“จากใจ จากเรือนจำ”

“จากใจ จากเรือนจำ”

 

 

 

 

CHANGE The World รสนา โตสิตระกูล

 

“จากใจ จากเรือนจำ”

 


เช้าวันนี้ (15 ก.พ 2562) ได้นัดหมายเพื่อนหลายคนไปเยี่ยม แกนนำพันธมิตรในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ผู้คนมากันมากหน้าหลายตา เช่น พี่ปรีดา เตียสุวรรณ อาจารย์เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง น.พ วิชัย โชควิวัฒน ดร อัญชลี สงวนพงษ์ คุณสุภิญญา กลางณรงค์ เป็นต้น และยังมีญาติๆ ทนายมิ้นท์ และแฟนคลับคนอื่นๆอีกหลายท่าน


การเข้าเยี่ยมต้องอาศัยพ่วงเยี่ยมไปกับญาติของผู้ต้องขัง ปรากฎว่าในบรรดาแกนนำพันธมิตร ได้ระบุรายชื่อทั้งญาติ และคนนอกที่จะสามารถเข้าเยี่ยมได้ไว้หลายคน ยกเว้นอาจารย์สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ที่กำหนดให้ภรรยาเป็นญาติเพียงคนเดียว ทำให้แฟนคลับไม่สามารถเยี่ยมอาจารย์สมเกียรติในวันนี้ เพราะภรรยาอาจารย์อยู่โคราชและมาเยี่ยมไปแล้วเมื่อวานนี้


วันนี้พวกเราจึงได้เยี่ยมแกนนำเพียง4คน คือ อ.สุริยใส ลุงจำลอง พี่พิภพ และพี่สมศักดิ์ ทุกคนมีหน้าตาแจ่มใส ตัดผมสั้นเกรียน ดูแปลกตา ยกเว้นลุงจำลองซึ่งผมสั้นจนคุ้นตาอยู่แล้ว


ข้อมูลที่ทุกคนพูดเหมือนกันคือสภาพของสถานที่สะอาด อยู่ได้สบาย ผู้คุมดี นักโทษในแดนนี้ก็เป็นนักโทษที่เรียบร้อยดี


ห้องเยี่ยมเป็นห้องที่มีกระจกกั้นกลาง และให้ใช้วิธีพูดคุยผ่านโทรศัพท์ ในการเยี่ยมครั้งหนึ่งๆ กำหนดให้เวลาประมาณ 20นาที


อ.สุริยใสเป็นคนที่ออกมาเป็นคนแรก ดีใจที่เห็นยะใสหน้าตาแจ่มใส จากที่ได้โทรคุยกับเขาเป็นคนแรก เขาเล่าว่าได้รับมอบหมายให้คอยดูแลลุงจำลอง เพราะหนุ่มที่สุดในทีม ยะใสบอกว่าเป็นห่วงสุขภาพลุงจำลองที่อาจจะนอนไม่ค่อยหลับ เพราะสถานที่แห่งนี้เปิดไฟสว่างทั้งกลางวันกลางคืน และมีเสียงตลอดเวลา คนที่เคยนอนหลับในที่เงียบสงบ ไม่มีแสงไฟก็ต้องปรับตัวอย่างมาก


ยะใสบอกว่าเขาอยู่ได้ ทำใจได้แล้ว ทุกคนไม่ต้องเป็นห่วง ได้ขอให้เขาบันทึกความคิดความอ่านในช่วงเวลาที่อยู่ในนี้ เชื่อว่าจะเป็นเรื่องราวที่ทุกคนอยากฟัง


พวกเราได้พบลุงจำลองเป็นคนที่2 เมื่อลุงเห็นคนมาเยี่ยมจำนวนมากในห้อง ลุงจำลองบอกดิฉันว่า เนื่องจากเวลาน้อย ขอให้พูดตามที่ลุงพูดให้ทุกคนได้รับฟังด้วย ดังนี้


