SCG เดินหน้าสู่ ...นวัตกรรมแห่งอนาคต เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจ NET ZERO

SCG เดินหน้าสู่ ...นวัตกรรมแห่งอนาคต เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจ NET ZERO

 

                                

 

SCG เดินหน้าสู่ ...นวัตกรรมแห่งอนาคต  

เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจ  NET ZERO  

 

 

ตลอด 100 ปี ที่ SCG มุ่งมั่นสู่การเป็นผู้นำด้านการสร้างสรรค์นวัตกรรม บนแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน ด้วยการ เปลี่ยนแปลง เปิดรับความร่วมมือและท้าทายตัวเอง เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นให้แก่ผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม ทั้งลูกค้า พนักงาน คู่ธุรกิจ ชุมชน และสังคม พร้อมกับ ฟื้นฟูความอุดมสมบูรณ์ให้แก่ทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อันเป็นรากฐานสำคัญ ของสังคมที่ยั่งยืน 

วันนี้จึงอยากให้ทุกภาคส่วนมาร่วมสร้างประสบการณ์และเดินทางสู่อนาคตไปด้วยกัน ในงาน SCG : The Next Chapter Exposition  พร้อมคุย - คิด กับคนจริง - ครีเอท โซลูชันแห่งอนาคตร่วมอัปเดตเทรนด์กับเหล่า Speakers หลาก Generations จากหลายธุรกิจในเวที “TALK ON STAGE คุย - คิด กับคนจริง - ครีเอท โซลูชันแห่งอนาคต” ที่พร้อมเปลี่ยนโลกที่อยู่ยาก ให้เป็นโลกที่อยู่ง่าย และร่วมหาคำตอบในเรื่อง Innovation & Technology for Better Living & Better World และ Green Mission ภารกิจสีเขียว ณ เอสซีจี สำนักงานใหญ่ บางซื่อ 

 

 

มุ่งเน้นร่วมสร้าง  NET ZERO Carbon Emissions 

นาย อัครพงศ์ พรหมศร Corporate Innovation office ตัวแทนจาก SCG กล่าวในส่วนของ Innovation Towards net zero ผ่านมุมมองนวัตกรรม และการลงทุนว่า  NET ZERO หรือการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ โดยการสร้างสมดุลให้กับสภาพภูมิอากาศของโลก ด้วยวิธีการ “จำกัด” และ “กำจัด”  หลายๆคนที่อยู่ในแวดวงอุตสาหกรรมก็จะคุ้นเคยกับ NET ZERO อยู่แล้ว  เพราะ NET ZERO มีส่วนสำคัญที่จะส่งผลกระทบกับ Better Living & Better World  อย่างมาก เนื่องจากปัจจุบันโลกของเราเผชิญอยู่กับ โลกร้อน คือ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) ทำให้น้ำแข็งขั้วโลกเหนือละลาย ส่งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตอื่นๆทั่วโลก หากปัญหานี้ไม่ได้รับแก้ไขก็จะทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ  SCG จึงได้ร่วมมือกันในการแก้ไขต้นต่อของ Climate Change ที่เรียกว่า ก๊าซเรือนกระจก หรือ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ที่จะปรับให้การปล่อยก๊าซเหล่านี้ให้เป็นศูนย์ ที่เรียกว่า NET ZERO Carbon Emissions ภายในปี 2050 หรืออีก 30 ปีข้างหน้า  

 

“ใจความสำคัญง่ายๆ เส้นทางเดินสู่ NET ZERO สิ่งที่สำคัญก็คือ การที่เราจะต้องมุ่งเน้นการสร้าง  Business IMPACT จากเทคโนโลยีที่เรารู้จัก เพื่อให้เกิดผลประโยชน์มากที่สุด ในการเลือกใช้เทคโนโลยีที่เข้ากับบริบทธุรกิจและอุตสากรรม  ในขณะเดียวกันเราจะต้องไม่ลืมที่จะ Keep an eye open for opportunity คอยศึกษาและเฝ้าดูเทคโนโลยีใหม่ๆที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นด้านของ DEP Tech หรือ ดิจิทัล หรือเป็น Business model innovation ที่เกิดขึ้นตามเส้นทางของวิวัฒนาการตลาดคาร์บอน (Carbon Market) ทั้งนี้ เพื่อให้เราไม่พลาดโอกาส และสามารถที่จะได้เพิ่มโอกาสที่จะก้าวสู่  NET ZERO ได้เร็วขึ้น”  

 

 

HEAT BATTERY ช่วยต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับการผลิต Clean energy  

