ปลูกต้นงิ้วไว้หน้าบ้านเพื่อเตือนสติ ดร.ปราจิน เอี่ยมลำเนา เจ้าพ่อมอเตอร์โชว์

ปลูกต้นงิ้วไว้หน้าบ้านเพื่อเตือนสติ ดร.ปราจิน เอี่ยมลำเนา เจ้าพ่อมอเตอร์โชว์

 

 

 

 

 

เรื่อง  : สุทธิคุณ    กองทอง   ภาพ :  กนต์ธีร์ เหลืองอร่าม

 

ปลูกต้นงิ้วไว้หน้าบ้านเพื่อเตือนสติ ดร.ปราจิน เอี่ยมลำเนา เจ้าพ่อมอเตอร์โชว์

 

ดร.ปราจิน เอี่ยมลำเนา ถือเป็นเจ้าพ่อในแวดวง ยานยนต์มานาน ไล่มาตั้งแต่การจัดแข่งขันจักรยานยนต์ "มอเตอร์ครอส" รุ่นแรกๆ แถมยังจัดงาน คนรักโฟล์ค อันลือลั่นมาแล้ว ชีวิตของเขาก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเช่นเดียวกับ นักธุรกิจผู้มีฝีมือทั้งหลาย ไม่ได้คาบช้อนเงินช้อนทอง ไม่ได้มีมรดกตกพันล้านจากพ่อแต่อย่างใด

ด้วยความมุมานะอดทนเขาได้ไต่เต้ามาจนเป็นเจ้าของ นิตยสารรถยนต์ รถจักรยานยนต์ ฉบับแรกของเมืองไทย เป็นประธานบริหารบริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์ เนชั่นแนล จำกัด และอีกหลายบริษัท

 

เจ้าพ่อมอเตอร์โชว์ บอกว่า แม้ว่าก่อนหน้านี้จะมี พระเครื่องหลายชุด ที่มีทั้งสะสมหรือเช่ามากับมือ บางชุดใส่ไปงานต่างประเทศ บางชุดใส่ขับรถยนต์ แต่ไม่ได้แขวนพระเครื่องมาเป็นเวลากว่า ๕-๖ ปีแล้ว เนื่องจากเห็นว่าเวลาไปนอนค้างแรมที่ไหนทำให้เป็นห่วงพระเครื่องว่าจะหายหรือถูกโจรกรรมอะไรทำนองนั้น ประกอบกับมีอายุมากขึ้นก็คิดว่าเวลานี้จิตใจเป็นกุศลแล้ว จึงเอาพระเครื่องเข้ามาไว้ในจิตใจของตัวเอง ส่วนพระเครื่องดีๆ ราคาเป็นสิบล้านที่เคยแขวนติดตัว ก็ต้องเก็บรักษาไว้ที่บ้านเพราะถ้าหากขืนใส่ไปก็จะเป็นอันตรายต่อตัวเอง

 

เหตุผลที่ทำให้ ดร.ปราจิน ไม่แขวนพระ คือ ที่ผ่านมาเห็นคนมีชื่อเสียงมากมายที่ต้องสังเวยให้กับความตาย ก็ล้วนมีการแขวนพระเครื่อง ที่มีราคาเป็นล้านติดตัวก็ยังต้องตาย แสดงว่าการแขวนพระเครื่องของเขามีพระติดตัวแต่จิตใจไม่สะอาดพระท่านจึงไม่คุ้มครอง จากจุดนี้เองกลับมาคิดว่าพระเครื่องไม่ใช่แขวนเพื่อมาโอ้อวดบารมีกัน แต่เราไม่จำเป็นต้องแขวนพระเครื่องก็ได้ ถ้านำพระดังกล่าวผนวกกับการมีหลักธรรมะเก็บไว้ในใจ เช่นเดียวกับพระที่เราเกิดมาก็ไม่ควรลืมพระคุณจากพ่อและแม่ เมื่อท่านเลี้ยงดูเรามาจนเติบโตเราก็อย่าเห็นแก่ตัวที่จะละทิ้งไม่ดูแลท่าน ทุกวันนี้จึงพากเพียรอยู่อย่างหนึ่งคือ การเป็นผู้ให้เช่นเดียวกับแบบอย่างในเทศน์มหาชาติ เวสสันดรชาดก

