พิพิธภัณฑ์พระพิฆเนศ…โอมศรีคเณสา ด้วยพลังศรัทธาก่อเกิดวิจิตรตระการตา ต้องมาสักครั้งหนึ่ง…ของชีวิต

พิพิธภัณฑ์พระพิฆเนศ…โอมศรีคเณสา ด้วยพลังศรัทธาก่อเกิดวิจิตรตระการตา ต้องมาสักครั้งหนึ่ง…ของชีวิต

 

 

CHANGE in-your-life เรื่อง : ปราริชาติ ปลื้มจิตต์ตระกูล

 

 

พิพิธภัณฑ์พระพิฆเนศโอมศรีคเณสา ด้วยพลังศรัทธาก่อเกิดวิจิตรตระการตา ต้องมาสักครั้งหนึ่งของชีวิต 
 
 

     พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ ตั้งอยู่ในจังหวัดเชียงใหม่บนเนื้อที่กว่า 20 ไร่ เกือบจะ 20 ปีแล้วตั้งแต่ปี ..2547 โดย ผู้ก่อตั้งและเจ้าของมีความตั้งใจเพื่อให้เป็นศูนย์ศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับผู้ที่รักและศรัทธาในองค์พระพิฆเนศอย่างถูกต้อง โดยเปิดให้ผู้คนได้เข้าชมฟรีในทุกๆวัน

 

 

 

     คุณไม้หรือคุณปัณฑร ทีรคานนท์ บอกเล่าถึงความ สนใจและศรัทธาในองค์พระพิฆเนศว่า ตั้งแต่ตนเองอายุ 19 ปี ได้รับพระพิฆเนศแบบกริ่งจากคุณพ่อและมีความสนใจสงสัยว่าส่วนใหญ่เทพในศาสนาฮินดูมักจะมีรูปร่างหน้าตาที่สวยงามแต่องค์พระพิฆเนศท่านมีลักษณะใบหน้าเป็นรูปช้างน่าจะมีอะไรพิเศษกว่าเทพรูปอื่นจึงศึกษาและค้นคว้าสะสมพระพิฆเนศในหลายหลายปาง เพื่อนฝูงมาขอชมบอกกันปากต่อปากทำให้เกิดความคิดที่จะเผยแพร่เป็นวิทยาทานสำหรับผู้ที่ศรัทธาเช่นกัน จึงเป็นที่มาของการก่อสร้างพิพิธภัณฑ์พระพิฆเนศในอำเภอจอมทองจังหวัดเชียงใหม่เส้นทางที่จะมุ่งหน้าสู่ดอยอินทนนท์

 

     คุณไม้บอกว่าพิพิธภัณฑ์พระพิฆเนศด้วยความรักและศรัทธาตนเองได้สะสมพระพิฆเนศในปากต่างๆ

ในโซนเอเชียตะวันออกเฉันว่าใต้ซึ่งบางองค์หาชมไม่ได้แล้วต้องมาที่นี่ โดยมุ่งเน้นให้คนมาศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับองค์พระพิฆเนศ ส่วนในเรื่องของความศักดิ์สิทธิ์หรือความศรัทธา เป็นเรื่องปลีกย่อยเราเน้นเรื่องประติมากรรมการสร้างแต่ละปางมากกว่า ผู้ที่เข้าชมส่วนใหญ่จะเป็นคนไทยแต่ชาวต่างชาติก็มีประมาณ 10% และที่นี่เป็นพิพิธภัณฑ์เฉพาะทางผู้ที่เข้ามาจะต้องสนใจจริงๆจะมาดูหม้อไหเก่าเก่าไม่มี เป็นเรื่องเกี่ยวกับองค์พระพิฆเนศและเทพทางฮินดูเพราะฉะนั้นคนที่เข้ามาส่วนใหญ่ 80 90% สนใจในองค์พระพิฆเนศอยู่แล้วในแง่ของศิลปะกรรม ปฏิมากรรมและพิธีกรรมซึงเขาสามารถมาศึกษาได้

 

      คุณไม้กล่าวเพิ่มเติมว่าส่วนใหญ่คนที่เข้ามามีความศรัทธาในองค์พระพิฆเนศเป็นหลักอยู่แล้วแต่เราจะเน้นเรื่องความถูกต้องไม่ใช่ความงมงายแม้แต่พิธีกรรมเราก็ศึกษามาจากอินเดียโดยตรงดังนั้นพิธีกรรมอาจจะไม่เหมือนวัดต่างๆและเราเป็นเอกชนพราหมณ์ของเราที่มีการเจิมให้กับผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชมก็บวชในประเทศอินเดีย

 

 

    ซึ่งพี่พิทพันธ์ของเราตั้งมาตั้งแต่ปี 2547 สำหรับผู้ที่จะเดินทางมาสามารถใช้เส้นทางทางหลวงหมายเลข 108 ที่นี่ห่างจากสนามบินเชียงใหม่สาม 15 กิโลสามารถเซิร์ชจากGoogle Maps ได้เพราะเป็นเส้นทางที่จะมุ่งหน้าสู่ดอยอินทนนท์โดยส่วนใหญ่คนที่เคยมาแล้วจะกลับมาอีก และ คนที่สนใจจริงๆอาจจะต้องใช้เวลาศึกษาทั้งวัน และที่นี่เรายังจำลองเทวาลัยที่มีในประเทศอินเดียมาไว้ในพิพิธภัณฑ์พระพิฆเนศเพื่อให้คนไทยได้เยี่ยมชมและศึกษาโดยที่ไม่ต้องเดินทางไปประเทศอินเดียอีกด้วย

