13 ปี ของหุ้นส่วนชีวิต เกียรติ สิทธีอมร & จริญญา หาญณรงค์

13 ปี ของหุ้นส่วนชีวิต เกียรติ สิทธีอมร & จริญญา หาญณรงค์

 

 

 

13 ปี ของหุ้นส่วนชีวิต

เกียรติ สิทธีอมร & จริญญา หาญณรงค์

เปรียบชีวิตคู่ “เท้าซ้ายและเท้าขวาที่ต้องช่วยกันเดิน”

 

 

       
       อดีตรองนางสาวไทยประจำปี 2532 “ลูกตาล จริญญา หาญณรงค์” ได้ฤกษ์ดี วันนี้ (27 ก.ค.) เข้าพิธีวิวาห์กับ “เกียรติ สิทธีอมร” รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ณ โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล โดยมีแขกคนสำคัญ อาทิ “ชวน หลีกภัย”“อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” และนักการเมืองจากพรรคประชาธิปัตย์มาร่วมงานกันอย่างคับคั่ง  อาทิ  คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช  นพ.กระแส ชนะวงศ์  ดร.ศุภชัย พานิชภักดิ์ชำนิ ศักดิเศรษฐ์  กอร์ปศักดิ์ สภาวสุ สุทัศน์ เงินหมื่น นาวาอากาศตรี ประสงค์ สุ่นศิริ  พร้อมตัวแทนเพื่อนนางงาม สรารัตน์ หรุ่มเรืองวงศ์ ได้มาร่วมแสดงความยินดีในครั้งนี้ บรรยากาศในงานเป็นไปด้วยความชื่นมื่น และมีญาติพี่น้อง รวมทั้งลูกทั้ง 3 คน(น้องออมสิน, น้องเอเชีย,น้ององศา) ของเจ้าสาว และลูกของเจ้าบ่าวอีก 2 คน ก็ได้มาร่วมแสดงความยินดีของผู้ที่รักของสองฝ่ายด้วย   

 

 

ภายในงานได้มี หนิง ศรัยฉัตร กุญชร ณ อยุธยา เป็นพิธีกรในงานดังกล่าว  สำหรับพิธีได้เริ่มอย่างเป็นทางการด้วยการสู่ขอเจ้าสาว  โดยมี ชวน หลีกภัย  อดีตนายกรัฐมนตรี  ได้รับหน้าที่เป็นเถ้าแก่ พร้อมทั้งกล่าวการันตีความดีของเจ้าบ่าวให้กับคุณพ่อคุณแม่ของเจ้าสาวได้รับรู้  เรียกว่าระหว่างของการกล่าวตอนนี้สร้างเสียงหัวเราะให้กับแขกที่มาร่วมงานได้ยิ้มกันอย่างอบอุ่นเลยทีเดียว   หลังจากคุณพ่อได้กล่าวขอบคุณและอนุญาตยกเจ้าสาวให้แล้ว   คุณเกียรติได้เดินไปรับเจ้าสาวพร้อมมอบช่อดอกไม้ให้กับเจ้าสาว ทำให้เจ้าสาวถึงกับน้ำตาไหลออกมาด้วยความปลื้มปิติในใจเป็นอย่างยิ่ง  จากนั้นก็มีพิธีสวมแหวนให้กับเจ้าสาว พร้อมทั้งรับไหว้คุณพ่อคุณแม่และญาติของคู่บ่าวสาว  ปิดท้ายด้วยพิธีรดน้ำสังข์ ระหว่างพิธีเจ้าสาวก็น้ำตาไหลออกมาอย่างต่อเนื่องโดยมีลูกสาวช่วยซับน้ำตาให้ตลอดเวลา จากนั้นร่วมถ่ายภาพเป็นที่ระลึกของแขกผู้มีเกียรติ  พร้อมร่วมรับประทานกลางวันด้วยกันอย่างอบอุ่น

 

 

ก่อนหน้านี้คู่บ่าวสาวได้ให้สัมภาษณ์นิตยสาร  CHANGE into  http://www.changeintomag.com/index.php/live-has-changed/307-2015-09-29-02-42-43

 

