นักปกครอง & พระเอกนักบู๊ นาท ภูวนัย คติสอนใจ เหนือฟ้ายังมีฟ้า

นักปกครอง & พระเอกนักบู๊ นาท ภูวนัย คติสอนใจ เหนือฟ้ายังมีฟ้า

 

 นิตยสาร เชนจ์ อินทู 
www.changeintomag.com

เรื่อง : สุทธิคุณ กองทอง 
ภาพ : อานนท์ คงสมบูรณ์ 
แต่งหน้า : บัณฑิต บุญมี 
สถานที่ : โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว 


นักปกครอง & พระเอกนักบู๊ นาท ภูวนัย คติสอนใจ เหนือฟ้ายังมีฟ้า 



ย้อนเวลากลับไปคุยกับพระเอกชื่อดังที่ทำงานบันเทิงควบคู่กับการทำหน้าที่นักปกครอง ย้ำนักแสดงที่ดีต้องมีทั้งพรสวรรค์และพรแสวง ชีวิตหลังเกษียณผันตัวเองไปเป็นชาวไร่ ทุกวันนี้มีความสุขกับการเลี้ยงนก ส่องพระ และยึดคำสอนของพ่อแม่ “เหนือฟ้ายังมีฟ้า” 


หากเอ่ยชื่อ เล็ก-อุดมพร คชหิรัญ อดีตรองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ หลายคนคงสงสัย แต่ถ้าบอกว่าเขาคือ นาท ภูวนัย ทุกคนคงไม่ลืมพระเอกเจ้าบทบาทที่มีผลงานการแสดงหลายร้อยเรื่อง เพื่อย้อนอดีตวันวานที่เคยโด่งดัง นิตยสาร เชนจ์ อินทู  จึงตามติดชีวิตของอดีตพระเอกคนดังที่ผันตัวเองไปเป็นชาวไร่ที่ จ.เพชรบูรณ์ 


/// นักปกครอง พระเอกดัง สู่ชาวไร่ 

ก่อนก้าวสู่การเป็นนักแสดงนั้นเป็นปีที่สอบปลัดอำเภอได้ จึงเป็นจังหวะที่มีการติดต่อให้เป็นพระเอกหนังเรื่อง “นายอำเภอใจเพชร” และได้รับบทเป็นนายอำเภอ ประจวบเหมาะกับบทบาทในชีวิตจริงอย่างพอดิบพอดี 

“ชีวิตเราเครียดกับการรับผิดชอบไม่ว่าจะเป็นด้านราชการหรือประชาชนก็ดี นับเป็นเวลา 30-40 ปี แต่พอมีโอกาสที่ไม่ต้องรับผิดชอบงานเหล่านั้นแล้วก็เป็นเวลาที่ได้พักผ่อน แต่ยังคงรับงานแสดงบ้าง ส่วนใหญ่เป็นละครของเพื่อนๆ มากกว่า รวมทั้งคนที่อยู่ในวงการแสดงคิดถึงก็เชิญให้ไปแสดงบ้าง ให้เล่นเป็นคุณปู่ คุณพ่อ ถ้าว่างมากๆ ชอบไปอยู่ที่ไร่กว่าสิบไร่ที่ จ.เพชรบูรณ์ ปลูกต้นไม้สารพัด ไม่ใช่ต้องปลูกมะขามหวาน แต่ปลูกทุกอย่างที่เราอยากจะปลูก ส่วนใหญ่เป็นผลไม้ไทยๆ ที่เคยได้ชิมตั้งแต่เป็นเด็ก เป็นการย้อนเวลากลับไปในอดีต พยายามทำให้เป็นไร่เพื่อครอบครัว ไม่ได้มุ่งหวังทำเป็นธุรกิจ ผมเน้นเกษตรผสมผสาน ให้เป็นที่พักผ่อนของครอบครัว” อดีตพระเอกนักบู๊บอกเล่าถึงชีวิตที่มีความสุขภายในไร่ของตัวเอง 

นอกจากใช้ชีวิตอยู่กับไร่เกษตรที่ตัวเองวาดฝันเอาไว้แล้วยังแบ่งเวลาไปเลี้ยงนกเขาชวาเพื่อฟังเสียง “สมัยเด็กๆ ผมชอบยิงนก พอโตขึ้นมารู้ว่ามันบาปเลยเลิกยิงแล้วมาเลี้ยงนกแทน ส่วนใหญ่เลี้ยงพวกนกเขาชวาเอาไว้แข่งขันบ้าง เลี้ยงนกขุนทองเอาไว้ให้พูดแก้เหงาบ้าง เลี้ยงนกนานาชนิดให้มันร้องเพลงตามเสียงเพลงที่เราเคยได้ยินเป็นความสุขชนิดหนึ่ง” 