 

     หากจะถามประสบการณ์แนวปาฏิหาริย์เกี่ยวกับองค์พระพิฆเนศก็มีมากมายแต่เราไม่ต้องการนำเสนอในส่วนนั้นเราอยากให้คนที่เข้ามาได้ศึกษาเกี่ยวกับองค์พระพิฆเนศและพิธีกรรมอย่างถูกต้องมากกว่าเพราะศรัทธาและความงมงายมันอยู่ติดกันแค่หน้ามือกับหลังมือเท่านั้น ทุกคนมีศรัทธาอยู่แล้วแต่ถ้าศรัทธาอย่างมีสติก็จะไม่เรียกว่างมงายแต่ถ้างมงายแล้วก็จะหลงประเด็นไป ทุกอย่างจะเพี้ยนไปหมด

 

     ส่วนสำหรับคนที่ท้อแท้ซึ่งเขาต้องการหาที่พึ่งอยู่แล้ว แต่เมื่อเข้ามาแล้วผมมีความตั้งใจอยากจะให้ศึกษามากกว่า ยกตัวอย่างเช่นไม่มีเงินมา.ถูกขอพรแล้วจะเนรมิตเงินให้มีเลยคงเป็นไปไม่ได้ทั้งหมดขึ้นอยู่กับความเป็นจริงตามหลักการเป็นไปไม่ได้ส่วนน้อยอย่างเช่นคุณเสียงซิมซีอาจจะมีสักคนที่ถูกเป็นสถิติที่เราไม่ชี้แนะในจุดนั้นคนที่มีความท้อแท้ให้มาศึกษาเกี่ยวกับองค์พระพิฆเนศต้องทำอย่างไรปฏิบัติทุกอย่างต้องใช้เวลาและปฏิบัติจริงด้วย และมีความพยายาม

 

 

 

     พิพิธภัณฑ์พระพิฆเนศเปิดให้ผู้คนเข้าชมฟรีในทุกๆวันไม่มีวันหยุดตั้งแต่เวลา09:00 ถึง 17:00 ซึ่งหากมีคนมองว่าเรามีผลประโยชน์แอบแฝงในทางธุรกิจนั้นผมคงต้องบอกว่าผมก็คงต้องเก็บเงินค่าเข้าชมตั้งแต่หน้าประตูแล้วและผมห้ามความคิดใครไม่ได้ 

 

 

     คุณไม้เจ้าของพิพิธภัณฑ์พระพิฆเนศได้ ให้ข้อคิด ไว้ว่า การกระทำของมนุษย์เรา ถ้าเราเป็นคนดี ผมเชื่อว่าเราจะอยู่ในสายตาของเทพพรหมเหมือนกับว่าเวลาเราป่วยมากๆหมอจะฉีดมอร์ฟีนแก้ปวดให้ ก็เหมือนกับเราศรัทธาและรักในองค์พระพิฆเนศเวลาเราทุกข์เราจะมีทางออก ผมขอเชิญทุกท่านที่สนใจ รักและศรัทธา มาเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์พระพิฆเนศได้ฟรี ซึ่งสถานที่ของเราตั้งอยู่ในจังหวัดเชียงใหม่อำเภอจอมทองบนทางหลวง 108 หลักกิโลเมตรที่35 หากมาจากสนามบินเชียงใหม่ มุ่งสู่ดอยอินทนนท์ และผมยืนยันว่าจะส่งต่อสถานที่แห่งนี้ให้ลูกหลานสืบสานเพื่อเป็นศูนย์การศึกษาศูนย์รวมสำหรับทุกท่านที่รัก และศรัทธาเชื่อมั่นในบารมี ต่อไปโอมศรีคะเณสายะนะมะฮา.

 

 

 

    ส่วนทางด้านพิธีกรรมที่มีประกอบตามพิธีกรรมของศาสนาฮินดูพิพิธภัณฑ์พระพิฆเนศจะมีพราหมณ์ชื่อคุณราเกรซซึ่งได้ไปบวชที่ประเทศอินเดียและศึกษาพฤติกรรมอย่างถูกต้องเป็นผู้ที่เจิมหน้าผากให้กับผู้ที่รักและศรัทธาที่เข้ามาเยี่ยมชม โดยการเจิมหน้าผากประกอบกับของไหว้ตามความเชื่อทางศาสนาฮินดู พราหมณ์ราเกรซบอกว่า การเจิมหน้าผากเป็นการรับพร จากองค์เทพ ซึ่งแบ่งตามสีหากเป็นสีแดงคือพระแม่ลักษมี ส่วนสีส้มเป็นขององค์พระพิฆเนศ และสีเหลืองเป็นขององค์พระนารายณ์ตามที่พราหมณ์ได้ศึกษามาซี่งทั้งหมด คือการเติมพลังใจให้กับบุคคลที่รักและศรัทธาในเทพแต่ละองค์.