เอสซีจี ปักธงสร้างสังคม Net Zero ด้วยนวัตกรรมกรีน

มุ่งสู่องค์กรคล่องตัว-เปิดพื้นที่ปล่อยแสง-เสิร์ฟโซลูชันลูกค้าฉับไวยิ่งขึ้น

 

กรุงเทพฯ : 15 กุมภาพันธ์ 2567 – เอสซีจี เผยภารกิจก้าวต่อไป โดยกรรมการผู้จัดการใหญ่คนล่าสุด ย้ำเดินหน้า สร้างสังคม Net Zero ให้เติบโตอย่างยั่งยืน แก้วิกฤตโลกเดือด มุ่งสู่ยอดขายนวัตกรรมกรีน ร้อยละ 67 ในปี 2573 พร้อมตอบโจทย์ลูกค้ารวดเร็วและหลากหลายทั้งอาเซียนและโลก ด้วยแนวคิด ‘Passion for Inclusive Green Growth’ ผ่าน 4 เครื่องยนต์หลักขับเคลื่อนองค์กร 1) องค์กรคล่องตัว 2) นวัตกรรมกรีน 3) องค์กรแห่งโอกาส 4) ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง

นายธรรมศักดิ์ เศรษฐอุดม กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี คนล่าสุด ดำรงตำแหน่งเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2567 แถลงทิศทางและความมุ่งมั่นของธุรกิจว่า “อุณหภูมิเฉลี่ยทั่วโลกเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง สภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงอย่างมาก กระทบรุนแรงต่อสิ่งแวดล้อม การดำรงชีวิตของผู้คน และเศรษฐกิจโลก การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) จึงเป็นภารกิจที่ทุกคนต้องเร่งมือ ซึ่งสอดคล้องกับเมกะเทรนด์โลกที่ผู้บริโภคต่างต้องการสินค้า บริการ โซลูชันที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและช่วยกู้โลกเดือด จึงนำมาสู่โจทย์หลักของเอสซีจีต่อจากนี้ ที่จะมุ่งสร้างสังคม Net Zero ให้เติบโตอย่างยั่งยืน ด้วยนวัตกรรมกรีน โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง หรือแนวคิด ‘Passion for Inclusive Green Growth’ ผ่าน 4 เครื่องยนต์หลัก ประกอบด้วย  

1) องค์กรคล่องตัว ยืดหยุ่น (Agile Organization) ทรานส์ฟอร์มโครงสร้าง สร้างความคล่องตัว ดันธุรกิจใหม่ที่มีศักยภาพเติบโตสูง เพื่อขยายขีดความสามารถของแต่ละธุรกิจให้พร้อมตอบสนองความต้องการของลูกค้ายุคใหม่ที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาได้อย่างทันท่วงที และความผันผวนของสถานการณ์โลก ประกอบด้วยธุรกิจ ‘เอสซีจี ซีเมนต์แอนด์กรีนโซลูชัน’ ธุรกิจวัสดุและโซลูชันก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ‘เอสซีจี สมาร์ทลีฟวิง’ ธุรกิจนวัตกรรมวัสดุก่อสร้าง และโซลูชันเพื่อการอยู่อาศัยที่ดีกว่า ‘เอสซีจี ดิสทริบิวชั่น แอนด์ รีเทล’ ธุรกิจจัดจำหน่ายวัสดุก่อสร้างและโซลูชันเพื่อการอยู่อาศัยระดับอาเซียน ‘เอสซีจี เคมิคอลส์ หรือ SCGC’ ผู้นำตลาดเคมีภัณฑ์ครบวงจรระดับภูมิภาค ซึ่งมุ่งเติบโตทางธุรกิจควบคู่กับความยั่งยืน ‘เอสซีจี คลีนเนอร์ยี่’ ธุรกิจพลังงานสะอาดครบวงจรที่กำลังขยายไปในอาเซียน โดยก่อนหน้านี้ได้ผลักดันธุรกิจในเอสซีจีที่มีศักยภาพสูง เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ไปแล้วอย่าง ‘บริษัทเอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP’ ผู้นำบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจรในภูมิภาคอาเซียน ‘บริษัทเอสซีจี เจดับเบิ้ลยูดีโลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCGJWD’  ผู้ให้บริการโลจิสติกส์และซัพพลายเชนครบวงจรรายใหญ่สุดในอาเซียน และ ‘บริษัทเอสซีจี เดคคอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCGD’ ผู้นำธุรกิจตกแต่งพื้นผิวและสุขภัณฑ์ครบวงจรระดับอาเซียน นอกจากนั้นยังมุ่งสร้างการเติบโตด้วย ‘การลงทุน (Investment & Holding)’ รวมทั้ง ‘เทคโนโลยีขั้นสูงและดิจิทัล (Deep Technology & Digital)’

