จากหนุ่ม “พินิจ งามพริ้ง” สู่สาวสวยที่ชื่อ “พอลลีน”

จากหนุ่ม “พินิจ งามพริ้ง” สู่สาวสวยที่ชื่อ “พอลลีน”

 

 

 

 

จากหนุ่ม “พินิจ งามพริ้ง” สู่สาวสวยที่ชื่อ “พอลลีน”
“เตรียมปั้นทีมฟุตบอลเพศที่สามประเทศแรกของโลก”

 

 


ฮอตฉ่า ทะลุปรอท วันนี้! หนีไม่พ้น ข่าวอดีตคนดังแห่งวงการลูกหนังไทย พินิจ งามพริ้ง ที่ชีวิตพลิกเปลี่ยนไปเดินเส้นทาง LGBT หรือเรียกรวมๆ ว่ากลุ่มบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ

โดยอดีตแกนนำกลุ่มเชียร์ไทยพาวเวอร์ คนนี้ได้ค้นพบตัวเอง และเปลี่ยนจาก “เขา” มาเป็น “เธอ” ชื่อ พอลลีน ใครอยากเห็นตัวจริง ไปดูใน เฟซบุ๊ก Pauline Ngarmpring ก็จะพบความเคลื่อนไหวได้ แต่อีกด้านหนึ่ง หลายคนก็อยากทำความรู้จักชีวิตจริงก่อนหน้านี้ของเธอดูเหมือนกัน

พินิจ งามพริ้ง เกิดวันที่ 13 กันยายน 2510 เป็นคนกรุงเทพฯ บิดามารดาคือ ร.ต.ต.ธนู และกรองกาญจน์ งามพริ้ง โดยบุตรชายของพวกเขาคนนี้ ได้ชื่อว่ามีระดับการศึกษาและเส้นทางการทำงานที่มีคุณภาพอยู่ในองค์กรชั้นนำของประเทศมากมาย

เพราะหลังจบมัธยมจากโรงเรียนหอวัง ต่อมาปี 2533 ก็ไปจบปริญญาตรี นิเทศศาสตรบัณฑิต (เอกวารสารศาสตร์ โทโฆษณา) มหาวิทยาลัยกรุงเทพ เริ่มทำงานครั้งแรกกับหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ เมื่อปี 2532 ในฐานะผู้สื่อข่าวด้านเศรษฐกิจ หลังจากนั้นช่วงปี 2540 ย้ายมาเป็นผู้จัดการฝ่ายการตลาด ที่บริษัท สหวิริยา ซิตี้ จำกัด

ทำอยู่ 2 ปีก็ย้ายมาที่ ธนาคารกรุงเทพ, บริษัท โอกิลวี พับลิกรีเลชั่นส์ เวิรล์ดวายด์ จำกัด ในตำแหน่งผู้จัดการสื่อสารการตลาด ทำอยู่ 5 ปี ย้ายมา บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) เป็นผู้จัดการกิจการองค์กร มีผลงานมากมาย เช่น การสร้างแบรนด์ Zoom-Zoom ให้เป็นที่รู้จักในตลาดเมืองไทย ฯลฯ

ต่อมาย้ายมาทำที่บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด โดยที่นี่เขาขึ้นเป็นถึง ผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์ จากนั้นมาทำที่ บริษัท ดีซี คอนซัลแทนซ์ แอนด์ มาร์เก็ตติ้ง คอมมูนิเคชั่นส์ จำกัด ในตำแหน่ง ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกลยุทธ์

ระหว่างนั้น เขายังสนใจที่จะศึกษาหาความรู้ในหลักสูตรสำคัญๆ อีกมากมายเช่น ปี 2538 ได้ทุนการศึกษาจากสมาพันธ์สื่อมวลชนแห่งอาเซียน ไปเรียนไกลถึงแดนปลาดิบเป็นเวลา 2 เดือน

ถัดจากนั้นยังเข้าเรียนหลักสูตร “Modern Marketing Management” ที่คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตามมาด้วยหลักสูตร “Problem Analysis and Decision Making” สถาบัน Kepner Tregoe Institute

นอกจากนี้ ยังเคยมีส่วนร่วมในโครงการสื่อสารการตลาดและสื่อสารองค์กรของบริษัทต่างๆ เช่น ไมโครซอฟท์ ประเทศไทย, กองทุนเพื่อสัตว์ป่าโลก, คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย, บริษัท ฟอร์ด เซลส์ แอนด์ เซอร์วิสเซส ประเทศไทย และ บริษัท แลนด์ โรเวอร์ ประเทศไทย

ขณะที่งานด้านวิชาการ เขาก็ผ่านมาแล้ว โดยช่วงปี 2549 เขาเป็นอาจารย์พิเศษคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (สำหรับนักศึกษา MBA) และยังมักจัดปาฐกถาพิเศษในเรื่องกลยุทธ์การประชาสัมพันธ์ การตลาด ตามองค์กรชั้นนำมากมายในประเทศ

