แอ๊ด คาราบาว"ในโลกนี้ไม่มีอะไรเป็น...อมตะ"

แอ๊ด คาราบาว"ในโลกนี้ไม่มีอะไรเป็น...อมตะ"

 

 

 

 

เรื่อง  : สุทธิคุณ    กองทอง   ภาพ :   ชวกรณ์  สะอาดเอี่ยม

 

 

แอ๊ด คาราบาว"ในโลกนี้ไม่มีอะไรเป็น...อมตะ"

 


ในวงการพระเครื่อง อาจารย์มนัส โอภากุล ถือว่าเป็นนักประวัติศาสตร์แห่งเมือสุพรรณบุรี โดยได้รับการยกย่องให้เป็นปราชญ์แห่งเมืองสุพรรณ ซึ่งมีผลงานเขียนเรื่องพระเครื่องเมืองสุพรรณทุกกรุ 
ด้วยเหตุนี้จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ลูกๆ ทุกคนมีความสนใจเรื่องพระเครื่องมากเป็นพิเศษ รวมทั้ง นายยืนยง โอภากุล หรือ แอ๊ด คาราบาว ลูกชายหัวแก้วหัวแหวน ก็สะสมพระกรุเมืองสุพรรณไว้จำนวนมาก ส่วนพระที่นิมนต์ขึ้นคอนั้นมีเพียงองค์เดียว คือ พระมเหศวร กรุวัดพระศรีรัตนมหาธาตุฯ จ.สุพรรณบุรี 


"ก่อนหน้านี้จะแขวนพระถ้ำเสือ หลังจากพระถ้ำเสือหาย ก็แขวนพระมเหศวรองค์นี้แทน ซึ่งพระองค์นี้ พ่อให้ติดตัวไว้หลายสิบปีแล้ว โดยพ่อได้มาจากคุณย่า เพราะถือเป็นสมบัติชิ้นสุดท้ายที่ย่าให้ไว้กับพ่อ จึงตกทอดมาถึงผม" นี่เป็นที่มาของพระมเหศร ซึ่งเป็นพระเครื่องคู่ใจของ แอ๊ด คาราบาว  ศิลปินแห่งชาติประจำปี พ.ศ.2556


ส่วนเหตุปาฏิหาริย์เฉียดตายนั้น แอ๊ด คาราบาว บอกว่า ตลอดชีวิตที่ผ่านมา ๕๒ ปี เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว โดยจำได้ว่าวันที่เกิดเหตุนั้นกำลังขี่มอเตอร์ไซค์ออกจาก จ.อุบลราชธานี ระยะทางค่อนข้างไกลพอสมควร พอมาถึงหน้าการเคหะแห่งชาติ ไม่รู้ว่าตัวเองง่วงหรืออะไรไม่รู้ได้ พอดีรถต้องเข้าโค้ง ทำให้รถเสียหลัก วิ่งเข้าเกาะกลางถนน แต่เหตุการณ์ครั้งนั้นก็ไม่ถึงกับหนัก แค่ลงไปกลิ้งจนเนื้อตัวถลอกปอกเปิกเท่านั้น 


อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะไม่ค่อยได้เข้าวัดทำบุญมากนัก แต่ แอ๊ด คาราบาว ก็มีความเชื่อเรื่องกฎแห่งกรรมเหมือนชาวพุทธทั่วๆ ไป ว่าใครทำความดี ความดีก็จะสนอง หรือปรากฏให้ตัวเรา ใครทำความชั่ว สักวันหนึ่งเขาจะได้รับผลกรรมตรงนั้น และบุญอย่างหนึ่งที่จะทำเป็นประจำ คือ ทุกครั้งที่แสดงคอนเสิร์ตจะนำรายได้ที่หักค่าใช้จ่ายแล้ว นำเงินไปถวายให้วัดท่ากุ่ม ต.หนองสาหร่าย อ.ดอนเจดีย์ จ.สุพรรณบุรี โดยที่วัดมีโรงเรียนจึงซื้อเครื่องดนตรีไทยไปให้ฝึกซ้อมกันแล้ว มาคราวนี้ จึงอยากหาทุนซื้อเครื่องดนตรีสากลให้นักเรียนฝึกซ้อมกันเพื่อพัฒนาคนรุ่นใหม่ 


สำหรับวิธีการสร้างสมาธินั้น แอ๊ด คาราบาว บอกว่า การกระทำหรือการเล่นทุกอย่างล้วนทำให้เกิดสมาธิทั้งสิ้น อย่างกับการเล่นกีตาร์ ก็เป็นการฝึกสมาธิอย่างหนึ่ง เนื่องจากเวลาเล่นจะต้องทำสมาธิให้นิ่งอย่างมาก ไม่เช่นนั้นการเล่นกีตาร์ออกมาจะดีเพียงพอ ถ้าเราเล่นกีตาร์แล้วจิตใจไม่นิ่ง ก็ส่งผลให้เล่นกีตาร์ออกมาไม่ดี หรือเล่นผิดก็มี ความนิ่งทำให้เราเห็นภาพคอร์ดทั้งหมด ตรงนี้ก็จะเกิดความมั่นใจในการเล่นกีตาร์ ที่ไม่ผิดอย่างแน่นอน ดังนั้นการเล่นกีตาร์จึงเป็นการสร้างสมาธิ 


