Shero แอนด์ แม่พระ..แอนด์นางฟ้า..เสกชีวิตใหม่ให้ผู้ติดยา…คารวะแม่ครู…กูรู บำบัด

Shero แอนด์ แม่พระ..แอนด์นางฟ้า..เสกชีวิตใหม่ให้ผู้ติดยา…คารวะแม่ครู…กูรู บำบัด

 

  

 

CHANGE in-your-life เรื่อง : ปราริชาติ ปลื้มจิตต์ตระกูล

 

Shero แอนด์ แม่พระ..แอนด์นางฟ้า..เสกชีวิตใหม่ให้ผู้ติดยา…คารวะแม่ครู…กูรู บำบัด❤️ดุจแสงประทีปสดใส..ส่องสว่าง กลางไพร ในดอยอินทนนท์.

 

ปัจจุบันนี้ คงต้องยอมรับกันว่าปัญหายาเสพติด ถือเป็นปัญหาใหญ่ระดับชาติ เพราะจำนวนไม่น้อยที่ ชีวิตและครอบครัว ต้องพังทลาย กลายเป็นปัญหาสังคม จำนวนผู้ติดยาที่เป็นเยาวชนเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ..เม็ดเงินทั้งภาครัฐและเอกชนที่นำมาใช้เพื่อแก้ปัญหา ทั้งปราบปรามและบำบัดรักษามหาศาล

แม่อ้วน…ครูอ้วน เป็น ชื่อที่เด็กและเยาวชน ผู้ติดยาเสพติด เรียกเธอ… นางวันเพ็ญอำนาจกิติกร ผู้อำนวยการ บ้านพระเมตตา ซึ่งตั้งอยู่บนดอยอินทนนท์ และถือว่าเป็นหน่วยงานเอกชนไม่ใช่หน่วยงานของรัฐ โดยเป็นชุมชนบำบัด ให้แก่ผู้ติดยา บนเนื้อที่กว่า 40ไร่ ท่ามกลางธรรมชาติ ที่ผู้ติดยาสมัครใจเข้ามา หรือครอบครัวส่งมารับการบำบัด ก่อนจะกลับออกไปสู่สังคมอย่างสง่างามต่อไป

 

 

แม่อ้วน หรือนางวันเพ็ญ อำนาจกิติกร บอกถึงแรงบันดาลใจ ที่ก่อตั้ง บ้านพระเมตตาบำบัดผู้ติดยาเสพติด ว่า มองเห็น คนเหล่านี้มีความทุกข์อย่างแสนสาหัส โดยผู้ปกครอง พ่อแม่ ของผู้ติดยา จะเข้ามาหา ขอความช่วยเหลือ “บอกแม่อ้วนช่วยหนูที ลูกติดยา เหมือนตกนรกทั้งเป็น” ฟังแล้วสะท้อนใจทุกครั้ง การตกนรกทั้งเป็นทั้งแม่และลูกไม่ใช่ความทุกข์ธรรมดา คือความทรมานของร่างกายชีวิตและทรัพย์สิน สูญเสียความรักที่เคยมี ได้ฟังเรื่องแบบนี้ เกิดความคิด “เราคงอยู่เฉยไม่ได้แล้ว”

เคยทำงานในระบบราชการ เป็นเจ้าหน้าที่พยาบาล แต่มองว่า หากจะทำงานเพื่อแก้ปัญหานี้ ฝันต้องใหญ่มาก กล้าหาญมากที่จะก้าวออกมาทำงานช่วยคนเหล่านี้ จึงตัดสินใจว่า จะต้องออกมาเปิดเป็นภาคเอกชนไม่หวังผลกำไร เพราะมีความพร้อมทั้งด้านประสบการณ์บวกความรู้ บ้านพระเมตตาจึงเกิดขึ้นในปี พ.ศ.2554 จนถึงปัจจุบันนี้ รวม11 ปี

 


