เปิดใจ สุรพล เกียรติไชยากร อดีตสส.เชียงใหม่ 9 สมัยพรรคเพื่อไทย เชื่อตามคติทางเหนือ” บุญไม่แพ้บาป”

เปิดใจ สุรพล เกียรติไชยากร อดีตสส.เชียงใหม่ 9 สมัยพรรคเพื่อไทย เชื่อตามคติทางเหนือ” บุญไม่แพ้บาป”

 

   

 

@CHANGE into Magazine Sutthikhun Kongthong
CHANGE in-your-life เรื่อง : ปราริชาติ ปลื้มจิตต์ตระกูล
 
 
เปิดใจ สุรพล เกียรติไชยากร อดีตสส.เชียงใหม่ 9 สมัยพรรคเพื่อไทย เชื่อตามคติทางเหนือ” บุญไม่แพ้บาป”..หลังชนะคดี กรณี กกต.แจกใบส้มไม่รอบคอบ และต้องชดใช้เยียวยา เกือบ 70 ล้านบาท ประกาศลงสู้ศึกเลือกตั้งครั้งหน้าแน่นอน.
 
 
 
นานสุรพล เกียรติไชยากร สส.จิตอาสา อดีตส.ส.จังหวัดเชียงใหม่ 9 สมัย พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่ ตนเองได้ยื่นฟ้อง กกต.จำนวน 14 คน ต่อศาลแพ่งที่ทำให้เสียชื่อเสียง หลังจากแจกใบส้มทำให้ไม่ได้เข้าสภาทำหน้าที่ในการเลือกตั้งที่ผ่านมานั้น โดยคำสั่งศาลเมื่อ 3 วัน…ระบุว่าให้กกต.(คณะกรรมการการเลือกตั้งจำนวน 14คน) ชดใช้และเยียวยา หลังจากแจกใบส้มไม่รอบคอบ เกือบ 70 ล้านบาท ทำให้ตนเองไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ สส.ในสภาผู้แทนราษฎรในการเลือกตั้ง ปีพ.ศ.2562 ที่ผ่านมา ซึ่งศาลสถิตย์ยุติธรรม ท่านพิจารณาแล้ว ว่าเราไม่ผิด ตั้งแต่ ศาลฎีกา แผนกเลือกตั้งก็ยกคำร้อง เมื่อศาลจังหวัดฮอด ได้ตัดสินเมื่อวันที่ 20 เมษายน โดยให้ กกต ชดใช้ เป็นสิ่งที่ถูกต้อง แต่ กกต.ก็ยังมีสิทธิ์อุทธรณ์ เพราะศาลให้โอกาสยื่นอุทธรณ์ได้ภายใน 30 วัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับทางกกต.
 
 

 
 
นายสุรพล กล่าวว่า หากครบ 30 วันแล้ว กกต ไม่เยียวยา ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลแล้วยื่นอุทธรณ์ ผมจะยื่นฟ้องกกต.ใน มาตรา 157 ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ โดยหลังจากมีคำสั่งศาลให้ชดใช้และเยียวยานั้น จนถึงเวลานี้ ทางกกต.ยังไม่มีการติดต่อมายังตนเองเลย
 
การชนะคดีครั้งนี้เหมือนกับว่า เอาความยุติธรรมกลับคืนมา เพราะว่าเราได้ทำหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต โดยยึดหลักว่าพี่น้องประชาชนเปรียบเหมือนญาติ ผมเอาความภาคภูมิใจ ที่ประชาชนจำนวน 52,165 คะแนนลงคะแนนให้ และได้ความยุติธรรมกลับคืนมาว่า ผมเป็นสส.ที่บริสุทธิ์ไม่ได้ใช้เงินซื้อเสียงดังที่กกต.กล่าวอ้าง วันนี้เชื่อว่าประชาชนที่เลือกผมมีความภาคภูมิใจ คะแนนที่พวกเขามอบให้กับผมเป็นคะแนนบริสุทธิ์และเป็นคะแนนยุติธรรม
 
ผมมีกำลังใจตลอดเวลา แม้ไม่ได้เข้าสภา ไม่ได้ทำหน้าที่เป็นผู้แทนราษฎร แต่ก็ยังทำหน้าที่ สส จิตอาสาที่ดูแลทุกข์สุข พี่น้องประชาชน เป็นที่ประจักษ์ของประชาชนมาตลอด
 
 

 
 
ผมเป็นชาวพุทธ เชื่อมั่นในพระพุทธศาสนา และเชื่อว่า บารมีต่างๆ ที่เราทำไว้ รวมทั้งพระบรมธาตุเจ้าจอมทอง บารมีหลวงปู่ทอง สิริมังคโล รวมถึงพระเกจิอาจารย์ ที่เคารพนับถือคุ้มครองปกป้อง เชื่อตามคติคำทางเหนือที่บอกว่า ‘บุญไม่แพ้บาป” เราทำด้วยบุญด้วยกุศล ไม่มีเจตนาอกุศล การถวายพระในวันเกิดสองพันบาทก็ถวายด้วยการทำบุญ ไม่ใช่เจตนาว่าจะเอาเงินไปซื้อเสียงสองพันบาท เงินจำนวนนี้จะซื้อได้กี่เสียงตามสามัญสำนึก
 