“เติมเต็ม” ความสุขในชีวิตของ “จริญญา หาญณรงค์” ที่มีนักการเมืองบุคลิกดีมาดเท่ “เกียรติ สิทธีอมร” มายืนเคียงข้าง ได้เปรียบเทียบเหมือนคนเรามีสองขา เท้าซ้ายและเท้าขวาที่ต้องช่วยกันเดิน ไม่อย่างนั้นก็จะล้มทั้งคู่

 

 

ฉากละครไม่ต่างอะไรกับชีวิตจริง เนื่องจากชีวิตต้องมีการเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา เช่นเดียวกับชีวิตคู่ของ เกียรติ สิทธีอมร อดีต สส.พรรคประชาธิปัตย์ และอดีตประธานผู้แทนการค้าไทย กับ “ลูกตาล” จริญญา หาญณรงค์ อดีตรองนางสาวไทย ประจำปี 2532 ที่สร้างครอบครัวที่อบอุ่น และสร้างความรู้สึกดีๆ ให้กันและกันมาตลอด 13 ปี

 

 

 

//ประทับใจ “ผู้หญิงติดดิน”

เขาและเธอเจอกันครั้งแรกในงานเลี้ยงบ้านเพื่อน โดยคุณตาลไปกับเพื่อนของเพื่อนนั่นเอง ระหว่างอยู่ในงานคุณตาลก้มหน้าก้มตา รับประทานอาหาร เพื่อเลี่ยงบทสนทนากับคนแปลกหน้า แต่ทว่าในงานเดียวกันนี้นี่เอง ที่ทำให้เธอ พบกับคุณเกียรติ หลังจากวันนั้นทั้งสองคนก็ไม่ได้พบกันอีกเลย คุณเกียรติว่าน่าจะทิ้งช่วงห่างไปประมาณ 5-6 เดือนถึงได้กลับมาคุยกันอีกครั้ง เมื่อคุณเกียรติได้เบอร์โทรศัพท์ของคุณตาลมาและตัดสินใจโทรไปหาเธอในที่สุด

 

คุณเกียรติ เล่าถึงชีวิต “ตลอด 11 ปี เป็นแต่ละปีมีความหมาย และไม่เคยพลาดวันสำคัญของเรา(หัวเราะ) ตั้งแต่เจอกันครั้งแรกจนถึงวันนี้ก็ยังจำได้เสมอ” คุณตาล ฉายภาพวันวานด้วยรอยยิ้ม “ครั้งแรกที่เจอพี่เกียรติเห็นข้างหลังก่อน แล้วก็เห็นสีผม เป็นคนชอบผู้ชายแบบนี้ ก็เป็นความประทับใจครั้งแรกที่ได้เจอพี่เกียรติ”

 

คุณเกียรติ ตัดพ้อทันที “ตายๆ นึกว่ามีเยอะกว่านั้น(หัวเราะ) วันแรกที่ได้เจอได้พูดคุยกับตาลก็รู้สึกประทับใจ เพราะเป็นผู้หญิงที่ไม่เหมือนคนทั่วไป ครั้งแรกที่ผมเจอไม่รู้หรอกว่าเขาเป็นนางงาม หรือเป็นอดีตนางงาม แต่พอได้คุยกันก็รู้ว่า ผู้หญิงคนนี้ติดดิน ไม่ใช่ประเภทสวยแล้วหยิ่ง ซึ่งหลายๆคนอาจมีอคติอยู่บ้าง เขาเป็นผู้หญิงติดดิน อยู่กับโลกแห่งความเป็นจริงแล้วยังพูดถึงครอบครัวที่ทุ่มเทมาก ให้ลูก ให้พ่อแม่ ให้น้อง ทำอย่างเต็มที่และเป็นคนสู้งาน จึงไม่เหมือนผู้หญิงบางคนที่มีชื่อเสียง แต่เขาเป็นคนทำอะไรแล้วเป็นคนสู้อย่างตั้งใจจริง”

 