ก่อนหน้านี้ยังชอบเล่นไก่ชน แต่มีสาเหตุที่ทำให้เลิกเล่นไปโดยปริยาย "ไก่ชนนี่เล่นมาก่อนเล่นนกอีก ผมเคยมีไก่เก่งๆ เยอะ พอคนถามหาเป็นไก่ของใคร เขาบอกกันมาว่า ไก่ไอ้นาท ไม่ชอบให้คนเรียกเราแบบนี้ แต่พอมาเล่นนกเขาชวา เวลามีคนถามถึงจะบอกกันสุภาพมากกว่าว่า นกคุณนาท หรือนกพี่นาท อีกอย่างเล่นไก่ชนมันบาปก็เลยเลิกเล่น" เล่าพลางหัวเราะชอบใจ 

นอกจากนี้งานอดิเรกที่ขาดไม่ได้คือการสะสมพระเครื่องที่เล่นมากว่า 40 ปีแล้ว เพราะพระเครื่องให้เรื่องราวประวัติศาสตร์ ทั้งศิลปะ ประเพณี ศาสนา ปรัชญา รวมทั้งปาฏิหาริย์ ทุกวันนี้ยังเป็นที่ปรึกษาให้งานประกวดพระเครื่องเป็นประจำ 

“การสะสมพระเครื่องทำให้ได้แลกเปลี่ยนความรู้กับเพื่อนฝูงว่าที่มาของพระเครื่องแต่ละองค์มาจากไหน เรามานั่งดูว่าทำไมพระองค์นี้ผู้คนถึงนิยมกัน นอกจากนี้การสะสมพระเครื่องยังเป็นวิทยาศาสตร์ ทำให้สังเกตว่าเขามีวิธีปลอมพระกันอย่างไร ส่วนไสยศาสตร์ก็ทำให้ได้ศึกษาเกี่ยวกับความเชื่อ ความศรัทธา เช่น ลูกผู้ชายต้องแขวนตะกรุด ยิงไม่เข้า ฟันไม่ออก ซึ่งก็เป็นความเชื่อ” แม้ชอบพระเครื่อง แต่ก็ไม่เคยทิ้งหลักธรรม โดยใช้พรหมวิหาร 4 เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ในการงานปกครองเสมอ 

/// พรสวรรค์ พรแสวง เคล็ดลับความสำเร็จ 

คุณเล็กเป็นบุตรของ พ.ต.อ.(พิเศษ) ศิริ คชหิรัญ อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา กับ พรรณพิมพ์ คชหิรัญ และเป็นหลานปู่ ขุนจงใจหาญ (แม้น คชหิรัญ) ภายหลังเรียนจบปริญญาตรีรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยซานสวีทเตียน ประเทศฟิลิปปินส์ และแต่งงานกับ นิตยา ปานะถึก มีบุตร-ธิดารวม 4 คน คือ พิมศิริ, จารุศิริ, ศิรินาท และ วรวรรธน์ สมัยนั้นรับราชการเป็นปลัดอำเภอเมืองชัยภูมิ อำเภอเมืองชัยนาท อำเภอพร้าว เชียงใหม่ นายอำเภอพระยืน ชัยภูมิ และเป็นปลัดอำเภอเมืองนครนายกขณะที่แสดงภาพยนตร์ในเวลาเดียวกัน และรับราชการจนเกษียณอายุเมื่อปี 2549 ในตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ 

“คนที่รับราชการจนได้เป็นนักปกครองได้เป็นนายอำเภอถือว่าสูงสุดแล้ว ถ้าเป็นตำแหน่งที่สูงกว่านั้นก็เป็นเรื่องของฟ้าลิขิตหรือโชคชะตามากกว่า แต่เราได้เป็นถึงรองผู้ว่าฯ ถือว่าเป็นบุญแล้ว เพราะไม่มีผู้ว่าฯคนไหนได้เป็นพระเอกหนัง แล้วไม่มีพระเอกหนังคนไหนได้เป็นรองผู้ว่าราชการจังหวัด แค่นี้เราก็ภูมิใจแล้ว” ในการเลือกตั้งปี 2550 ได้ลงสมัคร ส.ส. ชัยภูมิ เขต 2 ในนามพรรคเพื่อแผ่นดิน แต่ไม่ได้รับเลือก
“ผมว่านักแสดงเกิดจาก พรสวรรค์-พรแสวง สมัยก่อนไม่มีโมเดลิ่ง โรงเรียนการแสดง วิชาการแสดง ไม่เหมือนสมัยนี้ที่มีสอนกัน สมัยก่อนจะมีอย่างมากคือ แมวมอง ไปด้อมๆมองๆ ไปเจอใครก็จูงมา อย่างผมมันเป็นเหมือนพรสวรรค์อย่างหนึ่ง (หัวเราะ) หรือเป็นอุบัติที่ให้เกิดขึ้นมา อย่าเรียกว่าอุบัติเหตุเลย เพราะเกิดจากความเป็นอยู่ของคุณแม่กับคุณพ่อ มีความใกล้ชิดกับการแสดงมาตลอด คุณตาเป็นนักร้องสมัย ร.6 เลย ส่วนคุณพ่อชอบลำตัด ชอบละครต่างๆ ส่วนญาติก็เป็นนักแสดง คือ ชนะ ศรีอุบล 