2) นวัตกรรมกรีน (Green Innovations) เร่งพัฒนานวัตกรรม โซลูชันที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมซึ่งเป็นที่ต้องการสูงของตลาดโลก ให้ทุกคนมีส่วนร่วมสร้างสังคม Net Zero เช่น นวัตกรรมปูนคาร์บอนต่ำ สมาร์ทโซลูชันเพื่อการอยู่อาศัย พลาสติกรักษ์โลก บรรจุภัณฑ์ยั่งยืนที่ใช้ซ้ำ รีไซเคิลได้ พลังงานสะอาดครบวงจร พร้อมขยายเข้าสู่อุตสาหกรรมพลาสติกชีวภาพ อุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า ตลอดจนสร้างเครือข่ายความร่วมมือด้านการวิจัยระดับโลกเพื่อพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อความยั่งยืน อาทิ ‘Norner AS’ ศูนย์วิจัยและพัฒนาพลาสติก ประเทศนอร์เวย์ และ ‘มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด’ ประเทศอังกฤษ โดยตั้งเป้ารายได้จากนวัตกรรมรักษ์โลก SCG Green Choice ร้อยละ 67 จากยอดขายทั้งหมด ภายในปี 2573 พร้อมทั้งพัฒนากระบวนการผลิตคาร์บอนต่ำ ตามเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ในปี 2593 (Net Zero 2050) ปัจจุบันคืบหน้าตามแผน

3) องค์กรแห่งโอกาส สร้างความเป็นไปได้ใหม่ ๆ (Organization of Possibilities) เปิดโอกาสให้พนักงานปล่อยแสงสร้างสรรค์นวัตกรรมและธุรกิจใหม่ ๆ ผ่านโครงการสตาร์ทอัพในเอสซีจี อาทิ พัฒนาแพลตฟอร์มสั่งซื้อสินค้าออนไลน์  ‘Prompt Plus’ ยกระดับการบริหารจัดการต้นทุนและสต๊อกสินค้าให้แก่ร้านค้ารายย่อยกว่า 10,000 รายในเครือข่ายเอสซีจี การบ่มเพาะสตาร์ทอัพในโครงการ ZERO TO ONE by SCG สร้างโอกาสให้พนักงานก้าวสู่การเป็นผู้ประกอบการ ปั้นธุรกิจศักยภาพสูงมากมาย เช่น ‘Dezpax.com’ แพลตฟอร์มออนไลน์แพคเกจจิ้งครบวงจรรายแรกในไทย สำหรับธุรกิจร้านอาหาร ฟู้ดเดลิเวอรี่ และคาเฟ่ ในการสร้างแพคเกจจิ้งเป็นเอกลักษณ์ของตัวเองในจำนวนน้อย ราคาเหมาะสมกับ SMEs  ซึ่งเติบโตกว่าร้อยละ 300 ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา เป็นที่ยอมรับจากผู้ประกอบการกว่า 10,000 รายทั่วประเทศ และ ‘Urbanice’ แพลตฟอร์มสื่อสาร บริหารจัดการ สำหรับชุมชนที่อยู่อาศัยอย่างคอนโดมิเนียมและหมู่บ้าน เพื่อการอยู่อาศัยแบบสมาร์ท สะดวก และมีความสุข มีผู้ใช้งานกว่า 250,000 คน ใน 850 โครงการทั่วประเทศ ตลอดจนสนับสนุนให้พนักงานพัฒนาธุรกิจใหม่ ๆ ตอบเทรนด์อนาคต ซึ่งได้รับความสนใจจากนักลงทุนภายนอกเอสซีจี เช่น ‘NocNoc’ ศูนย์รวมสินค้าและบริการเรื่องบ้านออนไลน์ ที่กำลังขยายธุรกิจทั้งในไทยและอาเซียน    

4) ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง (Inclusive Society) ชวนทุกคนในห่วงโซ่คุณค่า (Supply Chain) เปลี่ยนผ่านสู่สังคมคาร์บอนต่ำไปพร้อมกัน ด้วยการผลักดัน ‘สระบุรีแซนด์บ็อกซ์ เมืองต้นแบบคาร์บอนต่ำแห่งแรกของไทย’ เพื่อเรียนรู้ปัจจัยความสำเร็จ ข้อจำกัดในการเปลี่ยนประเทศไทยสู่สังคมคาร์บอนต่ำ และส่งเสริม ‘การเกษตรคาร์บอนต่ำ’ เช่น การทำนาเปียกสลับแห้งและการปลูกพืชพลังงานอย่างหญ้าเนเปียร์ เพื่อใช้เป็นพลังงานทดแทน พร้อมทั้งสร้างเครือข่าย ‘Big Brothers for SMEs’ ใน จ.สระบุรี เพื่อส่งต่อความรู้ให้ผู้ประกอบการเปลี่ยนผ่านสู่สังคมคาร์บอนต่ำ ทั้งด้านพลังงานสะอาด นวัตกรรมรักษ์โลก การหาแหล่งเงินทุน ตลอดจน ‘พัฒนาทักษะอาชีพที่ตลาดต้องการ’ 50,000 คน ในปี 2573 ยกระดับแรงงานไทย มีอาชีพมั่นคง ลดเหลื่อมล้ำ เช่น ช่างติดตั้งและทำความสะอาดหลังคาโซลาร์ และนักเขียนแบบโดยใช้โปรแกรม BIM (Building Information Modelling) รวมทั้งจับมือกับชุมชน ‘ดูแลระบบนิเวศให้อุดมสมบูรณ์และรักษาความหลากหลายทางชีวภาพ’ ผ่านโครงการรักษ์ภูผามหานที มุ่งสู่เป้าหมายปลูกต้นไม้ 1.5 ล้านไร่ในปี 2593 ดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากกว่า 2 ล้านตันต่อปี ส่งต่อความยั่งยืนให้คนรุ่นต่อไป”

“เอสซีจี พร้อมนำความรู้ ความเชี่ยวชาญ เทคโนโลยี มาเร่งพัฒนานวัตกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และช่วยให้การใช้ชีวิตสะดวกสบาย ปลอดภัย ตอบรับกับไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ เพื่อให้ทุกคนทั้งอาเซียนและระดับโลกมีคุณภาพชีวิตที่ดีบนสังคม Net Zero” กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี ย้ำทิ้งท้าย

เกี่ยวกับ คุณธรรมศักดิ์ เศรษฐอุดม กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี คนที่ 12

คุณธรรมศักดิ์ เศรษฐอุดม กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี ดำรงตำแหน่งเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2567 ด้วยประสบการณ์มากกว่า 30 ปี ในธุรกิจและอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ จากการทำงานจริงในฐานะผู้บริหารระดับสูงของเอสซีจี เช่น รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ (ปี 2565-2566) ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่-การเงินและการลงทุน (ปี 2561-2564) และ General Director, บริษัท ลองเซิน ปิโตรเคมิคอลส์ จำกัด หรือ LSP ประเทศเวียดนาม (ปี 2555-2561)

คุณธรรมศักดิ์ มุ่งหาโอกาสใหม่ ๆ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนให้เอสซีจีอยู่เสมอ ตั้งแต่การผลักดันนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาปรับใช้ในการทำอีคอมเมิร์ซ (E-Commerce) ยุคแรกเริ่มของเอสซีจี การขับเคลื่อนโครงการ LSP ปิโตรเคมีครบวงจรแห่งแรกในประเทศเวียดนาม ตั้งแต่วันแรกจนดำเนินการก่อสร้างลุล่วงตามแผน นอกจากนั้น เมื่อวิกฤตโลกเดือดรุนแรงขึ้น การแสวงหาวิธีการใหม่ ๆ เพื่อร่วมกู้วิกฤตด้วยนวัตกรรมและโซลูชัน เป็นสิ่งที่คุณธรรมศักดิ์เดินหน้าอย่างต่อเนื่อง ควบคู่กับสร้างสังคม Net Zero ให้เติบโตอย่างยั่งยืน เช่น ส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาดในกระบวนการผลิต สนับสนุนการพัฒนานวัตกรรมรักษ์โลกในทุกกลุ่มธุรกิจ และผลักดันธุรกิจใหม่ SCG Cleanergy ให้ทุกคนเข้าถึงพลังงานสะอาดครบวงจรสะดวกยิ่งขึ้น รวมทั้งร่วมมือกับสตาร์ทอัพระดับโลก เช่น บริษัท Rondo Energy พัฒนานวัตกรรมแบตเตอรี่กักเก็บความร้อนจากพลังงานสะอาด  นอกจากนั้นยังมุ่งร่วมมือกับทุกภาคส่วนทั้งระดับภูมิภาคและนานาชาติ ให้เกิดการเปลี่ยนผ่านสู่สังคม Net Zero โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังอาทิ อาทิ ขับเคลื่อนความร่วมมือในงาน ESG Symposium ทั้งไทย และอาเซียน นอกจากนั้น ยังร่วมเป็นประธาน ‘ประชาคมผู้นำอาเซียนเพื่อการเปลี่ยนผ่านพลังงานอย่างเท่าเทียม (The ASEAN’s Leaders for Just Energy Transition)’ ในสภาเศรษฐกิจโลก (World Economic Forum)

