\อ.เก่งกาจ จงใจพระ "ปลุกเสกพระเพิ่มพุทธคุณทุกวัน"

\อ.เก่งกาจ จงใจพระ "ปลุกเสกพระเพิ่มพุทธคุณทุกวัน"

 

 

 

 

เรื่อง : สุทธิคุณ กองทอง   ภาพ :  พีระรัตน์ ธรรมจง

 

อ.เก่งกาจ จงใจพระ

"ปลุกเสกพระเพิ่มพุทธคุณทุกวัน"

 

"ศรีไพร ใจพระ" เป็นชื่อและนามสกุลเดิมของ "อ.เก่งกาจ จงใจพระ" ประธานมูลนิธิทรงคุณธรรม ซึ่งก่อนที่จะมาเข้าสู่วงการโหรนั้น อ.เก่งกาจ เป็นนักแสดง และยังเป็นเจ้าของวงดนตรีลูกทุ่ง และมีบทเพลงที่โด่งดังคือ "อย่าเดินโชว์" ซึ่งมีน้ำเสียงคล้ายคลึงกับ สุรพล สมบัติเจริญ

 

จากนั้นก็ได้ผันวิถีชีวิตตัวเอง มาทำนายดวงเมือง ดวงผู้นำประเทศช่วงต่างด้วยศาสตร์แห่งการโคจรของดวงดาว คำทำนายที่โด่งดังก็คือ เรื่องการบอกฤกษ์ปฏิวัติ รัฐประหารว่าจะสำเร็จหรือไม่สำเร็จ จนได้รับการตั้งฉายาว่า "โหรการเมือง" และสิ่งหนึ่งที่ อ.เก่งกาจ ทำประจำจนกลายเป็นกิจวัตรประจำวัน คือ "การปลุกเสกพระเครื่องที่แขวนติดตัวทุกวันก่อนออกจากบ้าน"

 

อ.เก่งกาจ อธิบายว่า ก่อนนำพระเครื่องแขวนคอจะต้องปลุกเสกด้วยคาถาทุกวัน เนื่องจากไม่แน่ใจว่าที่ผ่านมาของแต่ละวันเราไปรอดใต้ต้นไม้ รอดใต้ถุน หรือรอดใต้อะไรต่างๆ ที่เป็นอัปมงคลบ้าง พระท่านอาจหลบไปบ้างหรือเปล่าเราก็ไม่รู้ หลวงพ่อแนะนำว่าต้องปลุกเสกด้วยคาถาเหมือนพระเกจิปลุกเสกพระ ยิงปลุกเสกบ่อยครั้งแค่ไหนพระองค์นั้นก็จะมีพลัง คาถาที่ปลุกเสกก็จะมี คาถาเมตตามหานิยม ไปไหนใครเห็นใครก็ชอบ รวมทั้งคาถาเน้นในเรื่องของการแคล้วคลาด สามารถหลบหนีจากศัตรูได้

 

ส่วนพระเครื่องที่แขวนติดตัวมาตั้งแต่วัยหนุ่มพร้อมปลุกเสกก่อนนำขึ้นคอ ประกอบด้วย พระรอด ลำพูน พระแก้วเครือวัลย์ ชลบุรี หลวงปู่แหวน พระสมเด็จเกศไชโย พิมพ์ ๗ ชั้น พระสมเด็จหลวงปู่เทียน พระหลวงปู่ทบวัดชนแดน เพชรบูรณ์ เหรียญหลวงพ่อโสธร เหรียญเสด็จพ่อ ร.๕ ส่วนการแขวนพระก็เพื่อต้องให้เป็นสิริมงคลกับชีวิต แล้วก็เน้นเรื่องเมตตามหานิยมเข้าหาผู้ใหญ่ก็จะได้รับความเมตตา

 

สำหรับประสบการปาฏิหาริย์นั้น อ.เก่งกาจ บอกว่า "เฉียดตายเกิดขึ้นนับไม่ถ้วน" พร้อมกับเล่าถึงประสบการณ์เฉียดตายครั้งหนักๆ ให้ฟังด้วยว่า เหตุการณ์แรกเกิดขึ้นเมื่อครั้งออกเดินสายแสดงลูกทุ่งที่วัดหลวง อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว มีกลุ่มที่หวังดีมาบอกว่าพวกเสือสนเตรียมดักปล้นประมาณตีสาม ระหว่างเล่นก็กำชับลูกน้องให้เตรียมพร้อมในการออกเดินทางทันทีเมื่อการแสดงจบ พอได้เวลาสองยามก็เลิกการแสดงโดยอธิบายกับแฟนๆลูกทุ่งว่า ต้องออกเดินทางไปเล่นที่หาดใหญ่เที่ยวหน้าจะมาเล่นอีกครั้ง เชื่อไหมว่าวันรุ่งขึ้นหนังสือพิมพ์ลงว่าคนที่ไปเที่ยวงานดังกล่าวถูกกลุ่มเสือสนปล้น

 

