ร่วมทำบุญบริจาคทุนทรัพย์ซื้อหินคลุกถมทาง-สร้างบรรณศาลา สำนักสงฆ์ภูกลอย

ร่วมทำบุญบริจาคทุนทรัพย์ซื้อหินคลุกถมทาง-สร้างบรรณศาลา สำนักสงฆ์ภูกลอย

 

 

 

ร่วมทำบุญบริจาคทุนทรัพย์ซื้อหินคลุกถมทาง-สร้างบรรณศาลา สำนักสงฆ์ภูกลอย

 

 

ล่าสุด ความคืบหน้าในการสร้างบรรณศาลา  พระครูปลัดเมตตา สร้างไว้เป็นอนุสรณ์ รวมทั้งการจัดซื้อหินคลุกถมทาง  ณ บนยอดภูกลอย ต.ไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ  ปัจจุบันได้รับเงินบริจากญาติโยมเพื่อใช้เป็นงบประมาณในการก่อสร้างและถมทาง  รวมเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 22,380 บาท 14 กันยายน 2565 ยอดรับบริจาค = 22,511 บาท ค่าวัสดุอุปกรณ์ -12,380 บาท ค่าแรงช่าง -10,000 บาท ยอดคงเหลือ 131 บาท

 

ติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่ พระครูปลัดเมตตา

โทร.081-0099303 ร่วมบริจาคได้ที่ ธนาคารกรุงไทย เลขที่ 312-0-13906-8 บัญชี พระครูปลัดทยุตธร

 

 

ประวัติพระครูปลัดเมตตา

กว่าที่จะได้ประวัติท่านพ่อมาบันทึกและเรียบเรียงไม่ใช่เรื่องงาย ด้วยเพราะท่านพ่อไม่ค่อยเล่าเรื่องราวต่างๆให้ใครต่อใครฟังมากนัก ต้องอาศัยความพยายามในการจดบันทึก ในแต่ละตอนแล้วนำมาเรียบเรียงใหม่ หากเกิดความกังขาหรือสงสัยในตอนใดก็จะหาโอกาส ถามความชัดเจนจากท่านพ่อเอง ก่อนอื่นต้องขอบอกกับผู้อ่านทุกท่านว่าเป็นบทความที่ผู้เขียน บันทึกและเรียบเรียงขึ้นเอง ในบางตอนอาจไม่ชัดเจน ด้วยท่านพ่อได้บอกว่า บางอย่างพ่อไม่สามารถพูดอะไรได้มากนัก ด้วยเหตุผลต้นกรรม หรือวิบากกรรม กรรมลิขิตไว้ พ่อเป็นพระบ้านนอกไม่ได้เรียนหนังสือ ถ้าลูกๆได้รู้ ได้เห็นเหมือนที่พ่อได้รู้ ได้เห็น ก็จะเข้าใจพ่อมากขึ้น แต่ผู้เขียนพอที่จะจับต้นชนปลายในประวัติของท่านพ่อได้ดังนี้ ท่านพ่อเล่าว่า.


โยมมารดาเล่าให้ฟังว่า ก่อนที่จะตั้งครรภ์นั้นท่านได้ฝันว่า หลวงพ่อถวิน สุวรรณโชติ พระเกจิคณาจารย์สายกรรมฐานแห่งวัดศรีแก้วได้นำเอาแหวนมาให้แก่ท่าน ท่านจึงรับเอาด้วยความตื้นตันใจ พอตื่นขึ้นท่านได้นึกถึงนิมิตนี้ว่าเป็นสิ่งที่ดี แล้วมีความรู้สึกว่าตนเองได้ตั้งครรภ์ เป็นแน่แท้ หลังจากนั้นเป็นระยะเวลา ๑๐ เดือนเต็ม โยมมารดาก็ได้ให้กำเนินบุตรชาย และโยมมารดาได้ให้นามว่า ทยุตธร นามสกุล พะวงษ์ ได้ถือกำเนิดเมื่อ วันพฤหัสบดี ที่ ๑๗ เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๒๖ ตรงกับ ขึ้น ๖ ค่ำ เดือน ๔ ปี จอ บ้านเลขที่ ๐๑๔ หมู่ที่ ๑๒ ตำบลศรีแก้ว อำเภอศรีรัตนะ จังหวัดศรีสะเกษ นามบิดา นายถาวร พะวงษ์ นามมารดา นางสาริกา พะวงษ์

 

 

