กรรม!ฆ่าไก่ฆ่ากบ ของ… ดร.เพชรยุพา บูรณ์สิริจรุงรัฐ

กรรม!ฆ่าไก่ฆ่ากบ ของ… ดร.เพชรยุพา บูรณ์สิริจรุงรัฐ

 

 

 


เรื่อง : สุทธิคุณ กองทอง   ภาพ :  ประเสริฐ  เทพศรี

 

กรรม!ฆ่าไก่ฆ่ากบ ของ… ดร.เพชรยุพา บูรณ์สิริจรุงรัฐ

 

การดำเนินชีวิตของ  ดร.เพชรยุพา บูรณ์สิริจรุงรัฐ ประธานกรรมการบริหารบริษัท เฌ.เดียมอง จำกัด ในฐานะเจ้าของสำนักพิมพ์ ณ เพชรสำนักพิมพ์ ครั้งหนึ่งเคยอยู่กับแสง สี เสียง โดยเธอไม่เคยคิดว่าตัวเองจะต้องมาบวชชี ไม่เคยสนใจในเรื่องของธรรมะใดๆ ทั้งสิ้น แต่ในการบวชครั้งนั้น สิ่งที่ได้คือการไม่เอา การปลง ปล่อยวาง เป็นการไปศึกษาพระธรรมวินัยให้เข้าถึงแก่น การศึกษาธรรมเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน  

นอกจากสนใจพระธรรมแล้ว เจ้าของสำนักพิมพ์ ณ เพชร ยังเป็นคนชอบสะสมพระเครื่องด้วย ส่วนใหญ่เป็นพระที่ผู้ใหญ่ให้ไว้เป็นที่ระลึก เช่น เหรียญหลวงพ่อโอภาสี สมเด็จ โต พรหมรังสี พระนางพญาดำ พระพิฆเนศ จตุคามรามเทพ รุ่น มงคลมหารวย รุ่น ทวีโภคทรัพย์ และขี้ผึ้งศรีวิชัยสมัยโบราณ ส่วนเหรียญเสด็จพ่อ ร.๕ มีประสบการณ์เฉียดตายมาครั้งหนึ่ง ขับรถกันไปต่างจังหวัดนครปฐมแล้วรถเกิดเสียหลักพลิกคว่ำทุกคนในรถไม่มีใครเป็นอะไรเลย

ดร.เพชรยุพา เล่าว่า เมื่อครั้งที่ตัดสินใจบวชเป็นแม่ชีปลงผมสาเหตุมาจากพ่อป่วยเป็นโรคไตอาการหนักมาก ประกอบกับที่บ้านอยากได้ลูกผู้ชาย เพื่อที่ว่าโตขึ้นมาบวชเป็นพระพ่อแม่จะได้จับชายผ้าเหลือง ครั้งนั้นจำว่าได้ให้สัญญากับตัวเองถ้าหากพ่อหายจากการอาการป่วยจะให้พ่อเป็นคนจับชายผ้าขาว คือ การตัดสินใจที่จะบวชเป็นแม่ชีปลงผม แท้จริงแล้ว การพูดในครั้งนั้นเป็นการพูดด้วยความคะนองปากมากกว่า

ระหว่างนั่งสัมภาษณ์นุสบา ปุณณกันต์ อยู่บนเวทีแม่โทรมาบอกว่าพ่อป่วยหนัก วันนั้นรีบลงจากเวทีเจอแม่ชีศัสนีย์ เสถียรสุต ผู้อำนวยการเสถียรธรรมสถาน จึงบอกท่านว่าอยากบวช แม่ชีท่านก็บอกให้เตรียมใจไปบวชพอบวชไปได้ ๗ วันได้ความเงียบ ภายใน ๗ วันนี้มีอยู่ช่วงหนึ่งห้ามไม่ให้มีการพูด ความรู้สึกช่วงนั้นปิ้งไอเดียขึ้นมาด้วยการปวารณาตัวจะรับใช้พระพุทธศาสนา และสังคม เมื่อสึกออกมายังได้ไปปฏิบัติธรรมตามสถานที่ต่างๆ อาทิ ยุวพุทธิฯ ทำให้มีความเชื่อมั่นในคำสอนของพระพุทธเจ้า  