ครั้งที่ ๒ เกิดขึ้นระหว่างเดินทางจากหาดใหญ่ไปเล่นที่สุรินทร์ซึ่งต้องเดินทางเวลากลางคืน โดยมีคนมาท้วงติงว่า อย่าไปเลยเพราะระหว่างเดินทางขึ้นเขานางหงส์มันมีพวกคอมมิวนิสต์ถ้าเห็นรถวิ่งเวลากลางคืนกลุ่มเหล่านี้จะยิงทันที พร้อมกับแนะนำด้วยว่า หากขึ้นเขาไปเห็นกลุ่มคอมมิวนิสต์ส่องไฟมาที่รถก็ให้ส่องไฟตอบกลับพร้อมให้กดสัญญาณไฟดับติดๆ เพื่อเป็นสัญญาณว่าเป็นพวกเดียวกันทำให้ชีวิตแคล้วคลาดจากความเมตตาของคนรอบข้าง

 

ส่วนครั้งที่ ๓ คือ ไปแสดงงานประจำปีวัดลาดยาว อ.ลาดยาว จ.นครสวรรค์ แล้วมีลูกตำรวจกับพวกมีอาการเมามาหาเรื่องหน้าเวทีจนไม่มีสมาธิร้องเพลงพอเวลาสองยามได้เลิกการแสดง เป็นเหตุให้กลุ่มลูกนายตำรวจไม่พอใจ วิ่งมาดักหน้ารถแล้วยืนฉี่หน้ารถ เมื่อเห็นเช่นนั้นพวกเราจึงลงจากรถเอาด้ามปืนตบเข้าไปโหนกแก้ม ลูกน้องต่างรุมจนอ่วม กลุ่มลูกนายตำรวจไม่พอใจได้ไปแจ้งตำรวจ ตำรวจก็ไม่รับแจ้งเพราะต่างรู้ว่ากลุ่มนี้อัธพาล

 

ระหว่างขับรถออกไปนั้นมีฝนตกหนักมากคิดว่าถ้าพวกนั้นตามมาต้องมีการปะทะกันแน่ เพราะว่าภายในรถมี สห.สองคน มีปืนประมาณ ๑๐ กระบอก แล้วยังมีปืนลูกซองอีก ๔ กระบอก พอมาจอดรถอยู่ที่ปั้มน้ำมันเพื่อสังเกตว่าพ้นเขตแล้วกลุ่มพวกนั้นก็กล้าตามมา อีกเหตุการณ์ที่รุนแรงเมื่อครั้งเป็นคอลัมนิสต์ชื่อ ศรีไพร ใจพระ ชนกับคมลัมนิสต์ฟ้าทะลุดิน ชนเป็นการจุดประเด็นให้มีการสั่งมือปืนตามเก็บตนเอง แต่ทุกอย่างยุติลงที่ผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่าย

 

"สิ่งที่ผมรอดตายมาได้ราวปาฏิหาริย์ทุกครั้งก็เพราะว่าผม มีพระรอด ซึ่งผมก็ยึดหลักที่ว่า เราไม่รังแกใครและไม่ทำในสิ่งที่ไม่ดี ผมคิดว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็จะคุ้มครองเรา เพราะผมเชื่อว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริง ก็เมื่อครั้งที่เดินทางไปเล่นที่อรัญอีกครั้ง ระหว่างเดินทางรถเกิดยางแตกระเบิด ตัวรถพุ่งไปอัดอยู่กลางทุ่งนา ปรากฎว่าไม่มีใครเป็นอะไรเลย" เขาเชื่อปาฏิหาริย์มีจริง

 

นอกจากนี้ อ.เก่งกาจ ยังเชื่อว่านรก-สวรรค์มีจริง โดยให้เหตุผลว่า ได้ศึกษาจากพระไตรปิฎก พระพุทธเจ้าบอกเอาไว้ว่าได้ไปคุยกับเทวดา ถามว่าพระโกหกได้ไหมยิ่งพระพุทธเจ้าโกหกไม่ได้เลย หากโกหกศีลขาดแน่นอน ฉะนั้นนรก-สวรรค์ต้องมีจริง เพราะพระมาลัยไปโปรดสัตว์ ไปโปรดแม่ที่นรก ตรงนี้ทำให้ได้ศึกษาว่าตายแล้วไปไหน ชาติที่แล้วเราเป็นอะไร เป็นเรื่องที่ทุกคนไม่ควรมองข้าม

 

"อดีตชาติผมพบว่า เคยเป็นโหรตั้งแต่สมัยกรุงศรีฯ ไม่สมัยนเรศวรก็สมัยพระนารายณ์ ชีวิตผมไปผูกพันอยู่หลายเรื่องเกี่ยวกับประวัติศาตร์ ส่วนคนที่ไม่ค่อยเชื่อเรื่องนรกสวรรค์พวกนี้เป็นคนบาป เป็นคนบาปหนา คนที่จะมาเกิดก็มีสองซีก ซีกหนึ่งมาจากสวรรค์ พวกเทวดาที่ยังหลงในกิเลสจะถูกไล่ลงมาเกิดใช้กรรมพวกนี้จึงมาเกิดเป็นลูกเศรษฐี แต่ชีวิตตอนปลายๆ ก็จะลำบากเพราะผลาญหมด และซีกมาจากนรกที่หมดเวรหมดกรรมแล้ว พวกนี้จะเกิดมาลำบากตอนเด็ก และจะยิ่งใหญ่ตอนโต" อ.เก่งกาจ กล่าวทิ้งท้าย

"ปลุกเสกด้วยคาถาเหมือนพระเกจิปลุกเสกพระ ยิ่งปลุกเสกบ่อยครั้งแค่ไหนพระองค์นั้นก็จะมีพลัง"