วันนี้ (22 ธค.2564)เป็นวันปฐมฤกษ์เปิดงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติ ที่สยามพารากอน ซึ่งเปิดให้เข้าชมตั้งแต่วันที่ 22-26 ธค.ปีนี้งานมหกรรมสมุนไพรได้นำต้นกัญชาเป็นๆมาแสดงให้ประชาชนได้เห็น ได้สัมผัส ถึงขนาดได้ลิ้มรสกันเลยเป็นครั้งแรก และยังมีเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของกัญชาอีกหลากหลาย ต่างจากปีที่แล้ว ที่แม้กฎหมายจะคลายล็อคกัญชา ให้สามารถใช้ในทางการแพทย์ แต่ก็ยัง กล้าๆ กลัวๆ เลยเอาแต่ต้นกัญชาพลาสติก และต้นกัญชงมาโชว์เท่านั้น แต่ปีนี้เรียกว่าเริ่มมีความกล้าขึ้น เลยจัดเต็ม ประชาชนได้เห็นต้นกัญชาไม่ใช่แต่ต้นเดียว แต่เห็นเป็นสวนกัญชาที่มีช่อดอกตระการตา หอมมารีฮวนน่าอบอวล

 

บูธแรกที่พบคือบู๊ทของคุณประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ ฉายาไอ้ก้านยาว วีรชน14 ตุลาที่ยังมีชีวิตอยู่ ปัจจุบันท่านเป็นประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติ และประธานวิสาหกิจชุมชนกลุ่มเกษตรอินทรีย์เพชรล้านนา จังหวัดลำปาง ที่ปลูกกัญชาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ ได้นำเศษเหลือกัญชาทางการแพทย์เป็นสารทดแทนยาปฏิชีวนะในการเลี้ยงไก่ พบว่าคุณภาพของเนื้อไก่ดีมาก และยังให้ไข่ไก่คุณภาพดี นอกจากนั้นยังมีข้อมูลการดูแลต้นกัญชาอย่างละเอียด

 

 

 

ข่าวเรื่องการปลดล็อคกัญชาจากสารเสพติดประเภท5 และจะเปิดให้คนปลูกเพื่อขายสามารถมาจดแจ้ง และยินยอมให้ผู้ปลูกสามารถขายช่อดอกกัญชากับผู้ที่นำไปใช้รักษาผู้ป่วย และอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์สุขภาพอีกหลายด้าน ที่จะนำกัญชาไปทำสารสกัด CBD โดยมีสารTHC ที่เป็นสารมีผลต่อจิตประสาทเจือปนไม่เกิน 0.2 % ซึ่งไม่ถือเป็นยาเสพติดให้โทษ

 

 

 

 

การปลดล็อคกัญชาโดยไม่กล้าๆกลัวๆ จะเป็นโอกาสในการพัฒนาองค์ความรู้ ทั้งการเพาะพันธุ์ คัดเลือกพันธุ์ บำรุงสายพันธุ์ดีๆที่เกษตรกรไทยมีความเชี่ยวชาญสุดยอดอยู่แล้ว กัญชาทางการแพทย์ต้องไม่จำกัดแค่การแพทย์แผนปัจจุบันเท่านั้น แต่ต้องรวมถึงการแพทย์แผนไทย และการแพทย์พื้นบ้านที่มีองค์ความรู้ ภูมิปัญญาในการใช้กัญชามาอย่างยาวนานกว่า 300ปี ที่ควรมีการต่อยอดพัฒนาต่อไป

 

กัญชาคุณภาพดีจะเป็นหนึ่งในพืชเศรษฐกิจสำคัญที่สามารถทำรายได้ให้กลุ่มธุรกิจSMEและนำรายได้เข้าประเทศในยามวิกฤตโควิดที่รัฐบาลควรสนับสนุนอย่างเต็มที่ แอบเห็นท่านรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข เดินเยี่ยมบูธกัญชาต่างๆ ก็หวังว่ามหกรรมสมุนไพรแห่งชาติ ครั้งที่ 18 ภายใต้สโลแกนว่า ”กัญชานำไทย สมุนไพรสร้างชาติ” จะเป็นการส่งสัญญาณบวกให้กัญชาไทยก้าวไกลมากกว่าที่เป็นอยู่ ซึ่งยังซอยเท้าย่ำอยู่กับที่ และสร้างความหวังให้กับผู้ป่วยโรคร้ายนับล้านที่ต้องการเข้าถึงกัญชาเพื่อการรักษาได้สะดวกมากขึ้น รวมทั้งเป็น

 

”กัญชาเพื่อมหาชน”นำไปใช้แปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์สุขภาพหลากหลาย ที่สร้างรายได้ใน”ตลาดบนดิน”ให้คนไทยดีกว่าปล่อยขุมทรัพย์มหาศาลอยู่ใน”ตลาดใต้ดิน” ให้คนไทยคนเล็กคนน้อยก็จะได้รับโอกาสทั้งรายได้และสุขภาพ ซึ่งน่าจะดีกว่าเปิดบ่อนบนดินเป็นไหนๆ ที่เงินไหลไปอยู่ในกระเป๋าผู้ทรงอิทธิพลไม่กี่คน แต่ทำให้คนไทยจำนวนมากตกจมอยู่ในอบายมุข ไม่มีผลิตผลทางเศรษฐกิจที่แท้จริง ส่งผลให้ครอบครัวล้มละลาย ซ้ำเติมสังคมไทยให้อ่อนแอหนักยิ่งขึ้น จนกลายเป็นสังคมล้มเหลวในที่สุด

 

วันนี้“กัญชาเพื่อมหาชน”ต้องเป็นนโยบายที่ควบคู่ไปกับ”กัญชาทางการแพทย์”

เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย”กัญชาไทยสร้างชาติ”อย่างแท้จริง

รสนา โตสิตระกูล

22 ธันวาคม 2564