คุณธรรมศักดิ์ เศรษฐอุดม สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมไฟฟ้า จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระดับปริญญาโท MBA London Business School ประเทศอังกฤษ และ Advanced Management Program (AMP) Harvard Business School ประเทศสหรัฐอเมริกา

ข้อมูลเพิ่มเติม www.scg.com

SCG Leads the Way to Create Net Zero Society with Green Innovations,

Advancing Towards Agile Organization, Opening Spaces for Innovations, Swiftly Serving Solutions

Bangkok, February 15, 2024 – SCG has revealed its next steps in a mission outlined by its latest President & Chief Executive Officer, emphasizing the transition towards a Net Zero society with sustainable growth to counteract the climate crisis. SCG has set its goal to achieve 67% of its sales from green innovations by 2030, ready to swiftly and diversely meet customer needs across ASEAN and globally with the concept “Passion for Inclusive Green Growth” through four main engines: 1) Agile Organization, 2) Green Innovations, 3) Organization of Possibilities, and 4) Inclusive Society.

Thammasak Sethaudom, the latest President & Chief Executive Officer of SCG, who assumed his position on January 1, 2024, has announced the business's direction and purpose, stating, "The global average temperature is continuously rising, significantly impacting the climate, the environment, people's lives, and the global economy. Therefore, achieving net-zero greenhouse gas emissions is an urgent mission for everyone, aligning with the global megatrend where consumers increasingly demand green products, services, and solutions to help mitigate climate crisis. This leads to SCG’s primary challenge moving forward to create a Net Zero Society with sustainable growth through green innovations, ensuring that no one is left behind or the concept “Passion for Inclusive Green Growth.” There are four key drivers propelling us towards this goal.

1) Agile Organization to foster business agility and growth by transforming its structure to enhance agility. This transformation is designed to propel new businesses with high growth potential and expand the capabilities of each business to respond promptly to the ever-changing needs of customers and the volatility of the global situation. Examples include businesses such as 'SCG Cement and Green Solutions,' which focuses on green construction materials and solutions; 'SCG Smart Living,' a business innovating in construction materials and solutions for better living; 'SCG Distribution and Retail,' a business distributing construction materials and residential solutions across ASEAN; 'SCG Chemicals or SCGC,’ a regional market leader in the chemical business committed to fostering business growth alongside sustainability; 'SCG Cleanergy,' an end-to-end clean energy business expanding across ASEAN. Previously, SCG has successfully listed high-potential businesses on the stock market, including 'SCG Packaging Public Company Limited (SCGP),' a total packaging solutions provider in ASEAN; 'SCGJWD Logistics Public Company Limited (SCGJWD),' the largest integrated logistics and supply chains solutions provide in  ASEAN; and 'SCG Decor Public Company Limited (SCGD),' the leader in decor surfaces and bathroom business in ASEAN. Furthermore, it is committed to building growth through ‘Investment & Holding’ and 'Deep Technology & Digital.'

2) Green Innovations to accelerate the development of green innovations that are highly sought after in the global market, allowing everyone to participate in creating a Net Zero Society. Such innovations include Low Carbon Cement, smart living solutions, green polymers, sustainable packaging solutions that are reusable and recyclable, end-to-end clean energy solutions, expansions into the bioplastics industry, and the electric vehicle manufacturing industry. Additionally, SCG is establishing a global research collaboration network to develop innovations and technologies for sustainability, including partnerships with Norner AS, a plastics research and development center in Norway, and the University of Oxford in the United Kingdom. SCG aims to achieve 67% of its revenue from green innovations, SCG Green Choice, by 2030, while also developing low-carbon manufacturing processes to achieve net-zero greenhouse gas emissions by 2050, which is progressing as planned.

