่อยากจะนำพลังดังกล่าวมาช่วยเหลือผู้คน ด้วยการใช้บำบัดรักษาเยียวยาผู้ป่วย ที่ผ่านมาอาจารย์บำบัดและรักษาผู้ป่วยมาแล้วไม่น้อยกว่า 100 ท่าน บำบัดโรคมาแล้วไม่ต่ำกว่า 30 โรคโดยอาจารย์มองว่าสิ่งที่ทำอยู่เป็นการต่อยอดทางธรรม คือการได้เกื้อกูลเพื่อนมนุษย์ แทนการนำพลังไปใช้ในเรื่องอื่นที่ไม่ก่อประโยชน์แก่ส่วนรวม

 

“สิ่งที่อาจารย์พูดถึงการเกิดขึ้นของพลังจิตทิพย์ ไม่ใช่ความคิดที่ไม่มีวิทยาศาสตร์มารองรับ แต่เป็นสิ่งที่วิทยาศาสตร์ให้การยอมรับ เห็นได้จากงานวิจัยจากนิตยสาร Time ระบุว่า สาเหตุของโรคเรื้อรังรักษาไม่หาย คือ การอักเสบ ซึ่งเป็นศัตรูตัวฉกาจ แต่สามารถรักษาได้ด้วยพลังจิตบำบัด นับเป็นยาต้านโรคเสื่อม และช่วยลดโรคแทรกซ้อนที่มาเป็นชุด ดังนั้น ทฤษฎีพลังจิตบำบัดเพื่อสุขภาพคือการบำบัดโรคที่อักเสบหรือโรคเรื้อรังได้ดีอีกหนึ่งทางเลือก”

 

ส่วนความคิดลบ ความเครียด ความโกรธ ความคับแค้นใจความน้อยใจ ความโศกเศร้า ความโหยหา ความคิดฟุ้งซ่าน ความกลัว ความคาดหวัง เป็นสาเหตุหนึ่งที่เร่งการทำงานของร่างกายให้เสื่อมลงทุกวันและยังเป็นการทำร้ายสุขภาพจนเป็นเหตุให้เกิดโรคเรื้อรังดังนั้น หมอที่ดีที่สุด คือ ตัวคุณเอง

 

ปัจจุบันมีงานวิจัยที่มีความเชื่อมโยงถึงการนำพลังแห่งจิต ซึ่งเป็นพลังงานที่มองไม่เห็นด้วยตา แต่สามารถสัมผัสได้และเห็นผลอย่างเป็นรูปธรรมพลังจิตจึงไม่ได้เป็นเรื่องของอภินิหารไสยศาสตร์ แต่อย่างใดแต่เป็นพลังงานธรรมชาติที่สามารถเชื่อมโยงถึงสรรพสิ่งจนสามารถสร้างผลลัพธ์ได้อย่างเหนือความคาดหมายนั่นเอง

 

 

อย่างไรก็ดี การเยียวยาด้วยพลังจิตนั้นผลลัพธ์จะออกมาได้ดีหรือไม่ขึ้นอยู่กับผู้เข้ารับการบำบัดด้วยเพราะหากเป็นคนที่มีจิตใจดีผู้รับก็จะสามารถรับพลังงานดีได้อย่างง่ายดายและเห็นผลลัพธ์ได้เร็ว(ตามกฎแรงดึงดูด สิ่งเหมือนกันจะดึงดูดเข้าหากัน)หากบางคนที่มีความคิดด้านลบอยู่เป็นนิจ พลังจิตบริสุทธิ์ที่ถ่ายทอดให้ไปจะสามารถรับได้เพียงแค่ 40% เท่านั้นซึ่งเป็นปกติของหลักพลังงาน ดังนั้น หากจิตเกิดอกุศล ก็ย่อมรับพลังงานดีได้ระดับหนึ่ง ผลที่ได้ก็จะไม่ดีเท่าที่ควร

 

เรื่องราวทั้งหมดที่อ.วรรณวิไล ที่ได้กล่าวถึงมานี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของเนื้อหา หนังสือ “หยุดโรคร้ายด้วยพลังจิตทิพย์”ผลงานเขียนเล่มแรกของอาจารย์ที่ต้องการถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านพลังจิตบำบัดให้กับคนที่สนใจ นอกจากนี้ ภายในเล่มยังมีเคสผู้ป่วยหลากหลายเคสซึ่งเข้ารับการรักษากับอาจารย์แล้วเห็นผล ซึ่งส่วนใหญ่จะหายจากโรคที่เป็นอยู่ด้วยการรักษาครั้งแรก นับเป็นหนังสือที่คุณประโยชน์กับผู้อ่านเป็นอย่างมาก อ.วรรณวิไล อยากให้หนังสือเล่มนี้เป็นเหมือนยาสามัญประจำบ้านที่ทุกบ้านต้องมี เพราะหนังสือเล่มนี้สามารถช่วยบำบัดโรคให้กับผู้ป่วยได้อย่างดีที่สุดโดยไม่ต้องพี่งยาเคมี หรือการผ่าตัดที่มีความเสี่ยงแต่ออย่างใด