“ขอขอบคุณพวกเราทุกคนที่มาเยี่ยมในวันนี้ วันที่ลุงเข้ามาที่นี่วันแรก ลุงบอกผู้คุมที่นี่ว่า กว่าผมจะได้มาถูกคุมขังในคดีนี้ ผมต้องลำบากมากเลย ต้องไปกินนอนบนถนนเหมือนหมาจรจัดถึง 393วัน 393 คืน (เป็นจำนวนวันที่ลุงจำลองได้รวมเวลาการต่อสู้ของลุงเอง ที่เข้าร่วมกับพันธมิตร และร่วมกับกองทัพธรรมในหลากหลายประเด็นและเหตุการณ์ เข้าด้วยกัน) และต้องเสี่ยงต่อกระสุนปืน และระเบิดแก๊สน้ำตาตลอดเวลา ลุงดีใจที่ศาลตัดสินว่า คณะเราทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวมของบ้านเมือง ไม่ได้ทำเพื่อประโยชน์ส่วนตัวแม้แต่นิดเดียว”


ลุงตบท้ายว่า พวกเราอยู่ในนี้สบายดี ไม่ต้องเป็นห่วง ถ้าไม่ว่างก็ไม่ต้องมาเยี่ยมบ่อยก็ได้


พี่เปี๊ยก พิภพ ธงไชยออกมาเป็นคนที่3 หน้าตาแจ่มใส บอกว่า”ในนี้เป็นคลังความรู้มหาศาล และเป็นสถานที่สะท้อนภาพสังคมภายนอกทั้งหมด”


คุณพิภพ ธงไชยจะแสดงปาฐกถาในงานประจำปีของมูลนิธิโกมลคีมทอง ในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2562 ณ .ห้องประชุมประกอบ หุตะสิงห์ อาคารเอนกประสงค์ ชั้น3 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ เวลา 12.00 -17.00 น


หัวข้อปาฐกถาที่พี่พิภพได้เตรียมไว้คือ “คำให้การชาวกรุงสยามใหม่” ซึ่งเป็นหัวข้อปาฐกถาที่ตั้งขึ้น โดยพี่พิภพเคยกล่าวไว้ ตอนเผื่อใจว่าจะถูกตัดสินจำคุกว่าเป็นคำให้การของเชลยคนหนึ่ง


ในอดีตเคยมีบันทึกคำให้การของเชลยไทยชื่อ“คำให้การของชาวกรุงเก่า” เป็นเรื่องราวก่อนที่อยุธยาจะเสียกรุงครั้งที่2เพราะความเหลวแหลกภายในจากการทุจริตฉ้อราษฎร์บังหลวงของเสนาอำมาตย์ในสมัยโน้น แต่สำหรับ “คำให้การชาวกรุงสยามใหม่” พี่พิภพกล่าวว่า ”ผมก็เหมือนเป็นเชลยคนหนึ่งในยุคปัจจุบัน “


เนื่องจากปาฐกถาจะมีการแสดงหลังจากที่พี่พิภพถูกจำขัง จึงมอบหมายให้ภรรยาคือพี่รัชนี ธงไชย(หรือแม่แอ๊วของเด็กๆ)เป็นผู้อ่านแทนนั้น น่าจะเป็นปาฐกถาชิ้นประวัติศาสตร์ที่ทุกคนไม่ควรพลาดเลยทีเดียว


เราได้พบพี่สมศักดิ์เป็นคนสุดท้าย พี่สมศักดิ์หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส กล่าวขอบคุณทุกคน บอกไม่ต้องเป็นห่วง การต่อสู้ย่อมเกิดบาดแผลบ้างเป็นธรรมดา


บาดแผลจากการต่อสู้อาจเป็นธรรมดา แต่ที่ไม่ธรรมดาก็คือบาดแผลนั้น เมื่อวันเวลาผ่านไปจะกลายเป็นดั่งอิสริยาภรณ์ของสามัญชนผู้ผ่านศึกเหล่านี้

รสนา โตสิตระกูล
15 ก.พ 2562