-ในสมัยครั้งเยาว์วัย รางกายของฉันไม่แข็งแรงเหมือนเด็กคนอื่นนัก ประกอบกับเป็นถิ่นธุระกันดารห่างจากความเจริญ ชาวบ้านยังนับถือ เทวดา ภูตผี ตามถิ่นฐานบ้านเขมร เมื่อเกิดการไม่สบายเจียนไม่รอดแล้ว จึงได้อาศรัยใบบุญ หลวงพ่อนวล กิตติญาโณ เจ้าอาวาสวัดเกียรติแก้วสามัคคี นำเอาฉันไปถวายเป็นลูกท่าน เพื่อให้ท่าน ทำพิธีปัดเป่า ภูตผีที่มารังควาน หลวงพ่อนวล ท่านจึง ทำพิธีปัดเป่าเสกน้ำมนต์ ผูกด้ายคาถา ให้ ฉันจึงมีชีวิต จนถึงปัจจุบัน ได้สืบถอด ตำรา มหาเพชรกลับหนังเหนียว จากปู่ของตน คือนายบุญเทียน พะวงษ์


เมื่ออายุครบเรียนประถมทางบ้านจึงให้ไปเรียนที่โรงเรียนบ้านศรีแก้ว จนถึงชั้น ป. ๖ แต่ตอนที่เรียนอยู่ ป.๕ ได้หนีออกจากบ้านมาเป็นลูกศิษย์วัดที่ วัดเกียรติแก้วสามัคคี จนเรียนจบชั้นปีที่ ๖ และในตอนที่เป็นลูกศิษย์วัดนั้นเอง ได้ขอครูบาอาจารย์ เรียนตำราโหราศาสตร์ จาก เจ้าอาวาส(ปัจจุบัน พระครูศรีรัตนาภิรักษ์ จอ.ศรีรัตนะ) และพ่อจารย์ วิเชียร กมล (น้องชายของหลวงพ่อนวล กิตติญาโณ) ได้มนต์คาถาวิชาต่างๆ บางส่วน จนชำนาญ สามารถดูดวงให้ผู้อื่นได้ ตอนอายุ ๑๓ ปี

 

-บรรพชา เมื่อเรียนจบชั้น ป. ๖ แล้ว ทางบ้านมีฐานะยากจน ในสมัยนั้น ไม่มีเงินที่จะส่งลูกเรียนได้ ท่านพ่อเป็นลูกคนโต จึงคิดที่จะออกบวชเป็นสามเณร ให้น้องชายไปเรียนที่โรงเรียนมัธยมแทน จึงไปคุยกับทางมารดา มารดาจึงอนุญาตให้ออกบวช เมื่อวันพฤหัสบดี ที่ ๔ เดือนมีนาคม พ.ศ.๒๕๔๒ ตรงกับ แรม ๑ ค่ำ เดือน ๔ ปี ขาล ณ วัดจันทาราม ตำบลพิงพวย อำเภอศรีรัตนะ จังหวัดศรีสะเกษ นามพระอุปัชฌาย์ พระครูอรรถกิจสุนทร (เสียง ธมฺมทินฺโน) เจ้าคณะอำเภอศรีรัตนะ  สมัยนั้น หลวงพ่อพระครูรัตนภูมิพิจารณ์ พระมหาเถระแห่งอำเภอศรีรัตนะ ได้ย้ายวัดกลับจากวัด

สำโรงระวี มาอยู่ที่บ้านเกิด คือวัดเกียรติแก้วสามัคคี ด้วย อายุ ๘๐ พรรษา ๖๐ ท่านชรามากแล้ว ท่านบอกว่าจะกลับมาตายที่บ้านเกิดของตน ดังนั้น ทางเจ้าอาวาส(ปัจจุบัน พระครูศรีรัตนาภิรักษ์ จอ.ศรีรัตนะ) จึงได้ส่งให้ท่านพ่อไปดูแลหลวงพ่อ พระครูรัตนภูมิพิจารณ์ อยู่กับหลวงพ่อ เพราะด้วยท่านพ่อก็มีฐานะเป็นหลานชายหลวงพ่ออยู่แล้ว จึงได้ไปอุปถากรับใช้ ท่าน และได้ศึกษา ตัวขอมเขมร จนได้สืบทอด วิชาคาถาอาคมต่างๆ พร้อมตำรา ต่างๆ จากหลวงพ่อพระครูรัตนภูมิจารณ์ อยู่กับหลวงพ่อได้ ๒ ปี หลวงพ่อก็มรณภาพ ท่านพ่อเป็นคนที่อยู่ดูแลหลวงพ่อที่โรงพยาบาลสรรพสิทธิ์ประสงค์ จ. อุบลราชธานี ๒-๓ สัปดาห์ ฉันอยู่กับหลวงพ่อจนลมหายใจสุดท้ายของหลวงพ่อ สิริอายุหลวงพ่อพระครูรัตนภูมิพิจารณ์ ๘๒ ปี พรรษา ๖๒ (ระยะ ๒ ปี ที่ได้อุปฐากและเรียนวิชาคาถาอาคม)