ในขณะที่ นายพัทธพล เกษมธนกุล ทีม DEP Technology ของ SCG  กล่าวถึง HEAT BATTERY solution for decarbonizing heavy industries ว่า  HEAT BATTERY เทคโนโลยีตัวนี้จะเข้ามาช่วยในเรื่องของการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของภาคอุตสาหกรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพทั้งภายในของอุตสาหกรรมของ SCG เองด้วย และอุตสาหกรรมภายนอก เพราะภาพที่เราเห็นการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จะเป็นโรงงานขนาดใหญ่ที่มีควันพวยพุ่งออกมาเยอะแยะเลย แล้วควันพวกนี้ก็มาจากพลังงานที่อุตสาหกรรมต้องใช้ในการที่ผลิตภัณฑ์ที่เราต้องการ ไม่ว่าจะเป็น ซีเมนต์ เหล็ก หรือพลาสติกต่างๆ แล้วลักษณะของพลังงานที่ใช้ในอุตสาหกรรมเหล่านี้ก็จะเป็นพวกพลังงานความร้อนที่มาจากเผาไหม้ของพวกฟอสซิลฟิว อาทิ ออย แก๊ส ถ่ายหินต่างๆ พวกก็เป็นแหล่งของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เกิดขึ้นมาแล้วมีการปล่อยออกมาทั้งโลกประมาณ 40,000 ล้านตันต่อปี  

HEAT BATTERY ชาร์ตไปที่ BATTERY ก็จะเกิดความร้อน จากที่เราจะเก็บเป็นไฟฟ้าเราก็จะเก็บเป็นความร้อน แล้วเราก็จ่ายไปให้กับทางอุตสาหกรรมเป็นความร้อนเหมือนกัน  การเก็บความร้อนก็มีหลายทางเลือกที่เราเก็บพลังงานความร้อนเหล่านี้ ไม่ว่าเป็นหิน หรือการใช้ทรายที่จะเก็บความร้อนได้ดี แล้วเราก็จะนำลมไปแลกเปลี่ยนที่จะเราจะต้องการพลังงานความร้อน แต่ก็มีผลเสียแตกต่างกันไป เพราะเราควบคุมคุณภาพของมันไม่ได้ จึงเป็นทางเลือกที่ไม่ได้แก้ปัญหาได้      แต่สิ่งที่เรากำลังศึกษาอยู่คือ ตัวอิฐทนไฟ   ตัว HEAT BATTERY น่าจะได้เข้ามาช่วยต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับการผลิต Clean energy ของ SCGเอง” 

 

 

Digital Twin เทคโนโลยีฝาแฝดดิจิตอลเปลี่ยนโลก 

อย่างไรก็ตามมุมมองของ ดร.จิรวัฒน์ ตั้งปณิธานนท์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ควอนตัม เทคโนโลยี ฟาวเดชั่น (ประเทศไทย) จำกัดหรือ QFTF กล่าวเสริมว่า “ที่ผ่านมาผมก็ได้ร่วมงานกับ SCG ในหลายๆโครงการ ตัวอย่างเช่น โรงงานต้องการไฟฟ้าที่สะอาด แต่ไฟฟ้านั้นก็อาจไม่จำเป็นต้องมาจากโรงไฟฟ้าอย่างเดียว เพราะไฟอาจมาจากบ้านคนที่ติดโซล่าเซลล์ บางโรงงานก็ต้องลดการซื้อไฟฟ้าจากโรงผลิตไฟฟ้า  แล้วเพื่อให้การขนส่งด้วยรถ EV เหมือนที่ CPAP ได้เปิดตัวนวัตกรรมรถโม่พลังงานไฟฟ้า (EV Mixer Truck) มาใช้ในการขนส่งคอนกรีตด้วยพลังงานสะอาด ลดมลพิษและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม 

 

“ถามว่า ควอนตัม มาเกี่ยวอะไร ควอนตัม ก็คือผู้ที่เชี่ยวชาญจะมาสร้างให้เกิดดิจิตอล ทวิน  (Digital Twin) คือ แบบจำลองเสมือนของวัตถุทางกายภาพที่ถูกสร้างขึ้นจากการบูรณาการเทคโนโลยีหลายอย่าง ตรงนี้ผมขอใช้คำว่า Digital Twin for Collective Intelligence ที่แปลว่าจะมีภาพของผู้ที่เกี่ยวข้องเต็มไปหมด แต่ละทีมแน่นอนว่ามีประสบการณ์ในการทำงานแต่ละภาพส่วนของตนเอง แต่ถ้าจะทำให้ทุกส่วนกลายเป็นเนื้อเดียวกันหรือแบรนด์เดียวกันได้ ตรงนี้เป็นภาพที่ผมวาดไว้หรืออาจจะผิดหมดเลยเหมือนที่บิลเกตส์วาดไว้ในอนาคต ตรงนี้ภาพของ ควอนตัม เทคโนโลยี ฟาวเดชั่น  ที่ผมจะผลักดันไปสู่ NEXTSTER ร่วมกับทาง SCG ต่อไป ที่จะทำให้เกิดเทคโนโลยีใหม่ๆที่จะเกิดขึ้นในประเทสไทย” 

 

 
 

 

หากว่ากันไปแล้ว เหตุการณ์ที่จะเกิดในทศวรรษหน้าในเรื่องของเทคโนโลยีที่ทันสมัย บางเรื่องได้เกิดขึ้นแล้ว และจะขยายตัวอย่างมากในอนาคต บางเรื่องมีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นในการพัฒนาภาคอุตสาหกรรมไทยได้อย่างยั่งยืน  เหมือนอย่างที่ SCG  ดำเนินการธุรกิจที่มั่นคง ให้ชุมชนน่าอยู่ เพื่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนนั่นเอง   

 

 

https://www.youtube.com/watch?v=s-tVyyXsfA0&t=1244s