อดีตส.ส.อาวุโส 9 สมัย จังหวัดเชียงใหม่ กล่าวฝากถึงนักการเมืองรุ่นน้อง รุ่นลูกหลานว่า การเป็นผู้แทนราษฏรได้อย่างต่อเนื่องนั้น มันอยู่ที่กาปฏิบัติตัวของเรา เพราะเราเอาหัวใจไว้ที่ประชาชน เอาทุกข์ของชาวบ้านมาไว้ที่เรา เปรียบประชาชนเหมือนญาติเหมือนพี่น้อง ทุกครั้งที่มีการเลือกตั้ง คะแนนก็จะเป็นของเรา เพราะพี่น้องประชาชนต้องการคนที่จริงใจและตั้งใจทำงาน และรักชาวบ้านเหมือนญาติ โดยทางพรรคเพื่อไทยจะมีการประชุมใหญ่ในวันที่ 24 เมษายนนี้ และวันที่ 25 เมษายนถัดมา ทางพรรคจะมีการแถลงข่าวตอน 10.00 น. แก่สื่อมวลชน เพราะที่ผ่านมา พรรคก็ได้รับความเสียหายด้วยสส.ของพรรคหายไป 1 คน เท่ากับว่าคะแนนที่จะไปรวมกับบัญชีรายชื่อ 52,165 คะแนน หายไป วันนี้เราได้ทวงศักดิ์ศรีของพรรคกลับคืนมาแล้ว พรรคเพื่อไทยบริสุทธิ์…ไม่มี สส.ที่ซึ้อเสียง โดยผมจะลงสมัครเลือกตั้งสมัยหน้าในนามพรรคเพื่อไทยแน่นอน
 
วันนี้ผมคิดว่า รัฐบาลจะเดินต่อไปไม่ได้อยู่แล้ว ขอให้คิดถึงพี่น้องประชาชนบ้าง เศรษฐกิจย่ำแย่ ของทุกอย่าง แพงทั้งแผ่นดิน น่าจะคืนอำนาจให้กับประชาชน ถ้า พรรคพลังประชารัฐบริหารงานดี เขาก็จะเลือก ถ้าบริหารไม่ดี เขาก็ต้องเลือกพรรคเพื่อไทย เพราะเรามีนโยบายชัดเจน ที่ผ่านมา นโยบายเราปฏิบัติได้จริง
 
ผมมีความพร้อมแน่นอนครับ เชื่อว่าการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในเร็วนี้ในนามของพรรคเพื่อไทย..จังหวัดเชียงใหม่ คงจะชนะ ทั้ง 11 เขต ยกทีม ส่วนพื้นที่เขต 8 ตรงนี้ของผมคงจะเป็นพื้นที่ เขต 10 โดยเชื่อมั่นว่าประชาชนเขต 10 ยังให้การสนับสนุนและไว้วางใจพรรคเพื่อไทย โดยเลือกสุรพล เกียรติไชยากรเข้าไปทำหน้าที่เป็นผู้แทนของท่านอีกสมัย
 
 

 
 
สำหรับสุขภาพในวัย 82 ปี ที่ยังคงลงพื้นที่พบปะประชาชนในฐานะสส.จิตอาสาทุกวันนั้น ผมเชื่อเรื่องบุญกุศล เราอยู่กับพี่น้องประชาชน เรามีความสุข จากบุญกุศลที่เราทำส่งผลให้มีสุขภาพแข็งแรง
 
โดยนายสุรพล เกียรติไชยากร อดีตสส. 9 สมัย จังหวัดเชียงใหม่พรรคเพื่อไทย ยืนยันว่า จะไม่ยอมความ กกต แน่นอน เพราะยัดเยียดความผิดให้และศาลก็มีคำพิพากษาแล้วไม่สามารถต่อรองได้ ซึ่งต้องเอาเงินคนที่กระทำผิดเป็นคนจ่ายค่าเสียหายชดใช้ -เยียวยา ชื่อเสียงของผม ไม่ใช่เอาเงินภาษีของประชาชนมาจ่าย เพราะภาษีของประชาชนควรเอาไปทำประโยชน์อื่นๆได้มากกว่านี้ โดยเงินส่วนนี้ศาลได้พิจารณาย้อนหลังไปถึง 30 ปี ตั้งแต่ ผมเป็นผู้แทนราษฎรมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2535 เป็นต้นมา โดยผมจะนำเงินส่วนหนึ่งทำประโยชน์ให้แก่พี่น้องประชาชนต่อไป.