 

พระอาจารย์ พ.ธรรมรังสีวัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหารกล่าวถึงอ.วรรณวิไล และหนังสือเล่มนี้ว่า พลังจิตเป็นสิ่งที่มีอยู่จริงเป็นวิทยาศาสตร์ทางจิตเกิดจากการฝึกสมาธิหรือการฝึกจิตด้วยวิธีการต่างๆบางคนฝึกสมาธิมานานหลายภพหลายชาติบางคนอาจเพิ่งเริ่มฝึกในชาตินี้สมาธิที่ได้จึงมากน้อยต่างกันการฝึกสมาธินับเป็นสิ่งที่ดี มีประโยชน์ถ้าเรารู้จักนำ “พลังสมาธิ”หรือ “พลังจิต” มาใช้ในทางที่ถูกต้องสมาธิที่ได้นั้นจึงจะเป็นคุณเป็นประโยชน์ต่อผู้ฝึกแต่ถ้าเราไม่มีศีลและสติคอยควบคุมสมาธิอาจทำให้เกิดโทษได้ สำหรับอาจารย์วรรณวิไล กันเพ็ชร์นับว่าเป็นผู้ที่มีสมาธิจิต มีพลังจิตสูงท่านหนึ่งและปรารถนาที่จะใช้พลังจิตนั้นช่วยเหลือผู้คนในการบำบัด บรรเทารักษาอาการเจ็บไข้ได้ป่วยต่างๆอย่างสุดความสามารถถือได้ว่าเป็นผู้ที่มีกุศลจิตแรงกล้าอาตมาจึงขออนุโมทนาสาธุการในกุศลจิตของอาจารย์วรรณวิไล กันเพ็ชร์ มา ณ โอกาสนี้และขอให้ประสบความสำเร็จในการสร้างบารมี

 

อาจารย์ธนารัชต์ นาอาจผู้ก่อตั้งกลุ่มพลังงานสมาธิเพื่อการพัฒนากายและจิตกล่าวว่า วิชาพลังงานเพื่อการบำบัดมีชื่อเรียกกันต่างๆเช่น Energy Healing,Energy Therapy, Universal Energy,Reiki, Vibrational Medicineแม้ว่าวิชาดังกล่าวยังคงไม่ได้รับการยอมรับในทางวิชาการ แต่ปัจจุบันศาสตร์ดังกล่าวกำลังเป็นที่สนใจแพร่หลายทั้งในและต่างประเทศ มีการจัดฝึกอบรมเกี่ยวกับหลักสูตรวิชาดังกล่าว จนกลายเป็นธุรกิจข้ามชาติที่มีขนาดใหญ่ผมเป็นผู้ที่คร่ำหวอดอยู่ในวงการ

 

พลังงานเพื่อการบำบัดมากว่า 20 ปี ได้พบเห็นวิธีการรักษามาหลากหลาย แต่สำหรับอาจารย์วิ ถือเป็นพลังงานบริสุทธิ์ที่เกิดจากบุญบารมีที่สั่งสมมาแต่อดีตชาติเป็นพลังงานของตนเองที่ใครๆ ก็นำไปใช้ไม่ได้ ความรู้ทั้งหมดที่อาจารย์วิมีเกิดจากของเก่าที่สั่งสมมาล้วนๆ เป็นที่น่าอัศจรรย์อาจารย์วิได้ใช้ความสามารถพิเศษที่ติดตัวมาของตนเองในการทำงานเพื่อการบำบัดรักษา ให้ความช่วยเหลือผู้คนอีกทั้งช่วยจรรโลงวิชาพลังงานบำบัดให้มีความก้าวหน้า เป็นที่ยอมรับในแวดวงวิชาการต่อไป

 

ดร.จรูญ วรรณกสิณานนท์ผู้จัดการสำนักพิมพ์พุทธธีรานายกสมาคมกสิณ (ประเทศไทย)กล่าวว่า ขอชื่นชมกับหนังสือ “หยุดโรคร้าย ด้วยพลังจิตทิพย์” โดยอาจารย์วรรณวิไลกันเพ็ชร์ ได้นำประสบการณ์พร้อมทั้งประวัติผู้ที่เคยได้ทดลองรักษาและเห็นผลแล้วมาเป็นหลักฐานซึ่งพลังจิตที่ผู้แต่งได้นำมาเล่านั้นนักพลังจิตทั้งหลายยอมรับตรงกันว่า “มีอยู่จริง” และนำไปใช้เป็นพลังมหัศจรรย์ได้จริง เช่น การบำบัดโรค ซึ่งโรคบางอย่างนั้นเกิดจากกรรม การดึงพลังจิตที่ตรงกันออกมาบำบัดก็ทำให้หายได้จริง

 