//เพื่อนคู่คิด

คุณตาล พลางจับมือคุณเกียรติพร้อมมองหน้าด้วยสายตาขอบคุณ “ชีวิตตาลเปลี่ยนตลอด ก่อนพี่เกียรติเข้ามาเราทำเองคนเดียว แต่พอพี่เกียรติเข้ามาเหมือนได้เข้ามาเติมเต็มทุกสิ่งทุกอย่างให้กับเรา พร้อมแนะนำแนวทางว่า ไปทางนี้น่าจะดีกว่า ทำให้เราคิดได้ว่า ทางที่พี่เกียรติแนะเออมันไปได้ เราคิดตอนแรกว่าทางนั้นไม่น่าเป็นไปได้ถ้าเราจะไป แนวคิดของพี่เกียรติจะมีหลักการมากกว่าตาล” ปัจจุบันคุณเกียรติเหมือนเป็นครูของคุณตาล ไม่แปลกเลยเนื่องจากคุณเกียรติเป็นครูสอนภาษาอังกฤษตั้งแต่อายุ 16 ตั้งแต่กลับมาเมืองไทย หลังจากทำงานในต่างประเทศกว่า 10 ปี ก็ได้มีโอกาส เป็นอาจารย์พิเศษสอนตามมหาวิทยาลัยต่างๆ นอกเหนือจากงานปกติ

 

“พอได้มาดูแลคุณตาลผมก็พยายามดูหน้าดูหลังให้กับเขา ช่วยคิดว่าสิ่งนี้ไม่น่าทำหรือน่าทำ บางเรื่องธุรกิจมันน่าทำเยอะ บางธุรกิจลงแรงเยอะแต่ผลตอบแทนน้อย ผมก็พยายามสกรีนออกไป ชีวิตคนเรามันมีเวลาน้อยนัก เพราะชีวิตคนเราอยู่บนโลกใบนี้เฉลี่ยไม่เกิน 30,000 วัน แต่ละวันก็ต้องทำให้เป็นประโยชน์เต็มที่ในเชิงธุรกิจ แล้วต้องได้ผลตอบแทนคุ้มค่า เพราะโอกาสมันมีเยอะในธุรกิจ ดังนั้น เราต้องเลือกและดูกำลังเงินรวมทั้งดูเวลา และความถนัดของเราเองด้วย บางคนอยากทำหลายเรื่องทั้งที่ไม่มีพื้นฐาน ไม่มีความเข้าใจ ทำแล้วก็ไม่ประสบความสำเร็จ”

 

 

 

//ใจเดียวกัน “ชอบสะสมของเก่า”

คุณเกียรติ เล่าว่า “เราสองคนเหมือนกันคือ ชอบสไตล์ไทย ชอบของเก่า ซึ่งก็แปลกมาก เพราะเรื่องแบบนี้เราไม่ค่อยเจอ ผู้หญิงส่วนใหญ่จะชอบโมเดิร์น แต่เขาไม่ใช่ ผมเองก็ชอบสไตล์เก่า ชอบย้อนยุค พอเราไปเดินดูของเก่าทั้งวันก็ไม่มีเบื่อเลย เราสองคนเดินไปได้ทุกที่ทุกจังหวัด” คุณตาลกล่าวเสริม “ไม่ว่าเราจะไปประเทศไหน หรือจังหวัดไหนบอกพี่เกียรติแวะดูก่อนมั้ย พี่เกียรติก็ไม่เคยขัดเลย เพราะเราชอบเหมือนกัน”

 

สำหรับชีวิตประจำเรื่องอาหารคุณเกียรติบอกว่า “เรื่องไก่ทอดตาลทำอร่อยมาก ทำเร็วด้วย ไก่ทอดออกมากรอบนอกนุ่มใน อร่อยครับ” ระหว่างนั้นคุณตาลกล่าวขอบคุณ “ส่วนของพี่เกียรติเคยทำอาหารให้ทานอยู่สองเมนู ยำวุ้นเส้นสูตรโบราณ กับไข่เจียวที่นุ่ม ย้ำวุ้นเส้นของพี่เกียรติจะมีเครื่องปรุงที่ละเอียดมาก เราไม่นึกว่าจะเยอะขนาดนี้ กุ้งแห้งก็ต้องเอาไปล้างน้ำแล้วทอดกรอบ หมูก็ต้องเอาไปรวนคือโบราณมาก ผ่านไป 3 ชั่วโมง ยังไม่ได้เริ่มยำเลย(หัวเราะ)” ทันใดนั้นคุณเกียรติแทรกขึ้นมาทันที “ไม่ได้โบราณเขาเรียกพิถีพิถัน(หัวเราะ)”

 

 

 

