“กระทรวงการคลัง ในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาต้องลงโทษข้าราชการที่เอื้อประโยชน์เอกชน โดยไม่เลือกปฏิบัติ”

“กระทรวงการคลัง ในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาต้องลงโทษข้าราชการที่เอื้อประโยชน์เอกชน โดยไม่เลือกปฏิบัติ”

 

 

 

 

 

 

  

 

 

 

CHANGE The World รสนา โตสิตระกูล

 

“กระทรวงการคลัง ในรัฐบาล
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาต้องลงโทษข้าราชการที่เอื้อประโยชน์เอกชน โดยไม่เลือกปฏิบัติ”

 

มีข่าวในสื่อมวลชนเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2563 ว่ามีรายงานข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ได้มีการออกคำสั่งกระทรวงการคลัง ที่ 2311/2563 เรื่องลงโทษไล่ข้าราชการกรมสรรพากรออกจากราชการว่าได้กระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนิติกร 8ว หัวหน้ากลุ่มงานกฎหมาย 7 สำนักกฎหมาย กรมสรรพากร ในกรณีตอบข้อหารือด้านภาษี กรณี บริษัทแอมเพิลริช ซึ่งเป็นบริษัทที่จดทะเบียนนิติบุคคลที่เกาะบริติช เวอร์จินส์ ที่ได้ซื้อหุ้น บริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ซึ่งต่อมาศาลได้ตัดสินว่า การตอบข้อหารือดังกล่าว เป็นการช่วยให้นายพานทองแท้ (โอ๊ค) และ น.ส.พินทองทา (เอม) ชินวัตร บุตรชายและบุตรสาวของนายทักษิณ อดีตนายกรัฐมนตรี เสียภาษีน้อยกว่าที่จะต้องเสียภาษีของส่วนต่างราคาหุ้น รายละ 7,941,950,000 บาท ในการซื้อหุ้น บมจ. ชินคอร์ปอเรชั่น เมื่อปี 2549 รายละ 164,600,000 หุ้น ราคาพาร์หุ้นละ 1 บาท ขณะที่ราคาตลาดอยู่ที่ หุ้นละ 49.25 บาท

 

ทั้งนี้ ประกาศดังกล่าว ลงนามโดยนางปานทิพย์ ศรีพิมล รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายได้ ปฏิบัติราชการแทนปลัดกระทรวงการคลัง เมื่อวันที่ 16 ต.ค.2563 โดยกำหนดให้ลงโทษย้อนหลังไปถึงวันที่ 30 ก.ย. 2561 ซึ่งเป็นวันสิ้นปีงบประมาณที่ผู้ถูกลงโทษมีอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์
ดิฉันขอให้กระทรวงการคลังช่วยพิจารณากรณีข้าราชการฝ่ายกฎหมายในกรมศุลกากร ที่ให้คำแนะนำบริษัทขุดเจาะน้ำมันในประเทศไทยในการหลีกเลี่ยงภาษีสรรพสามิตน้ำมันที่นำไปใช้ยังแท่นขุดเจาะน้ำมันในไหล่ทวีป โดยให้คำแนะนำว่าเป็นการส่งออก ทำให้บริษัทเอกชนดังกล่าวใช้เอกสารตอบข้อหารือของฝ่ายกฎหมายไปใช้ในการหลีกเลี่ยงไม่เสียภาษีสรรพสามิตน้ำมันทั้งที่ในอดีตตั้งแต่มีการขุดเจาะน้ำมันในประเทศไทย บริษัทขุดเจาะน้ำมันทุกบริษัทก็เสียภาษีสรรพสามมิตน้ำมันที่นำไปใช้ยังแท่นขุดเจาะตลอดมาตั้งแต่ปี2514 ยิ่งกว่านั้นพรบ.ปิโตรเลียมพ.ศ 2514 ก็ระบุชัดเจนว่าการส่งน้ำมันไปใช้ยังแท่นขุดเจาะในไหล่ทวีปซึ่งอยู่ในอธิปไตยของไทย ไม่ได้รับการยกเว้นภาษีสรรพสามิต และมีคดีต่อเนื่องที่บริษัทเอกชนดังกล่าวใช้การสำแดงใบส่งออกเป็นเท็จเพื่อหลีกเลี่ยงการเสียภาษีสรรพสามิตน้ำมัน และมีการนำน้ำมันที่ไม่เสียภาษีมาขายเป็นน้ำมันเถื่อน และเคยถูกจับได้ณ.ด่านศุลกากรที่สงขลา 

 

 

ข้าราชการในกรมศุลกากร นอกจากไม่ลงโทษการสำแดงเอกสารส่งออกเป็นเท็จ จำนวนหลายร้อยใบขน ซึ่งหากมีการปรับตามกฎหมายศุลกากรอย่างเคร่งครัด น่าจะเป็นเงินหลายหมื่นล้านบาท แต่กลับมีการยกเลิกใบขนที่เป็นการสำแดงการส่งออกเป็นเท็จ เป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทเอกชนรายนั้นจึงขอให้รัฐมนตรีกระทรวงการคลังคนใหม่ในรัฐบาลพล.อ ประยุทธ์ จันทร์โอชาได้แสดงเจตจำนงให้มีการพิจารณาคดีนี้ด้วยมาตรฐานเดียวกับที่ใช้กับคดีข้าราชการในกรมสรรพากรที่ให้คำปรึกษาเอื้อประโยชน์เอกชนอย่างเสมอหน้ากัน

 

การลงโทษข้าราชการในกรมที่ดูแลเกี่ยวกับภาษีของประเทศที่เอื้อประโยชน์เอกชนให้หลีกเลี่ยงการเสียภาษีให้รัฐอย่างจริงจัง และอย่างเสมอหน้า อย่าเลือกปฏิบัติ จะเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดการรั่วไหล และเป็นการป้องปรามข้าราชการในกรมที่เกี่ยวกับภาษีไม่ให้กระทำผิดได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นธรรมเพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศชาติและประชาชนในอนาคต
รสนา โตสิตระกูล
20 ตุลาคม 2563