ธ.ก.ส. ขับเคลื่อนการพัฒนาชนบทที่ยั่งยืนผ่านกลไก Essence of Agriculture
ธ.ก.ส. ขับเคลื่อนการพัฒนาชนบทที่ยั่งยืนผ่านกลไก Essence of Agriculture ยกระดับประสิทธิภาพการผลิตและเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร สร้างรายได้อย่างยั่งยืนให้เกษตรกรไทย
ธ.ก.ส. เดินหน้ายกระดับเกษตรกรไทยทุกมิติ ภายใต้วิสัยทัศน์ “ธนาคารพัฒนาชนบทที่ยั่งยืน” ด้วยกลไกแกนกลางการเกษตร ที่มุ่งส่งเสริมและยกระดับศักยภาพเกษตรกร ผู้ประกอบการเกษตร วิสาหกิจชุมชนและสหกรณ์การเกษตรทั่วประเทศ ทั้งในด้านองค์ความรู้ เทคโนโลยี นวัตกรรม การตลาด และการสร้างมูลค่าเพิ่มผลิตภัณฑ์ เผยความสำเร็จจากข้าวพร้อมทานตรา “อุ่นอิ่ม” จาก สกต.ร้อยเอ็ด ต้นแบบการยกระดับผลิตภัณฑ์จากผลผลิตข้าวสารของสมาชิกสู่การเป็นข้าวพร้อมทานคุณภาพสูง ที่เชื่อมโยงการผลิต การแปรรูป เทคโนโลยีและนวัตกรรม และการตลาด เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มผลิตภัณฑ์ ไปสู่การยกระดับรายได้ให้เกษตรกรในพื้นที่อย่างยั่งยืน ซึ่งสามารถสร้างรายได้จากยอดขายรวมไปแล้วกว่า 1.8 ล้านบาท จากปริมาณการผลิตข้าวรวมกว่า 40,000 ถ้วย ในระยะเวลาเพียง 8 เดือน
นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กล่าวว่า ธ.ก.ส. ในฐานะสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐที่มีวิสัยทัศน์ในการเป็น “ธนาคารพัฒนาชนบทที่ยั่งยืน” พร้อมเดินหน้าเพิ่มศักยภาพและยกระดับรายได้เกษตรกร ผู้ประกอบการเกษตร วิสาหกิจชุมชน และสหกรณ์การเกษตรทั่วประเทศ ตามแนวทางในการเป็นแกนกลางการเกษตร (Essence of Agriculture) ด้วยการสนับสนุนองค์ความรู้ทั้งด้านการผลิต เทคโนโลยี นวัตกรรม และการตลาด ควบคู่ไปกับการเชื่อมโยงการผลิตและการตลาดตลอดห่วงโซ่ ภายใต้แผนยกระดับผลิตภัณฑ์ของเกษตรกรด้วยแนวคิด ‘ทำน้อยได้มาก’ เช่น การสร้างภาพลักษณ์ที่ทันสมัยให้กับผลผลิตทางการเกษตรด้วยการ Repackage และ Redesign พัฒนาและยกระดับสินค้าของลูกค้าเพื่อสร้างแบรนด์ชุมชนไปสู่การเป็นสินค้าเกษตรมูลค่าสูง (Glam Agro)เพื่อตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภคยุคใหม่ที่ต้องการสินค้าที่น่าสนใจ มีคุณภาพ แปลกใหม่ และนำไปสู่การสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรได้อย่างยั่งยืน รวมถึงการขยายโอกาสทางธุรกิจให้กับสถาบันเกษตรกรและสหกรณ์การเกษตรในการจับคู่ธุรกิจ (Business Matching) เพื่อจำหน่ายสินค้าผ่านเครือข่ายพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศ
นอกจากนี้ ธ.ก.ส. ยังเพิ่มช่องทางจำหน่ายสินค้าให้กับเกษตรกรลูกค้าของธนาคารผ่าน BAAC branch Outlet ที่สาขาของ ธ.ก.ส. กว่า 387 สาขาทั่วประเทศ ซึ่งในปีบัญชี 2567 (1 เมษายน 2567 – 31 มีนาคม 2568) มียอดจำหน่ายรวมสูงสุดถึง 9.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีบัญชี 2566 ที่มียอดจำหน่ายรวมทั่วประเทศ 2.1 ล้านบาท เนื่องจากมีจำนวนสาขาธนาคารที่เป็น BAAC branch Outlet เพิ่มขึ้นทุกปี
โดยในปีบัญชี 2567 ที่ผ่านมามีจำนวน BAAC branch Outlet เพิ่มขึ้นจากปีบัญชี 2566 กว่า 236 สาขา รวมเป็น 387 สาขา พร้อมตั้งเป้าหมายปีบัญชี 2568 เดินหน้าเพิ่มสาขา BAAC branch Outlet อีก 300 สาขา รวมทั้งหมดกว่า 600 สาขาทั่วประเทศ และสามารถสร้างยอดขายรวมที่ 12 ล้านบาท รวมถึงการจัดทำโครงการBAAC Outlet Mobile ซึ่งเป็นการเปิดจำหน่ายสินค้าในรูปแบบออกบูธนอกสถานที่ เช่น ลานกิจกรรมในศูนย์การค้า ตลาดนัด อาคารสำนักงาน ทั้งภาครัฐ และเอกชน เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์สินค้าของเกษตรกรลูกค้า ธ.ก.ส. ได้สะดวกมากยิ่งขึ้น