//เสริมพลังด้วยกำลังใจ

หลายครั้งของกระแสทางการเมืองที่ส่งผลกระทบต่อคุณเกียรติก็จะได้กำลังใจจากคุณตาลตลอดมา “เราจะให้กำลังใจพี่เกียรติ เพราะเราเชื่อว่า สิ่งที่เขาทำนั้นเป็นคนที่ทำจริงๆ เพราะเท่าที่เห็นพี่เกียรติไม่ได้ทำอะไรเพื่อตัวเอง ทำงานการเมืองก็จะคิดถึงคนอื่น หรือทำเพื่อส่วนรวมก่อนเสมอ จนบางครั้งบอกว่า ถ้าเหนื่อยก็หยุดเถอะ การเมืองพอเข้าไปแล้วก็มีแต่เสียกับเสีย คือเสียทั้งเวลาและเสียทั้งเงิน(น้ำเสียงหนักแน่น) แม้เสียทั้งทุกสิ่งอย่าง แต่พี่เกียรติก็ยินดีที่จะเข้าไปทำ เพราะถ้าพอใจที่จะทำพี่เกียรติก็จะทำ” คุณเกียรติอธิบาย “อันที่ว่าเสียเงินนั้นไม่ได้เอาเงินไปซื้อตำแหน่ง แต่เป็นการเสียโอกาสหรือรายได้ที่เราน่าจะได้จากการทำอย่างอื่นดีกว่า” คุณตาล ย้ำอีกครั้ง “พี่เกียรติเคยสอนตาลว่า ควรเลือกทำในสิ่งที่คุ้มค่ากับเวลาที่ทุ่มเทลงไป แต่ของเขาถ้าดูผิวเผินเข้าไปมีแต่เสียกับเสีย แต่การที่พี่เกียรติเข้าไปทุ่มเททำแบบนี้ คิดว่าเป็นเรื่องที่ดีในการทำงานเพื่อส่วนรวม เพราะเวลาทำงานกับพี่เกียรติเป็นคนละเอียดอ่อนมาก และทุกอย่างจะต้องให้ถูกต้อง พี่เกียรติมองอะไรที่ลึกมากกว่าตาล เราอาจมองแค่สามมิติ แต่พี่เกียรติมองลงไปอาจถึงหกมิติ แต่เราต้องยอมเพราะพี่เกียรติมีประสบการณ์เยอะกว่าเรา

 

“เราก็เจอปัญหามาเยอะแต่อาจจะคนละบาดแผล คนละเรื่องราวเราก็จะมานั่งแชร์กัน วันหนึ่งพี่เกียรติเป็นกระจกให้ตาล บางวันตาลก็เป็นกระจกน้อยๆ ส่องกระจกบานใหญ่ๆของพี่เกียรติ บางวันก็ปรึกษาเรื่องลูกว่า คนนี้เป็นแบบนั้น คนนั้นเป็นแบบนี้ พี่เกียรติได้ช่วยแนะนำในการเลี้ยงลูกทั้งสามคน(น้องออมสิน, น้องเอเชีย,น้ององศา) ได้มาก ล่าสุด จะคุยกับลูกชายให้หน่อย พอได้คุยก็ทำให้ลูกเปิดใจคุยกับพี่เกียรติมากกว่าตาล ซึ่งพี่เกียรติจะรู้ว่าการเลี้ยงลูกสาวลูกชายไม่เหมือนกันอยู่แล้ว พี่เกียรติเหมือนได้มาเติมตรงนี้ให้ตาล ทำให้เรามีความสุขมาก พี่เกียรติก็ให้ความอบอุ่นเต็มที่กับลูกๆของตาล”

 

คุณเกียรติ กล่าวด้วยรอยยิ้ม “อะไรที่เป็นประโยชน์กับชีวิตเขา เราก็ช่วยแนะนำ เพราะในชีวิตจริงเราก็ช่วยแนะนำทุกคนอยู่แล้ว งานการเมืองน้องเจอคนเยอะเหมือนกัน โดยเฉพาะเด็กในวัยเรียนเยอะเหมือนกันที่มาขอหนังสือแนะนำไปมหาวิทยาลัยต่างๆ ก่อนที่เราจะแนะนำก็ต้องถามพวกเขาก่อนว่า คุณตั้งเป้าชีวิตยังไง ทำไมถึงตั้งเป้าอย่างนั้น แล้วเราก็จะให้มุมมองตลอด เราก็ทำด้วยความเต็มใจให้กับทุกคนอยู่แล้ว ยิ่งเป็นลูกๆของตาลก็ยิ่งยินดีใหญ่ที่เป็นส่วนหนึ่งที่ให้คำแนะนำเขาได้”

 

 

 

//คนสุดท้าย?