คนพูด “ผู้หญิงคนเดียวจะทำได้หรือ แต่เราใจกล้า” เพราะเราคิดดีทำดีที่จะช่วยคนประกอบกับมีผู้จิตใจดี รู้ถึงความตั้งใจและมุ่งมั่นตลอดจนประวัติของเราที่ผ่านมา หยิบยื่นโอกาสและเงินทุนมาให้ นั่นคือ มูลนิธิเซนคาเบรียลแห่งประเทศไทยและมูลนิธิชาวดอยรู้รักสามัคคีที่อำเภอจอมทอง มาซื้อที่ดินตรงนี้เพื่อตั้งเป็น ชุมชนบำบัดบ้านพระเมตตา เหมือนพระเจ้าจัดสรร เพราะเหมาะกับการสร้างเป็นบ้านหลังใหญ่ ครอบครัวเพื่อสร้างโมเดลเป็นชุมชนจำลอง เอาคนที่มีปัญหาคล้ายกันมาอยู่ร่วมกัน เราทำงานร่วมกับทีมงานจิตอาสาในช่วงแรก ซึ่งก็มีปัญหาบ้างเพราะใหม่แต่ด้วยใจที่หลอมรวมกัน ฝ่าฟันอุปสรรค แม้จะเหนื่อยกาย แต่ใจเราสู้ ก็ผ่านมาได้

 

 

โดยส่วนใหญ่ผู้ที่เข้ารับการบำบัด มาจากทั่วประเทศ หลังจากทราบข่าว ว่าที่นี่เปิดซึ่งเราต้องจัดระบบ เพราะมีจำนวนคนจากหลายแห่ง เหมือนเค้ารอคอยอย่างมีความหวัง เพราะไปบำบัดมาหลายที่ไม่หาย เขาอยากกลับมามีชีวิตใหม่ที่ไม่ยุ่งกับยา ขณะนี้มีจำนวน 80 คน ซึ่งเราเก็บสถิติการบำบัดไว้ทุกปี ส่วนแนวทางการบำบัด แม่อ้วนบอกว่า มีประสบการณ์ตรงในไทย 8ปี และเดินทางไปอบรบหรือฝังตัวที่ประเทศอเมริกาอยู่6เดือน เป็นคอร์สเชิงปฏิบัติการเกี่ยวกับเรื่องนี้เฉพาะทาง..ไปเห็นรูปแบบของเขา น้ำตาซึมเลย คือเขามีมาตรฐานมา30-40ปีตอนนั้น แต่เราเพิ่งมารู้จัก นำที่อบรมนำเสนอผู้ใหญ่ในไทยขอเปิดหน่วยงานลักษณะนี้ เพื่อต้องการช่วยคน แบบเ100%อย่งเต็มที่ไม่มีกั๊ก

สิ่งที่ได้ตอบแทนจากการทำงานนี้ คือ”ความสุขที่แท้จริง”ความสุขที่ได้เห็นชีวิตของลูกๆ เราถือว่าทุกคนที่เข้ามาคือลูกของเรา เขามีชีวิตร้อนรุ่มและทุกข์อย่างสาหัส เมื่อเขาประสบความสำเร็จ ตัดขาดจากยา เสพติดได้…ความสุขความอิ่มเอมใจมันเกิดขึ้นกับเรา…ประมาณ 600 กว่าชีวิต ใน11 ปีที่เราได้บำบัดพวกเขา ไม่นับจำนวนอีกหลายพันคนที่ช่วย เพราะเราทำงานด้านมา ก่อนที่จะมาเปิดบ้านพระเมตตา

 

 

เรามีโปรแกรมบำบัดคนเหล่านี้ โดยผู้ที่เริ่มต้นที่ส่วนใหญ่เป็นเยาวชน กำลังจะเสพหรือเสพติดนิดหน่อย เรียกพวกสมองติดยา ก็ใช้เวลาที่นี่ประมาณ 6เดือน ส่วนอีกพวกที่ติดยามากมีความสูญเสีย ก็จะใช้เวลา 9 เดือน และอีกกลุ่มที่แม่อ้วน เรียกว่า หมายหัวคือกลุ่มที่ติดยาเสพติดเป็นเวลานาน ติดคุก มีคดีบ้าง พ่อแม่เป็นโรคซึมเศร้าหมดแล้วพวกนี้จะรักษายาก ใช้เวลาเป็น 2 ปี ขึ้นไป ส่วนค่าใช้จ่ายผู้บำบัด บางครั้งมีส่วนหนึ่งที่ผู้ปกครองมาบริจาค แต่ถ้าครอบครัวยากจนก็ไม่ต้องบริจาค “เราต้องบอก ไม่ต้องบริจาคนะ เเกับเงินไว้เป็นค่ารถกลับบ้านเถอะ”บางคนไม่มีเงินเลย เป็นกลุ่มชนเผ่า ที้งพี่และน้องเข้ามาบำบัด เราก็ให้อยู่ฟรีกินฟรี