พลังจิตทิพย์ที่กล่าวถึงนี้ เกิดขึ้นมาได้อย่างไร ในทางพระพุทธศาสนาเรียกว่า กสิณที่เป็นปุพพโยคะ คือ เป็นพลังกสิณที่เคยฝึกมาแล้วตั้งแต่อดีตชาติ โดยอาจเป็นพลังกสิณทั้งหมดหรืออย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้ ปกติแล้วพลังกสิณนี้เมื่อได้ฝึกก็จะเป็นบารมีอยู่เช่นนั้นตลอดไป จนกระทั่งถึงวันหนึ่งเมื่อบารมีพร้อม พลังกสิณก็จะเกิดมาสมทบ โดยเฉพาะผู้ที่จะบรรลุธรรม ทำให้เกิดมีอานุภาพบางอย่างในตนเอง

 

จากการที่ได้พูดคุยกับอาจารย์วรรณวิไล ทำให้ทราบว่ามีพลังของ “เตโชกสิณ” ที่เป็นปุพพโยคะอยู่ค่อนข้างมากพลังเหล่านี้จะแสดงตนออกมาในสมาธิ ทำให้สามารถบำบัดโรคได้ หลายคนที่มีพลังเหล่านี้ได้เรียกชื่อไปในหลายๆ อย่างเช่น พลังจิตจักรวาลบ้าง พลังจิตทิพย์บ้าง พลังจิตใต้สำนึกบ้างและอื่นๆ ซึ่งตรงกับในพระพุทธศาสนาว่ามหัคคตจิต แปลว่าจิตที่มีพลังมหาศาลแผ่กว้างไปได้รอบทิศทางหนังสือเล่มนี้ จึงเป็นเหมือนพลังจิตที่จะเพิ่มกำลังจิตให้กับอีกหลายดวง และอีกหลายคนได้หายจากโรคร้ายด้วยพลังจิตที่พัฒนาขึ้นมาตามหลักการนี้ ขอเป็นกำลังใจให้อาจารย์วรรณวิไลกันเพ็ชร์ มา ณ ที่นี้ด้วย

 

ยุวดี บุญครองประธานกรรมการบริหาร สถานี เอช พลัส แชนแนลกล่าวว่า ดิฉันได้รู้จักกับอาจารย์วรรณวิไลกันเพ็ชร์ วันที่อาจารย์และทีมงานแวะมาเยี่ยมที่สถานีจึงได้พูดคุยกัน และได้กำหนดการสาธิตกระบวนการและวิธีการในการบำบัดให้ดูด้วยพลังงานจากจิต ดิฉันเป็นคนที่มีความเชื่อ

 

เรื่อง “พลังงาน” อยู่แล้วและเชื่อพลังงานจากจิต ถ้าถูกฝึกฝนมาจะสามารถใช้ประโยชน์ให้กับตัวเองและผู้อื่นได้ เมื่อเห็นอาจารย์วรรณวิไลมีความตั้งใจอยากจะเผยแพร่เพื่อช่วยคนให้หมดจากความทุกข์ จากโรคร้ายต่างๆ จึงได้เชิญมาร่วมจัดรายการในสถานี เอช พลัส แชนแนล แล้วผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดหมายจริงๆ ว่าประชาชนให้ความสนใจเป็นอย่างมากหนังสือเล่มนี้อาจารย์ตั้งใจเป็นอย่างมากที่จะนำความรู้ต่างๆ ที่อาจารย์มีมาเผยแพร่ให้กับคนไทย เพื่อสามารถนำไปปฏิบัติ และช่วยเหลือตัวเองให้พ้นจากความทุกข์ได้ ดิฉันอยากให้ทุกคนได้มีหนังสือเล่มนี้ไว้ทุกบ้านสุดท้ายนี้ ขอให้อาจารย์ประสบความสำเร็จทุกอย่างดังที่ตั้งใจค่ะ

 

ป๊อบ ไฮโซกรรมการผู้จัดการ สถานี เอช พลัส แชนแนลผู้บริหาร, อาจารย์ และนักการตลาดกล่าวว่า คนเราจะประสบความสำเร็จ อาจต้องมีปัจจัยและโจทย์มากมายเป็นตัวแปร ความรู้ การเลี้ยงดูและสิ่งแวดล้อม เป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิตให้เกิดความมั่นคง และเป็นสุขความมั่นใจในตัวเอง อาจเป็นพรสวรรค์ที่ติดตัวบางคนมา แต่ในบางคนก็เหมือนจะค้นหายากและเป็นปัญหาหลักในการดำเนินชีวิตท่านอาจารย์วิเป็นบุคคลหนึ่งที่สมควรแก่การเชิดชูและยกย่อง ที่ได้ใช้ความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์ในเชิงพลังจักรวาล ซึ่งได้มีการพิสูจน์ได้จริงในโลกสากลของบุคคล นักธุรกิจระดับโลก ที่ต่างเชื่อและศรัทธาว่า ถ้าเราได้ปฏิบัติและได้รับการเติมพลัง จะทำให้เราต่อสู้กับตัวเองและโรคได้

 

หนังสือ “หยุดโรคร้ายด้วยพลังจิตทิพย์”ราคา 200 บาท วางจำหน่ายที่ตามร้านหนังสือทั่วไป