เท่านี้ก็น่าจะการันตีอย่างดีว่า พินิจ หรือพอลลีนในวันนี้ เป็นคนที่ชอบสร้างความท้าทายให้แก่ตัวเอง และไม่เคยหยุดนิ่ง การเปลี่ยนงานหลากหลายองค์กร สะท้อนว่าเขาพยายามที่จะลองทำอะไรใหม่ในพื้นที่ใหม่ๆ เพื่อสั่งสมประสบการณ์ใหม่ๆ อยู่เสมอ

แต่...ที่ถือว่าคนไทยจดจำตัวเขามากที่สุด เห็นจะเป็นการก้าวเข้ามาลองอะไรใหม่ๆ ในสนามฟุตบอลไทย โดยช่วงปี 2546 ที่เขาออกมาประท้วงขับไล่ วิจิตร เกตุแก้ว นายกสมาคมฟุตบอลในขณะนั้น ในนามชมรมเชียร์ไทย และเว็บไซต์ cheerthai.com ที่พินิจก่อตั้งขึ้นช่วงปี 2544

อย่างไรก็ดี แม้ว่าที่สุด อดีตนายกสมาคมฟุตบอลรายดังกล่าว ทนแรงกดดันไม่ไหว ตัดสินใจลงจากตำแหน่งในที่สุด แต่ภายหลังก็มีการขอขมาลาโทษกัน โดย วิจิตร เกตุแก้ว ให้สัมภาษณ์สื่อว่า ได้รับความเสียหายมาก เพราะข่าวแพร่หลายไปทั่วโลก แต่เมื่อทางเชียร์ไทยดอทคอมมาขอโทษ ก็คงไม่ติดใจเอาความ

สำหรับกลุ่มเชียร์ไทยนั้น ตั้งขึ้นเพื่อต้องการพัฒนาวงการฟุตบอลไทย ส่งเสริมการพัฒนาชมรมเชียร์ฟุตบอลในจังหวัดต่างๆ พูดง่ายๆ ว่าเพื่อส่งเสริมให้คนรุ่นใหม่ซึมซับความรักชาติในรูปแบบของการเชียร์กีฬา เวลานั้นชมรมเชียร์ไทยมีสมาชิกประมาณ 3,000 คนทั่วประเทศ และมีชุมชนแฟนฟุตบอลไทยทั้งประจำและจรประมาณ 1 หมื่นคน

และสิ่งนี้เองที่เป็นที่มาของไฮไลท์ชีวิตของอดีตพินิจในวันนั้น เพราะเขายังลงสมัครรับเลือกตั้งนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยในเวลาต่อมา ช่วงปี 2556 จะว่าไปก็ไม่นานเท่าไหร่ ราว 4 ปีก่อนนี่เอง !

ซึ่งตอนนั้น มีเจ้าเก่าคือ “บังยี” วรวีร์ มะกูดี อดีตนายก และ “บิ๊กกร๊อง” วิรัช ชาญพานิชย์ ลงแข่งขัน แต่พินิจกลับตัดสินใจถอนตัว และหันไปสนับสนุน “บิ๊กกร๊อง” แทน คิดดูขำๆ อาจด้วยเพราะเขาอยากให้สมาคมบอลไทยมีคนใหม่ๆ บ้าง เพราะเจ้าเก่าก็นั่งยาวมา 3 สมัยแล้ว (ฮา)
แต่...ผลคืออดีตนายกสมาคมฟุตบอลฯ 3 สมัย ยังคงได้เก้าอี้มาครองอยู่ดี เป็นอันว่า The 10 Year Plan แผนฟื้นฟูฟุตบอลแห่งชาติ ปี 2556-2565 ของกลุ่มเชียร์ไทยโดยพินิจ งามพริ้ง เลยต้องพับเข้าแฟ้มยาว
และชื่อของเขาก็เงียบหายไป จนมารู้ทั่วกันในวันนี้ว่า เขาได้มีชีวิตใหม่ที่ ซานฟรานซิสโก ทำธุรกิจร้านอาหาร พร้อมรูปโฉมโนมพรรณใหม่ แบบไฉไล “งามพริ้ง” สมชื่อทีเดียว!!

อย่างไรก็ตาม  "พอลลีน" ทิ้งท้ายด้วยว่า “อนาคตบนเส้นทางฟุตบอลไทย ได้เตรียมโครงการจะปั้นทีมฟุตบอลเพศทางเลือก หรือเพศที่สาม ของประเทศไทย ให้เป็นทีมแรกของโลก”

 

 

 

 

 

 

ขอบคุณข้อมูลส่วนหนึ่ง

 คมชัดลึก