"สุเทพ ถวัลย์วิวัฒน์กุล"กับ...ปาฏิหาริย์พระหลวงปู่ทวด

"สุเทพ ถวัลย์วิวัฒน์กุล"กับ...ปาฏิหาริย์พระหลวงปู่ทวด

 

 

 

 

 

เรื่อง  : สุทธิคุณ    กองทอง   ภาพ :  อุทร ศรีพันธ์

 

"สุเทพ ถวัลย์วิวัฒน์กุล"กับ...ปาฏิหาริย์พระหลวงปู่ทวด

 

 

สุเทพ ถวัลย์วิวัฒน์กุล แห่งวงโฮปเติบโตมาจากชุมชนย่านบางลำพู เป็นเด็กวัดอยู่หลายปี จากนั้นมีโอกาสก้าวไปเป็นศิลปินในนามวงโฮป โดยเขาได้แรงบันดาลใจมาจากวงคาราวาน และเรื่องราวของเหตุการณ์การเมือง โดยมีภรรยา "พี่แดง" บุษปรัตน์ เป็นนักร้องนำร่วมกันมาเป็นเวลากว่า๒๐ ปีแล้ว 
สุเทพเล่าว่า ประมาณอายุ ๑๒ ปี เข้าไปเป็นเด็กวัดบวรนิเวศวิหาร บางลำพู ทำให้ได้เรียนรู้เรื่องธรรมะจาก พระมหาแจ่ม เพราะท่านเป็นนักเขียนกลอนที่เก่งท่านหนึ่ง ตรงนี้จึงทำให้ได้ธรรมะต่างๆ จากท่านมาไม่น้อย โดยท่านจะเล่านิทานให้ฟังอยู่หลายเรื่อง เชื่อไหมว่านิทานที่ท่านเล่ายังจำได้ไม่ลืม แม้เวลาจะผ่านมาครึ่งชีวิตแล้วก็ตาม คือ เรื่องการแบกข้าวสาร ครั้งแรกที่ฟังนึกว่าต้องแบกข้าวสารเป็นกระสอบๆ ออกไป มากระจ่างชัดเมื่อตอนที่ท่านอธิบายว่า เวลาจะกินข้าวให้รู้จักกินอย่างดี กินอย่างพออิ่ม พยายามอย่ากินข้าวให้เหลืออยู่ในจาน

 

"วันนี้ทำให้เรารู้ว่าอาหารทุกมื้อก่อนที่จะกินข้าวต้องตักให้พอกิน จะไม่ตักข้าวจนล้นหรือตักข้าวจนกินไม่หมด ทำให้สมาชิกในครอบครัวได้อะไรจากตรงนี้มาเยอะเหมือนกัน จากการสังเกตที่พระท่านฉันอาหารเราก็จะเห็นถึงประโยชน์หรือคุณค่าของอาหารที่มีต่อสุขภาพของเราเอง โดยเฉพาะพระจะต้องไม่เสพของมึนเมา ทำให้ที่บ้านหันมากินข้าวกล้อง กินผักปลอดสารพิษรักษาสุขภาพ" นี่เป็นหลักธรรมนำชีวิตของอดีตเด็กวัด 


ส่วนพระเครื่องที่แขวนติดตัวประจำได้แก่ พระหลวงปู่ทวด วัดช้างให้ พระสมเด็จบางขุนพรหม ปี ๐๙ พิมพ์ จันทร์ลอย โดยพระเครื่องทั้งหมดที่มีสะสมอยู่ที่บ้านไม่ได้เช่าหามาเลย แต่ส่วนใหญ่จะได้มาจากคนรู้จักต่างให้มาบูชามากกว่า เหตุผลที่แขวนพระเครื่องก็คงเหมือนชาวพุทธทั่วๆ ไป แขวนให้รู้ว่าเราเป็นชาวพุทธ ประกอบกับตั้งแต่เล็กจนโตอยู่กับวัดมาตลอด เลยมีความคุ้นเคยกับพระเครื่องย่านชุมชนบางลำพู วัดบวรนิเวศวิหาร


ตลอดชีวิตที่ผ่านมาเกิดเหตุการณ์เฉียดตายหลายครั้งแต่มีอยู่ครั้งหนึ่งที่สุเทพบอกว่าจำได้อย่างไม่มีวันลืม พร้อมกับเล่าให้ฟังว่า เหตุการณ์ครั้งที่ร้ายแรงที่สุดเกิดเมื่อไปเดินสายร้องเพลงที่ภาคใต้ โดยเช่ารถตู้เพื่อตระเวนร้องเพลงตามร้านต่างๆ ประมาณ ๑๐ ร้านเห็นจะได้ ระหว่างเดินทางในวันนั้นคนขับรถตู้คงไม่ได้นอน