 

ดร.ปราจิน ยกตัวอย่างตอนหนึ่งของเวสสันดรชาดกให้ฟังว่า เฒ่าชูชกเดินทางถึงอาศรมของพระเวสสันดร ชูชกจึงเข้าเฝ้าทูลขอพระชาลีและกัณหา พยายามอ้างถึงความลำบากยากเข็ญนานาประการ ในการเดินทางฝ่าอันตรายมาถึงป่านี้ ก็เพื่อขอปิยบุตรไปช่วยงานที่บ้าน เนื่องจากตนยากจนไม่มีเงินซื้อทาสได้ แล้วพระองค์ก็ประทานสองกุมารให้

 

เมื่อสองกุมารได้ยินจึงตกใจกลัว หนีไปซ่อนตัวอยู่ในสระ พระเวสสันดรได้ขอร้องให้ทั้งสองพระองค์ออกมา แล้วชูชกก็นำทั้งสองพระองค์ไป ด้วยอานิสงส์นี้ ทำให้พระองค์ได้พบศาสนาของพระองค์ที่ได้ถือปฏิสนธิในตระกูลกษัตริย์ ตลอดจนได้สดับฟังพระสัทธรรมเทศนาของพระองค์ แล้วบรรลุพระอรหันตผล พร้อมปฏิสัมภิทาทั้ง ๔

 

"ผมมาคิดว่าทำไมพระองค์ถึงให้ลูกให้เมียได้ และท่านก็บริจาคทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สินเงินทองที่มีอยู่ได้ จึงกลับมาคิดว่าทุกวันนี้ชีวิตเราก็มีพร้อมทุกอย่างแล้ว จากที่สมัยเป็นเด็ก ถึงวัยทำงานต้องทำงานเพื่อหาเลี้ยงครอบครัว แต่วันนี้เมื่อผมมีพร้อมทุกอย่าง ก็อยากนำเงินทองที่มีอยู่นำไปให้กับสังคมเพราะการรู้จักให้ รู้จักการไม่ยึดติดกับอำนาจเงินเหล่านี้มันก็ทำให้เรามีความสุขทางใจ ถือเป็นบุญที่เราทุกคนก็ควรสร้างกันเอาไว้ ผมก็จะตั้งเป็นมูลนิธิเพื่อช่วยเหลือกลุ่มคนที่ด้อยโอกาสทางสังคม" เขายึดหลักการให้จากพระเวสสันดร

 

เมื่อถามถึงความเชื่อเรื่องฮวงจุ้ย ดร.ปราจิน ตอบว่า มีความเชื่อเกี่ยวกับฮวงจุ้ยหรือการแก้เคล็ดให้เป็นสิริมงคลกับตัวเอง โดยตามหลักฮวงจุ้ยก็จะบอกว่า ต้นไม้ที่ปลูกในบ้านจะนำโชคลาภมาให้ หรือต้นไม้นั้นจะส่งเสริมให้เกิดโชคลาภได้อย่างไร โดยเฉพาะเรื่องชื่อของต้นไม้ เช่น ขนุน มะยม ล้วนแต่เป็นสิ่งที่สังคมทุกวันนี้ให้ความสำคัญกันมากขึ้น เช่น ปลูกต้นไม้บังประตูโชคลาภ ก็จะทำให้โชคลาภถูกอุดตัน โชคลาภไม่เข้า