3) Organization of Possibilities to provide employees with the opportunity to excel by creating innovations and new businesses through SCG's startup program. This includes developing online product ordering platforms like 'Prompt Plus,' which enhances cost management and stock inventory for over 10,000 retail stores within the SCG network. Moreover, The incubation of startups in the ZERO TO ONE by SCG project is opening pathways for employees to become entrepreneurs and spawning numerous high-potential businesses. For example, 'Dezpax.com' is Thailand's first comprehensive online packaging platform for restaurants, food delivery services, and cafes, offering custom packaging in small quantities at prices suitable for SMEs. It has grown by more than 300% in the past three years, gaining recognition from over 10,000 operators nationwide. Another example is 'Urbanice,' a communication and management platform for residential communities like condominiums and villages, facilitating smart, convenient, and happy living for over 250,000 users from more than 850 projects across the country. Additionally, it encourages employees to develop new businesses that respond to future trends, attracting interest from investors outside of SCG, such as 'NocNoc,' an online hub for home products and services, which is expanding its business in Thailand and ASEAN.

4) Inclusive Society to invite everyone in the supply chain to transition together towards a low-carbon society by promoting the 'Saraburi Sandbox, Thailand’s first low-carbon model city,' to understand the success factors and limitations in transitioning Thailand into a low-carbon society. This initiative promotes 'low-carbon agriculture,' such as practicing alternate wetting and drying in paddy fields and planting Napier grass, an energy crops for renewable energy use. Furthermore, SCG is creating a 'Big Brothers for SMEs' network in Saraburi Province to share knowledge with entrepreneurs on transitioning to a low-carbon society, covering clean energy, green innovations, and seeking funding sources. This includes 'developing in-demand professional skills' where SCG aims to support 50,000 individuals by 2030 to enhance Thai labor skills for secure employment and reduce inequality, including for solar roof installation and maintenance handymen and draftsmen using Building Information Modeling (BIM) software. In addition, SCG collaborates with communities to 'preserve rich ecosystems and biodiversity' through projects like the Conserving Environments from the Mountain through the Sea, aiming to plant 1.5 million rai of trees by 2050, which will absorb more than 2 million tons of carbon dioxide per year, passing on sustainability to future generations.”

"SCG is committed to leveraging its knowledge, expertise, and technology to accelerate the development of green innovations that reduce greenhouse gas emissions and facilitate convenient, safe living in response to modern lifestyles to ensure that everyone, both in ASEAN and globally, can enjoy a high quality of life in a Net Zero society," President & Chief Executive Officer of SCG concluded.

About Thammasak Sethaudom, the 12th President & Chief Executive Officer of SCG

Thammasak Sethaudom assumed the position as President & Chief Executive Officer of SCG on January 1, 2024. With over 30 years of experience in large business and industry sectors, his background includes significant roles within SCG, such as Executive Vice President of SCG (2022-2023), Vice President - Finance and Investment (2018-2021), and General Director of Long Son Petrochemicals Company Limited in Vietnam (2012-2021).

Thammasak has consistently sought new opportunities to foster sustainable growth for SCG. This includes pushing the adoption of digital technologies for SCG’s initial foray into E-Commerce, driving the first petrochemical complex project in Vietnam, Long Son Petrochemicals or LSP, from its inception to successful completion as planned. As the climate crisis intensifies, seeking new ways to address the crisis through innovations and solutions has been a continuous effort for Thammasak, alongside driving a Net Zero society with sustainable growth. This involves promoting the use of clean energy in manufacturing processes, supporting the development of green innovations across all business units, and advancing the new venture, SCG Cleanergy, to make end-to-end clean energy more accessible to everyone. In addition, he has collaborated with global startups such as Rondo Energy to develop innovations in heat storage batteries using clean energy. Furthermore, he is committed to collaborating with all sectors, both regionally and internationally, to facilitate the transition to a Net Zero society without leaving anyone behind. This includes driving collaborations at the ESG Symposium in Thailand and ASEAN and co-chairing 'The ASEAN’s Leaders for Just Energy Transition' at the World Economic Forum.

Thammasak Sethaudom graduated with a bachelor's degree in Electrical Engineering from Chulalongkorn University, holds an MBA from London Business School, United Kingdom, and has completed the Advanced Management Program (AMP) at Harvard Business School, USA.

For more information, please visit www.scg.com.