ช่วงออกเดินทางเป็นช่วงเช้ามืดพอดีเมื่อรถวิ่งไปถึงเส้นระหว่างประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร แล้วเห็นป้ายเขียนว่าน้ำตกกะเปาะ คนขับหลับในช่วงนั้นพอดี ทุกคนในรถต่างก็หลับกันหมด แต่ตนเองยังไม่หลับ ทำให้ได้เห็นว่าคนขับกำลังจะขับรถออกนอกเส้นทาง จากนั้นรถตู้ก็เริ่มตะแคงไถลลงข้างทางอย่างเร็ว ความแรงส่งผลให้รถกระดอนข้ามไปอีกฝั่งหนึ่งของถนน ความรู้สึกว่ารถมันโครงเครงเหมือนปลากระป๋องเลย เมื่อทุกอย่างสงบลง พยายามจะเปิดประตูข้างก็เปิดไม่ได้ จึงต้องคลานกันออกมาจากรถตู้ 

หากพูดถึงความรู้สึกในวินาทีนั้นมีสติตลอดยังร้องตะโกนเสียงดังว่า หลับในหรือเปล่า ตอนนั้นเข้าใจว่าลูกทีมที่เป็นชาวพุทธทุกคนหลับหมด แต่มีชาวมุสลิมอยู่คนหนึ่งนั่งอยู่ข้างๆ เขาสวดมนต์เป็นภาษามุสลิม เหตุการณ์วันนั้นนับว่าโชคดีที่ไม่มีใครเป็นอะไรเลย ทั้งนี้ความรู้สึกรอดตายมาได้ไม่รู้ว่าจะเป็นปาฏิหาริย์จากพระเครื่องที่แขวนอยู่ด้วยหรือเปล่า เพราะชั่วจังหวะแวบหนึ่งตอนรถตะแคงได้นึกถึงพระอยู่เหมือนกัน ส่วนพระเครื่องที่แขวนติดตัวเป็นพระหลวงปู่ทวด เนื้อขาว วัดประสาท เนื้อผสมผงที่แตกหักของพระสมเด็จบางขุนพรหม 

"วันนี้ทำให้ผมมองว่าชีวิตคนเราไม่แน่นอน สรรพสิ่งในโลกก็ย่อมเปลี่ยนแปลง มีเกิด มีแก่ แล้วสูญสลายไป ผมคิดว่าน่าจะเป็นสัจธรรมของทุกสรรพสิ่งในโลกนี้ แม้แต่ก้อนหินเราจะวางลงไว้ วันหนึ่งก้อนหินก้อนนั้นก็จะต้องสลายไปตามกาลเวลา ถึงแม้จะเป็นอำนาจใดก็ตามที่มีอยู่ เมื่อมีอำนาจวันหนึ่งก็ต้องสูญอำนาจแล้วก็สลายไปในที่สุด คนเราเกิดมาแล้วพยายามที่จะสะสมวัตถุจนไม่รู้จักพอไม่ว่าจะเท่าไรก็ตามสุดท้ายก็เอาไปไม่ได้ในที่สุดก็ตายไปเหลือแต่ความว่างเปล่า" นายสุเทพ กล่าวทิ้งท้าย 


ชีวิตของการเป็นเด็กวัดทำให้ได้เห็นว่าใครก็ตามกินข้าวเหลือในจานพระมหาแจ่มจะให้แบกเม็ดข้าวออกจากจานทีละเม็ดเอาขึ้นบ่านำไปทิ้งในน้ำเพื่อจะได้เป็นอาหารปลา แล้วเวลาโยนเม็ดข้าวลงไปในน้ำก็ให้ตะโกนเสียงดังๆ ว่า โครม เรียกได้ว่า คำสอนของท่านในครั้งนั้นเรายังเด็กก็สำนึกอยู่เพียงว่าท่านคงลงโทษให้เราสำนึกแค่นั้น กระทั่งวันหนึ่งเรามีครอบครัวความรับผิดชอบค่าใช้จ่ายภายในบ้านทั้งหมด บอกตามตรงว่าเป็นปัญหาใหญ่มาก จากปัญหาตรงนี้จึงนึกถึงคำสอนของพระมหาแจ่มที่เป็นอะไรยิ่งใหญ่อยู่ในใจมาตลอด