 

 

ในช่วงนั้น มีพระมหาเถระอีกรูป รองจาก หลวงพ่อพระครูรัตนภูมิพิจารณ์ คือ พลวงพ่อพระครูสิริธรรมมงคล ทางเจ้าอาวาส(ปัจจุบัน พระครูศรีรัตนาภิรักษ์ จอ.ศรีรัตนะ) จึงได้ส่งให้ฉันไปดูแลหลวงพ่อ พระครูสิริธรรมมงคล อยู่กับหลวงพ่อ ได้ไปอุปถากรับใช้ ท่าน และได้ศึกษา ตัวขอมเขมรอยู่กับหลวงพ่อได้ ๑ ปี หลวงพ่อก็มรณภาพ ท่านพ่อเป็นคนที่อยู่ดูแลหลวงพ่อที่โรงพยาบาลศรีรัตนะ ๒ เดือน ท่านพ่ออยู่กับหลวงพ่อจนลมหายใจสุดท้ายของหลวงพ่อ สิริอายุหลวงพ่อพระครูสิริธรรมมงคล ๘๒ ปี พรรษา ๖๒ (ระยะ ๒ ปี ที่ได้อุปฐากและเรียนวิชาอักขระตัวขอม)


-จากนั้นเมื่ออายุ ๑๗ ปี หนีไปอยู่ที่วัดกะเบาเดื่อ ไปอยู่รับใช้หลวงพ่อพระครูวัดกระเบาเดื่อได้เรียนอักขระขอมและมนต่างๆจากหลวงพ่อพระครูวัดกระเบาเดื่อ และไปเรียนแคล้วคลาด และลงน้ำมันอักขระ มนต์คาถา (คุณไสย์ มนต์ดำและอวิชชาต่าง) จากพ่อจารย์ คุณพระ บ้านกะเบาเดื่อ ตำบลกะเบาเดื่อ อ.ขุนหาร (ท่านเคยเป็นขุนโจร)จนหมดตำราวิชาที่จะสอน (ปัจจุบันท่านเสียชีวิตแล้ว สิริอายุ ๗๐ กว่าปี)


-ในตอนนั้นออกจากวัดกะเบาเดื่อไปแสวงหาโชคลาภ ออกหาหวย-ของขลังต่างๆ-ของเก่าต่างๆ-ว่านต่างๆ-และเหล็กไหลตามสถานที่ต่าง และตนเองก็ไม่ใส่ร้องเท้าด้วย ตามเขตชายแดนลาว จังหวัดอุบลราชธานี,จังหวัดอำนาจเจริญ,จังหวัดมุกดาหาร เขตชายเดนเขมร จังหวัดศรีสะเกษ,จังหวัดศรีสุรินทร์,จังหวัดบุรีรัมย์

 


-ไปเรียนวิชาเป่าสีผึ้งให้เต็มตลับ โยมยายเขมร ที่ บ้านนาตำบล แถวเขตชายแดนเขมร ใกล้บ้านแซรไปร์(เป็นคนเดียวที่ท่านบอกมนต์ และเรียนปากตอปาก) (ปัจจุบัน ท่านเสียชีวิตแล้ว สิริอายุ ร้อยกว่า ปี)

-ไปเรียนวิชาสาลิกา และลงอักขระ มนต์คาถาวิชามหาเมตตาต่างๆ จากพ่อจารย์ เปรม บ้านละลม ตำบลละลม อ.ภูสิงห์ จนจบ ๓ คาบ จนหมดตำราวิชาที่จะสอน (ปัจจุบันท่านเสียชีวิตแล้ว สิริอายุ ๘๐ กว่าปี)


-อุปสมบท อายุครบ ๒๐ ปี ทางเจ้าอาวาส(ปัจจุบัน พระครูศรีรัตนาภิรักษ์ จอ.ศรีรัตนะ) จึงจัดให้มีงานบวชและขอให้เลิก ใช้วิชา หาหวย,ของขลังต่างๆ จึงจะบวชพระให้ วันเสาร์ ที่ ๕ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๔๖ ตรงกับ