อีกมุมหนึ่งของคุณเกียรติที่เป็นคนโรแมนติกตามคำยืนยันของคุณลูกตาล “พี่เกียรติเป็นคนโรแมนติกมาก จริงๆเราเป็นคนชอบอยู่แล้ว เช่น วันวาเลนไทน์ ตาลยังได้รับช่อดอกไม้ทุกปี เหมือนกับที่หลายคนเห็น บางคนชมตาลสวย พี่เกียรติก็จะพูดบวกเพิ่มขึ้นไปอีก(หัวเราะ) หรือทำอาหารอร่อยมั้ย พี่เกียรติก็จะบอกว่าอร่อยด้วยคำพูดที่เป็นจริงเป็นจัง บางครั้งร้องเพลงให้ตาลฟังแล้วมองตาลเหมือนจะให้ละลาย ถามจริงๆตาลก็อายเหมือนกันนะ(หัวเราะ) เพลงไทยที่ร้องก็คือ คนสุดท้าย ของ อัสนี & วสันต์ เพลงสากล ก็จะเป็น วันเดอฟูลทูไนท์ มันเป็นความหมายดีๆ(ระหว่างนั้นคุณเกียรติ ได้ร้องประโยคสุดท้ายของเพลงคนสุดท้ายด้วยว่า ไม่ว่าวันไหน ไม่ว่าเมื่อไร ฉันรักเธอ)

 

“หรือไปเดินห้างความคิดบางมุมเราเคยพูดกับเพื่อน ถ้าฉันแก่แบบนี้ฉันจะไม่จับมือจูงมือแบบนี้ฉันอายเขา ในที่สุดตัวเรานี่แหละ พี่เกียรติบอกน้องเอามือมาแล้วก็เดินจูงมือกันไปจนเราชิน ต่อไปจะต้องเดินแบบนี้เลยไม่อาย(หัวเราะ) เราภูมิใจที่มีคนรักเรา”

 

//เขาและเธอ คือ หุ้นส่วนชีวิต

ในจังหวะเดียวกัน คุณตาลได้เอ่ยขึ้น “ต้องขอบคุณพี่เกียรติ คำพูดที่พี่เกียรติพูดอย่างคำว่า หุ้นส่วนชีวิต พอเราได้อ่านได้ฟังถึงกับน้ำตาไหล มันเหมือนเขาให้ตาลเข้าไปอยู่ในใจเขา” คุณเกียรติ ยืนยันด้วยคำพูดนี้อีกครั้ง “มันก็เป็นหุ้นส่วนชีวิตจริงๆ คือทำทุกเรื่องด้วยกัน แล้วช่วยกันคิดและช่วยกันตัดสินใจ และชอบในสิ่งต่างๆเหมือนกัน ไม่ว่าจะทำอะไรทุกด้านก็จะมีการหารือกัน อันนี้เป็นอะไรที่เป็นหุ้นส่วนจริงๆ ไม่ใช่ว่าคนไหนเป็นช้างเท้าหน้า หรือช้างเท้าหลัง มันเปรียบเทียบเหมือนคนเรามีสองขา เท้าซ้ายและเท้าขวาที่ต้องช่วยกันเดิน ไม่อย่างนั้นก็จะล้มทั้งคู่ ถ้าเราใช้หลักอย่างนี้แล้วจริงใจต่อกันไม่ว่อกแว่ก เพราะชีวิตนี้เต็มไปด้วยความว่อกแว่ก แต่ถ้าเราไม่ว่อกแว่กทำทุกอย่างด้วยใจก็จะทำให้เรามีความสุข” คุณตาลกล่าวปิดท้ายด้วยว่า “ตาลก็เป็นเหมือนพริกไทย น้ำตาล เกลือ การที่ชีวิตตาลอยู่กับพี่เกียรติก็เหมือนชีวิตมีรสชาติที่กลมกล่อม ไม่ว่าจะวันไหนๆก็มีความสุข”

 

 

ทีมงานนิตยสาร เชนจ์ อินทู CHANGE into Magazine

www.changeintomag.com

ขออวยพรให้ชีวิตรักของเจ้าบ่าวและเจ้าสาวให้มีรักมั่นคงชั่วนิรันดร...