“ตอนนั้นมันมีความรู้แล้วว่า การเป็นพระเอกก็ดี เป็นพระเอกหนังสมัยนั้นมันโก้ แล้วเราจะเป็นได้หรือ เพราะว่าเราไม่ได้หล่อแบบน้านะ พอเห็นน้านะเล่นกล้าม ก็เลยไปเล่นบ้าง สมัยนั้นชายไทยจะชอบเล่นกล้ามกันหมด ผู้หญิงเห็นเป็นต้องมอง เรียกว่า โก้สำหรับชายไทยที่ได้เดินโชว์สาวๆ คนรูปร่างผอมๆ ก็จะถูกมองว่า ขี้ยา สมัยนั้นคุณพ่ออยู่ที่ยะลา เชษฐ์ (มิตรชัย บัญชา หรือ พันจ่าอากาศโท พิเชษฐ์ พุ่มเหม) เขารู้จักกับคุณอาผม เลยทำให้เรารู้จักกัน 

/// “ไม่มีสวรรค์สำหรับคุณ” หนังสร้างชื่อ 

“พอ มิตร ชัยบัญชา เสียชีวิต ผมเลยได้ไปงานศพแล้วจุดธูปทวงตรงหน้าศพ คิดในใจว่า ไหนพิเชษฐ์บอกกับผมว่า ถ้าเสร็จจากหนังอินทรีย์ทองจะให้ผมได้เล่นหนังไง นั่งอยู่ในงานได้สักพัก จู่ๆ มีชายสูงอายุคนหนึ่งเป็นนักหนังสือพิมพ์ เดินเข้ามาถามว่าเป็นญาติกับคุณเชษฐ์หรือเปล่า ผมบอกว่าไม่ใช่หรอกครับ แต่ผมรู้จักกัน เขาถามว่าอยากเล่นหนังมั้ย ผมก็ถามกลับไปว่าผมเล่นหนังได้หรือครับ มารู้ทีหลังว่าเขาคือ วิเชียร สงวนไทย ได้พาไปรู้จัก วิจิตร คุณาวุฒิ สมัยที่ไปเรียนที่ฟิลิปปินส์ได้เห็นรูปภาพคุณวิจิตร เขาบอกว่า เป็นเศรษฐีตุ๊กตาทอง” วิจิตร เป็นผู้กำกับภาพยนตร์ไทยคนเดียวที่ได้รับรางวัลตุ๊กตาทอง สาขาผู้กำกับภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ติดต่อกัน 4 ปีซ้อน ระหว่างปี 2505-2508 จนได้รับฉายาว่า เศรษฐีตุ๊กตาทอง 

“ความเพ้อฝันสมัยเป็นวัยรุ่นมันมีถ้าไปเล่นหนังด้วยน่าจะดี เป็นความเพ้อฝันที่แอบเก็บเอาไว้คนเดียว ตอนนั้นเพิ่งเรียนจบปริญญาตรี และกำลังขอทุนไปเรียนต่อปริญญาโทที่อเมริกา พอดีได้รู้จักกับคุณวิจิตรกับคุณทองปอนด์ คุณาวุฒิ คุณวิจิตรบอกว่าพอดีเลยจะให้เชษฐ์เขาเล่นหนังแม่ศรีไพร เราเล่นได้ไหม ผมถามกลับไปว่า คิดว่าผมเล่นได้ไหมครับ เขาบอกว่าก็ลองดู 

“คุณวิจิตรนัดให้ไปเจอที่ห้องอัดเสียงกมลสุโกศล ตรงลุมพินี ตอนแรกผมไม่เห็นคุณวิจิตร แล้วคุณทองปอนด์ก็เรียกเราไปโน่นไปนี่ ผมมารู้ทีหลังว่าที่คุณอาทองปอนด์พาไปในหลายๆที่ เพราะจะทดสอบว่าถ้าผมเดินไปตามที่ต่างๆ แล้วมีคนมองไหม ถ้ามีคนหันมองตามแสดงว่าใช้ได้ ถือว่ามีจุดสนใจก็จะเป็นนักแสดงได้ เลยทำให้ได้เล่นหนังเรื่องแรก คือ แม่ศรีไพร” อดีตพระเอกดังย้อนจุดเริ่มต้น 