ข้อควรระวังของการปลูกต้นไม้ก็คือ ถ้าเป็นไม้ใหญ่ควรปลูกให้ห่างจากตัวบ้านอย่างน้อย ๓ เมตร เพราะถ้าปลูกชิดบ้านมากจนเกินไป รากอาจจะชอนไชเข้าไปในตัวบ้าน บ้านก็จะแตกร้าว ถ้าหากกิ่งไม้พาดเกี่ยวชายคาบ้าน ก็จะทำให้บ้านนั้นขาดการไหลเวียน ของโชคลาภและ ยังจะนำพาให้คนในบ้านเจ็บป่วยไปด้วย

 

ในจำนวนต้นไม้ทั้งหมดที่ปลูกไว้เพื่อเสริมฮวงจุ้ยนั้น กลับมีต้นงิ้ว ซึ่งเป็นต้นไม้ที่ใครๆ ก็ไม่อยากเห็น รวมทั้งไม่อยากปลูกในบริเวณบ้าน แต่ ดร.ปราจิน ได้ให้เหตุผลไว้อย่างน่าฟังว่า

"เพื่อต้นงิ้วที่ปลูกได้ช่วยป้องกันอันตราย จากสิ่งที่ไม่ดี หรือเป็นการป้องกันสิ่งที่ไม่ดีให้ออกไปนอกบ้าน ซึ่งอย่างน้อยการปลูกต้นงิ้วไว้หน้าบ้านก็เป็นการเตือนสติให้เราได้กระทำความดี ละเว้นการกระทำที่ผิดศีลธรรมทั้งหมด และสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งเป็นการย้ำเตือนให้รู้ว่า ชีวิตคู่หากมีภรรยาน้อยเมื่อไรผลสุดท้ายก็จะต้องไปปีนต้นงิ้วแบบนี้อย่างแน่นอน"

 

สำหรับเหตุการณ์เฉียดตายจากอุบัติเหตุจากรถยนต์นั้น ดร.ปราจิน บอกว่า เคยเกิดขึ้นหลายครั้งเพราะเป็นคนชอบแข่งรถ รวมทั้งเป็นหัวเรือใหญ่ในการจัดแข่งรถ มีคนแข่งรถหลายคนที่ประสบอุบัติเหตุต่อหน้า บางรายก็ต้องเสียชีวิตอย่างน่าอนาถ เพื่อนๆ หลายสิบชีวิตที่ต้องมาตายต่อหน้า ส่วนตัวเองก็รอดตายมาได้ทุกครั้ง ซึ่งก็มาคิดถึงตัวเองว่าเป็นเวรกรรมของแต่ละคนที่มีการสร้างกันมาไม่เหมือนกัน เมื่อเกิดอุบัติเหตุหนักๆ แล้วไม่ตาย ก็คงยังไม่ถึงคราวตาย เพราะคนเราหนีความตายไปไม่พ้น

 

เจ้าพ่อมอเตอร์โชว์อธิบายความเชื่อเกี่ยวกับกฎแห่งกรรมทิ้งท้ายด้วยว่า "ทำดีไม่ได้ดี แต่ทำชั่วได้ดี นั่นก็เป็นเพราะกรรมเก่าเขาทำมาดี บางคนที่ทำดีทุกวัน แต่ทำไมถึงยังไม่ได้ดี เป็นเพราะกรรมเก่าเมื่อชาติที่แล้วยังชดใช้ไม่หมด ซึ่งกฎแห่งกรรมเหล่านี้อยู่ ขั้นแรกเมื่อจิตใจเราทำอะไรไว้ไม่ดี ก็จะเป็นสิ่งเกาะกุมจิตใจเรา แต่ถ้าเราทำความดี ทำจิตใจให้ดี จิตใจเราก็จะเป็นกุศล ทุกวันนี้จึงพบสัจธรรมชีวิตว่า มนุษย์เรามีแต่ความมักมากไม่รู้จักแบ่งปันก็ยากที่จะทำให้ความโลภหมดลง"