สำหรับทีมงานของเราที่ดูแลผู้เข้ารับการบำบัด มาจากสายวิชาชีพ และผู้ที่เคยรับการบำบัดแล้วดีขึ้นก็สมัครใจร่วมทำงานต่อ ซึ่งกลุ่มนี้จะมีจิตอาสาแรงกล้า และช่วยงานได้มาก เรามีชุดเครื่องมือบำบัดที่ออกแบบให้ปฏิบัติได้อย่างชีวิตจริง ให้เหมาะกับแต่ละคน ซึ่งเรามีการเก็บข้อมูลตัวอย่าง ประเมินตามเกณฑ์คำนึงถึงคุณภาพชีวิต และพร้อมคืนกลับสู่สังคม ซึ่งเรายังมีคอร์สครอบครัวบำบัด ให้ผู้ปกครองด้วนการให้ความรู้และคำปรึกษาเรียกว่าเป็นการบูรณาการร่วมกัน ให้ทุกคนออกไปใช้ชีวิตจากระบบที่แม่อ้วนนำมาจากอเมริกาทราประสบความสำเร็จ และนำมาปรับใช้ให้เหมาะกับคนไทย

 

 

แม่อ้วนบอกว่า ทำงานนี้มากว่า40 ปี บอกเลยว่า ภูมิใจที่สุด แต่สิ่งที่มากกว่าความภูมิใจ มันเป็นความอิ่มเอม ความสุขที่แท้จริง เพราะในขณะที่คนอื่น เขาบอกอยากทำแต่ไม่มีโอกาส แม่อ้วนสอนลูกว่า เราได้รับโอกาสต้องลงมือทำและตอนนี้ลูกสาวก็ได้เข้ามาช่วยงานนี้อย่างเต็มกำลังความสามารถ เพราะเขาเปลี่ยนทัศนคติ ปรับมุมมองอย่างมีสติอยู่กับปัจจุบัน ไม่มีใครเลยที่อยากจะติดยา เป็นคนไม่ดี เป็นเพราะเขาไม่มีทางออก

แม่อ้วนมองว่า คนที่ติดยานั้น เกิดอุบัติเหตุในชีวิต เป็นคนหลงทาง และทุกคนเป็นลูกของเราหมดเลย เราไม่คิดรังเกียจเลย แรกๆ ที่เข้ามารับการบำบัด อาจมองไม่เห็นว่าแม่อ้วนเป็นผู้ที่มีความปรารถนาดีต่อพวกเขา เมื่อเข้ามาอยู่ในชุมชนจำลองนี้ ให้เขาทบทวนตัวเอง และเป็นระบบพี่ปกครองน้องแบบประชาธิปไตย สร้างวัฒนธรรมองค์กรให้คนเหล่านี้เข้ามาแล้วรู้สึกปลอดภัย และไม่ต้องหนีอะไรอีก

แม่อ้วนมีความเชื่อมั่นว่า คนเหล่านี้เลิกยาได้ เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมได้ สำหรับแม่อ้วน พวกเขาไม่น่ากลัว บ้านพระเมตตามีทีมงานที่เข้าใจความรู้สึกน้องๆ เราทุ่มเทแรงใจเพื่อให้ทุกคนได้กลับคืนสู่อ้อมกอดของครอบครัวเขาอย่างเป็นคนมีคุณภาพ

 

 

 

และหนึ่งในผู้ติดยาและเข้ามารับการบำบัดจนเป็นปกติ และทำหน้าที่อาสาสมัครสอนรุ่นน้องต่อไป คือ น้องคัง…วัย30 ต้นๆ เรียนจบในระดับปริญญาโท กล่าวไว้น่าสนใจว่า ผมเคยใช้ชีวิตโลดโผน เข้ามาบำบัดเพื่อความต้องการของพ่อแม่ และตนเองวันนี้แม่ผมยิ้มได้แล้ว ผมจึงรับอาสาทำงานเพื่อให้ครอบครัวอื่นยิ้มได้เช่นกัน สำหรับผมแม่อ้วน คือแม่คนที่สอง เป็นปูชนียบุคคล ที่ให้ความรักความเมตตา ความรู้ ความหวังความสุขให้ชีวิตใหม่ แก่ผม และทำให้ผมเห็นคุณค่าในตัวเองแม่อ้วนเป็นผู้หญิงเก่งอดทน ผมอยากบอกว่า…”ขอบคุณแม่นะครับ”และขออาสาช่วยงานต่อยอดพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นไปเพราะเชื่อว่า คนที่ผ่านการบำบัดแล้วจะมีสุขภาพที่ดีจิตใจดี และรู้จักการเอาตัวรอดและปฏิเสธยา เนื่องจากปัญหายาเสพติดคงยากที่จะหมดไปง่ายๆ