ต่อมามีอยู่วันหนึ่งได้สัญญากับตัวเองไว้อีกครั้งว่า ถ้าทำอะไรบางอย่างประสบความสำเร็จสูงสุดในชีวิตก็จะขอบวชเป็นครั้งที่สอง แล้วในที่สุดงานที่ทำให้กับ อ.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ถวายปัจจัยให้กับวัดร่องขุ่น จ.เชียงราย ถือว่าประสบความสำเร็จสูงสุดจริงๆ จึงตัดสินใจบวชเป็นแม่ชีปลงผมอีกครั้งเป็นเวลา ๙ วัน มันเป็นอะไรที่ดีขึ้นกว่าครั้งแรกที่บวช อยากจะอธิบายให้เข้าใจว่า

"บุญจากการนั่งสมาธิมันเหมือนตักน้ำใส่ตุ่มที่ค่อยๆ หยด บางครั้งก็รั่วออกไปบ้าง แต่ตรงนี้ถ้าเรามีความเพียรเป็นที่ตั้งมั่นจะทำให้เรามีกำลังใจ จากก่อนหน้านี้ไม่เคยตื่นใส่บาตรเลย แล้ววันนี้ก็ตื่นขึ้นมาใส่บาตร แล้วยังสวดมนต์วันละครึ่งชั่วโมง และนั่งสมาธิอีก ๑๐ นาที สิ่งที่ทำตรงนี้มันได้คือความสงบ" นี่เป็นหลักธรรมที่เธอได้จากการบวชชี

พร้อมกันนี้ เพชรยุพา ยังบอกด้วยว่า ความรู้สึกจากการบวชแล้วได้หันหน้าปฏิบัติธรรมมันเหมือนเราได้งอกงามในธรรม รู้สึกว่ามีความเป็นอยู่ที่พอ ซึ่งตรงกับพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว คือ เศรษฐกิจพอเพียง แล้ววันนี้ได้เตรียมที่จะเปิดสอนธรรมะให้กับเยาวชน ส่วนงานสังคมที่ได้ทำแล้วคือ โครงการเพื่อน้องหนูบ๊อกๆ เมี้ยวๆ สุนัขและแมวจรจัดทั่วราชอาณาจักรไทย คิดว่าตัวเองชาติที่แล้วน่าจะเป็นหมา เพราะเป็นคนซื่อสัตย์กตัญญูเหมือนหมา และเป็นโครงการที่ทำมาหลายปีแล้ว  

ขณะเดียวกัน ดร.เพชรยุพา  ยังเชื่อในเรื่องกฎแห่งกรรมด้วย เธอยอมรับสารภาพว่า ช่วงเป็นวัยรุ่นเป็นที่เลวมากๆ เห็นกบมองหน้าไม่ได้ก็จะเอาเท้าเตะจนมันตาย หรือเห็นไก่อยู่กับลูกมันดีๆ ก็หมันไส้ไม่ชอบมัน จากนั้นก็จับไก่มาหักคอแล้วนำไปย่างกิน สิ่งที่ทำไปในเวลานั้นไม่ได้คิดว่านั่นเป็นการสร้างกรรมอย่างหนึ่ง จนวันหนึ่งรู้สึกปวดคอไปให้หมอนวดคอเขาก็ทักขึ้นมาว่า เชื่อในเรื่องกรรมไหม เพราะว่าคอที่ปวดแบบนี้นวดเท่าไหร่ก็คงไม่หาย ลองนึกให้ดีว่าเคยไปทำอะไรไว้หรือเปล่า พอเขาพูดขึ้นมาแบบนี้ก็นึกถึงตอนที่หักไก่ขึ้นมาทันที

"พอรู้ว่าสิ่งที่เกิดกับเราในเวลานี้เป็นกรรมที่ได้สร้างเอาไว้ ตรงนี้ได้ทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้กับพวกมันแล้ว แต่คงลบล้างลำบาก เพราะสิ่งที่ทำไปในวันนั้นพวกมันคงเจ็บน่าดู แต่กลับมาคิดได้วันนี้เหมือนเราสำนึกผิดกับสิ่งที่ทำ มีหนทางเดียวที่จะลดกรรมหนักให้เป็นเบาได้ด้วยการรักษาศีลและเผยแผ่พระธรรม" ดร.เพชรยุพา กล่าวทิ้งท้าย