แอ๊ด คาราบาว บอกด้วยว่า ตลอดชีวิตที่ผ่านมานั้นวุ่นวายอยู่กับแสง สี เสียง กินเหล้า สูบบุหรี่ เรียกได้ว่าทำได้ทุกอย่าง เนื่องจากต้องร้องเพลงในยามค่ำคืน เพื่อนฝูงมากมาย แต่วันนี้เลิกบุหรี่ได้แล้ว เลิกมาประมาณกว่า ๒๐ ปี ส่วนเรื่องเหล้านั้นงดเหล้าเข้าพรรษาเช่นเดียวกับคนอื่นๆ ซึ่งถ้าเป็นไปได้ก็อยากหยุดตลอดชีวิต หันมาใช้ชีวิตแบบพอเพียง เพราะคิดว่าชีวิตคนเราช่างสั้นนัก อยู่ไม่กี่ปีก็ต้องจากกันไป แต่ก็ไม่รู้ว่าจะโลภกันไปถึงไหน วันนี้จึงหันมาตำข้าวซ้อมมือรับประทานเอง และอาหารทุกมื้อก็จะเป็นอาหารมังสวิรัติ 


ตั้งแต่เข้าพรรษาปีนี้หันมารับประทานอาหารมังสวิรัติ ปราศจากเนื้อสัตว์ มีความรู้สึกว่าจิตใจเป็นเมตตา มองเห็นโลกนี้มีความเมตตากรุณามากขึ้น สิ่งที่ทำให้ชีวิตพลิกผันอย่างนี้มาจาก ๒ ปีที่ผ่านมาสำรวจตัวเองว่า ชีวิตเราจะอยู่ต่อไปได้อีกกี่ปี หรืออยู่ได้อีกกี่ปี ทุกวันนี้ชีวิตเกิดมามีทุกอย่าง มีรายได้อย่างต่อเนื่อง ไม่เดือดร้อน หากต้องตายตอนนี้ลูกๆ ก็จะไม่เดือดร้อน เราตายไปก็เอาอะไรไปไม่ได้ เชื่อไหมว่าขนาดมีรถเปอร์เช่ที่รักทั้ง ๓ คันก็ขายไปหมด วันนี้พยายามมีชีวิตแบบพอเพียง เข้าหาธรรมชาติมากขึ้น 


เมื่อถามถึงความเปลี่ยนแปลงของชีวิต หลังจากได้รับประทานอาหารมังสวิรัติ แอ๊ด คาราวบาว บอกว่า การกินอาหารมังสวิรัติทำให้รู้สึกว่าร่างกายย่อยง่าย จิตใจนิ่งสงบดี จิตใจก็ยังมีเมตตามากขึ้นกว่าก่อนมาก จากนิสัยที่หงุดหงิดง่าย ก็เริ่มคลายลง พอสำรวจตัวเองแล้วว่ารับประทานมังสวิรัติรู้สึกว่าชีวิตร่างกายดีขึ้น ก็คิดว่าออกพรรษานี้จะกินอาหารมังสวิรัติต่อไป 
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าวงคาราบาวจะผ่านร้อน ผ่านหนาว ผ่านเรื่องราวการต่อสู้ ความวุ่นวายมากมาย มาจนถึงปัจจุบัน ก้าวล่วงเข้าสู่ปีที่ ๒๕ ด้วยผลงานเพลงมากกว่า ๙๐ อัลบั้ม จนหลายคนยกให้เป็น "อมตะแห่งเพลงเพื่อชีวิต" แต่สำหรับตัวเขาเองกลับมองและพูดไว้อย่างน่าคิดว่า 


"ในโลกนี้ไม่มีอะไรอมตะ สุดท้ายของชีวิตวันนี้ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว เพียงแค่ต้องการให้คนรุ่นหลังพูดถึงคาราบาวว่าสร้างบทเพลงเพื่อชีวิตขึ้นมา ที่มีความหมาย สอนใจสังคม สอนใจผู้คน จริงๆ พระพุทธเจ้าสอนเราไว้ดีมาก สอนให้หลุดพ้นในวังวน เพราะทุกสิ่งทุกอย่างไม่มีตัวตน เหมือนบทเพลงบัวลอย ที่ผมแต่ง ต้องการให้ข้อคิดถึงบัวสี่เหล่าที่พระพุทธเจ้าสอนเอาไว้"