ด้วยความที่สมัยนั้นมีพระเอกไม่มากเหมือนสมัยนี้ ทำให้ดาราแต่ละคนนั้น จะมีคาแรคเตอร์ที่แตกต่างกันไป อาทิ กรุง ศรีวิไล รับบทประเภท พระเอกกะล่อน ทะเล้น, ยอดชาย เมฆสุวรรณ เป็นพระเอกสุขุม มาดคุณชาย สรพงศ์ ชาตรี เป็นพระเอกลูกทุ่ง ส่วน นาท กลายเป็นภาพลักษณ์พระเอกแนวบู๊ มาดตำรวจ หรือทหาร 

“หนังเรื่องไม่มีสวรรค์สำหรับคุณ ไม่มีใครเล่น เพราะคนที่ทำหนังเรื่องนี้เป็นคุณอาตุ้ม-ปริญญา ลีละศร ไม่ค่อยมีตังค์ ไปว่างจ้างใครก็ลำบาก พอดีคุณปริญญาเป็นเพื่อนกับคุณพ่อ จึงมาทาบทามให้ผมมาเล่นหนัง เราก็ดูบทแล้วเอาไปปรึกษากับคุณอาวิจิตร เพราะผมเป็นดาราในสังกัด 

“หลังจากเอาบทไปดูอาวิจิตรก็โทรมาบอกว่า ถ้าเรื่องนี้เราเล่นได้ดีจะได้ตุ๊กตาทอง ตอนนั้นก็ไม่ได้ใส่ใจว่าจะได้รางวัลอะไร แต่เล่นด้วยความสนุก และแสดงฝีมืออย่างเต็มที่ เพราะเล่นกับคุณสุพรรณ บูรณพิมพ์ กำธร สุวรรณปิยะศิริ คุณเล็ก ภัทราวดี มีชูธน (ศรีไตรรัตน์) เป็นนางเอกเรื่องแรก ตอนนั้นยังไม่ได้เป็นคุณเล็กเหมือนสมัยนี้ แต่สมัยนี้คุณเล็กเป็นปรมาจารย์” และในที่สุดการประกวดตุ๊กตาทองประจำปี 2517 นาท ภูวนัย ได้รับรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจากภาพยนตร์ ไม่มีสวรรค์สำหรับคุณ และทำให้เขากลายเป็นพระเอกหนังที่ถูกจับตามองตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา 

/// นักแสดงที่ดีต้องตรงเวลา 

ทุกวันนี้แม้ห่างหายจากวงการบันเทิง แต่การเป็นนักแสดงยังคงเป็นความทรงจำที่ประทับใจเสมอ เพราะทุกครั้งที่ไปทำงานก็เหมือนกับได้มาพบปะเพื่อนฝูง และแฟนภาพยนตร์ ที่ผ่านมาถึงแม้เป็นพระเอกดัง ทว่าเขากลับไม่เคยหลงระเริงกับชื่อเสียงและเงินทอง แต่อย่างใด 

“เราเล่นหนังไม่ได้เล่นจนร่ำรวยมหาศาล แต่เราเล่นแค่พอมีพอกิน แต่ชีวิตเราอยู่กับคุณพ่อคุณแม่ที่ท่านสอนว่า อย่าทนงตน อย่าได้เหลิงตน คิดว่าตัวเองเก่งกว่ามนุษย์ทั้งโลก เพราะเหนือฟ้ายังมีฟ้า เพราะสิ่งที่เราทำมันเป็นพรสวรรค์ที่ได้ ดังนั้น อย่าดูถูกดูแคลนมนุษย์คนอื่น เราจะไม่เบียดเบียนคนอื่น ไม่ไปดูถูกคนอื่น” 

ก่อนจากยังฝากข้อคิดให้กับนักแสดงรุ่นใหม่ที่หากโคจรมาร่วมงานกับนักแสดงรุ่นเก่าครั้งใด ก็ควรให้ความเคารพและให้เกียรติ เพราะบุคคลเหล่านี้ เปรียบเสมือนเป็นบรมครูคนหนึ่งก็ว่าได้ ที่สำคัญขอให้เป็นคนตรงต่อเวลาซึ่งเป็นวินัยที่เขายึดมั่นมาตลอดชีวิต