 

 



 

อีกหนึ่งตัวอย่าง น้องเตอร์ ที่ยังอยู่ในระหว่างการบำบัดรักษาตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมามีรุ่นพี่นักจิตวิทยา แนะนำให้มาบำบัดที่นี่ เตอร์บอก ผมใช้ยาจนชีวิตพัง แฟนทิ้ง การงานจบสิ้น ญาติพี่น้องตัดหางหมด เพราะเราสร้างปัญหาให้เค้า ก้าวแรกที่เข้ามาไม่คิดว่าที่นี่จะช่วยอะไรได้ แต่พออยู่ไปความคิดเปลี่ยน เพราะแม่อ้วนให้ความเชื่อกับผมว่าคนติดยาเสพติดสามารถเลิกมันได้ และวันนึงเมื่อร่างกายคืนสู่ภาวะปกติ สติกลับมา ผมรู้สึกเลยว่าที่นี่ใช่เลยสำหรับผม เลยมาช่วยงานด้านดนตรีและศิลปะ ซึ่งบ้านพระเมตตามีพี่ๆ ที่ผ่านการบำบัดแล้วเช่นพี่คัง เป็นต้นแบบที่ดีให้เราด้วย แม่อ้วนให้ชีวิตใหม่ผมและคำสอนของแม่อ้วนบอกไว้ “เมื่อเธอแข็งแรงแล้วต้องดูแลรุ่นน้องต่อไป เป็นวัฒนธรรมองค์กรเรื่องความไม่เห็นแก่ตัว” สำหรับแม่อ้วน ในความรู้สึกจากใจ “แม่อ้วนคือ My mom และ My hero.”

 

 



 

น้องฟิว วัย 19 ปี อีกหนึ่งคนที่เข้ามารับการบำบัด ที่บ้านพระเมตตา เป็นเวลา 2ปี7เดือน และมีความตั้งใจ จะกลับออกไปเพื่อสอบเข้า เป็นตำรวจ..ฟิวบอกว่า มาอยู่แรกๆไม่ยอมรับตัวเองว่าจะเลิกได้ หนีออกมา แต่ก็ตัดสินใจกลับมาใหม่ เตอร์ฝากข้อคิดให้ผู้ติดยาว่า “ต้องเข้าใจตนเองก่อน หากยังใช้ยาอยู่ ชีวิตก็จะวนอยู่ คือ ขาดสติ บ้างติดคุกหรือเป็นบ้า เลิกเถอะครับ มันดีกว่า อนาคตดีขึ้นแน่นอน แต่เราต้องกล้าหาญที่จะเปลี่ยนแปลง”

 

 

 


บ้านพระเมตตา เป็น สถานที่ปลุกความหวัง ให้ชีวิตใหม่ แก่ผู้ติดยาเสพติดและครอบครัว เปลี่ยนน้ำตาแห่งความเสียใจของพ่อแม่พวกเขาให้เป็นน้ำตาแห่งความสุขความดีใจ ที่ได้ลูกรักกลับมาอย่างมีคุณภาพชีวิต…แม่อ้วน ดอกไม้เหล็กบนดอยอินทนนท์ เธอได้รางวัลมากมายจากหน่วยงานรัฐและเอกชนจากการทำงาน แต่สิ่งสำคัญที่สุด“เธอใช้หัวใจของความเป็นแม่ ที่เปี่ยมด้วยความรัก ความเมตตา ปลุกความหวัง พลังศรัทธา บวกความกล้าหาญ และอดทน ดูแลทุกคนที่เข้ามาสู่บ้านหลังใหญ่นี้เหมือนลูกตัวเอง…”ผู้หญิงเก่งหัวใจแกร่ง..เปรียบนางฟ้า…ควรค่าจารึกบนแผ่นดินไทย…คือ…ผู้ให้…กราบหัวใจอันยิ่งใหญ่….แม่อ้วน…นางวันเพ็ญ อำนาจ กิติกร.”

 

 

 

 

 

 

 

บ้านพระเมตตา ศูนย์ฟื้นฟูชุมชนบำบัดภาคเหนือ ตั้งอยู่บนดอยอินทนนท์ อ.จอมทองจังหวัดเชียงใหม่ โทร 053 033637