 

 

 

 

 

ขึ้น ๕ ค่ำ เดือน ๘ ปีมะแม นามพระอุปัชฌาย์ พระเทพวรมุนี(วิบูลย์ กลฺยาโณ) เจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ (ปัจจุบันมรณะภาพแล้ว) นามพระกรรมวาจาจารย์(พระมหาพนาวัลย์ จกกธมโม ปธ.๗)พระครูศรีรัตนาภิรักษ์ เจ้าคณะอำเภอศรีรัตนะ นามพระอนุสาวนาจาจารย์(พระมหาพิเชษฐ์ ถาวรธมโม ปธ.๖) พระครูเมธีกิตติสาร เจ้าคณะตำบลศรีแก้ว ณ พัทธสีมาวัดเกียรติแก้วสามัคคี ตำบลศรีแก้ว อำเภอศรีรัตนะ จังหวัดศรีสะเกษ

ได้นามฉายาว่า ปริญฺญาโณ บวชพระ ได้ ๗ วัน เป็นเลขาเจ้าคณะอำเภอศรีรัตนะ(พ.ศ.๒๕๔๖-๒๕๔๗ แล้วลาออก)

-ไปเรียนวิชาสาลิกา และมนต์คาถาวิชามหาเมตตาต่างๆ จากพ่อจารย์ ลี ดอนชัย บ้านโคกใหญ่ อ.ภูสิงห์ ก่อนท่านเสียชีวิต ๗ วัน ท่านมาหาที่วัด ขณะที่บวชพระ ได้ ๗ วัน ท่านลงวิชามหาเมตตา ๑ วัน ๑ คืน และเรียนปากต่อปาก จากนั้น ๗ วันท่านกลับไปเสียชีวิต ที่บ้านโคกใหญ่ (ปัจจุบันท่านเสียชีวิตแล้ว สิริอายุ ๙๐ กว่าปี)

 

-ในตอนนั้นออกแสวงหาวิชาต่างๆ แต่เน้นกับ ครูบาอาจารย์ที่เป็นพระเถระเท่านั้น เช่น หลวงพ่อสายวัดตะเคียนราม,หลวงพ่อศิลา วัดโพนปลัด,หลวงพ่อเกลี้ยง วัดโนนเกด, และไปกราบครูบาอาจารย์ที่นับถือ เช่น หลวงปู่หงษ์ สุสานทุ่งมน,หลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร้,หลวงปู่เหรียญ วัดอรัญญบรรพต แล้วกลับมาจำพรรษาที่บ้านเกิด

-๒๕๔๗-มีญาติโยมมานิมนต์ไปจำพรรษาที่พักสงฆ์บ้านโคน เป็นที่พึ่งทางใจช่วยรดน้ำมนต์ เสกคาถาด้ายมงคล ช่วยเหลือทุกคนที่มาอาศัย นำชาวบ้านสร้างศาลาการเปรียญ สิ้นเงิน ๒ แสนกว่าบาท และกุฏิสงฆ์อีกหนึ่งหลัง ประมาณ ๕ หมื่นกว่าบาท ทั้งนี้มีคนบางกลุ่มไม่พอใจ จึงพากันโจมตีหลวงพ่อเมตตา และบังคับให้หลวงพ่อเมตตา ออกจากที่พักสงฆ์ จำต้องออกไปอาศัยอยู่กับ สานุศิษย์ ที่สวนมะขาม อ.หมวกเล็ก จ.สระบุรี ๑ เดือนเศษ แล้วรับนิมนต์ไปอยู่ที่ วัดคำใหญ่ อ.แก่งคอย จ. สระบุรี พาญาติโยม พัฒนาวัด บูรณะศาลาการเปรียญ และได้สร้างกุฏิ ๑ หลัง ประมาณ ๒ แสนบาท

-๒๕๔๙ไปจำพรรษาที่วัดป้อมวิเชียรโชติการาม จ.สมุทรสาคร ตามคำชวนของพระภิกษุที่เจอกันบนรถไฟ

ได้เรียนบาลีที่วัดป้อมวิเชียรโชติการาม เป็นนักเทศ นักบรรยาย ประจำวัด แต่สุดท้ายเมื่อถึงเวลาสอบบาลี ก็ไม่เข้าสอบ จึงขอย้ายกลับบ้านเกิดตามคำนิมนต์ของชาวบ้านวัดเกียรติแก้วสามัคคี

พ.ศ.๒๕๕๒-ปัจจุบัน เป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดเกียรติแก้วสามัคคี