เรื่อง ชาคริต ดิเรกวัฒนชัย Charkritd@gmail.com (2)

เรื่อง ชาคริต ดิเรกวัฒนชัย Charkritd@gmail.com (2)

 

 

CHANGE ปรับมุมคิด สะกิดมุมบวก

เรื่อง ชาคริต ดิเรกวัฒนชัย  This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.

 

งานหนัก จะโทษใคร

คำบ่นโอดโอยเกี่ยวกับการทำงานหนัก เป็นสิ่งที่ท่านมักจะได้ยินกันบ่อย ๆ และเชื่อว่าท่านเองก็คงจะเคยตกอยู่ในสถานการณ์งานหนัก ธรรมชาติของการทำงานก็ย่อมจะมีทั้งเวลาที่งานน้อย งานหนัก งานหนักมาก หรือหนักเกินบรรยาย เพราะงานที่เข้ามาหลาย ๆ ครั้งไม่สามารถจัดเรียงลำดับได้อย่างใจเราปรารถนา จะมาก็มา แถมมาพร้อม ๆ กันหลายเรื่องจนทำให้ทำงานไม่ทัน จนงานสะสมทับถม

ฉบับนี้จะมาคุยกันเรื่องงานหนักว่าเมื่อท่านเจองานหนัก ท่านควรทำอย่างไร แล้วงานหนักแบบนี้มันเป็นเพราะอะไร

ถ้าให้ท่านเลือกระหว่าง ‘งานหนัก’ กับ ‘ไม่มีงานทำ’ ท่านจะเลือกอะไร ผมเชื่อว่าทุกท่านคงจะไม่มีทางเลือก ไม่มีงานทำ เพราะถ้าไม่มีงานทำก็แสดงว่าเราเปล่าประโยชน์ โอกาสที่จะโดนปลดจนเป็นคนว่างงานจริง ๆ ก็มีสูง แต่ครั้นจะเลือกว่างานหนักก็ตะขิดตะขวงใจ อยากมีงานทำนะใช่แต่ไม่อยากทำงานหนัก สมมุติว่ามีทางเลือกแค่สองทางเท่านั้น ระหว่างว่างงานและงานหนัก ท่านจะเลือกอะไร ถ้าท่านเลือกว่างงานก็ไม่จำเป็นต้องอ่านบทความที่เหลือแล้ว แต่ถ้าเลือกงานหนัก เราจะมาดูต่อกันว่าท่านจะเปลี่ยนความคิดอย่างไร

งานหนักเป็นคำบรรยายที่มีความหมายหลายอย่างมาก ส่วนใหญ่แล้วจะมีเรื่องของอารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้อง ถ้าท่านมีอารมณ์สนุกกับงาน งานหนักแทบจะทำอะไรท่านไม่ได้เลย งานจะเยอะขนาดไหนแต่ความสุขในงานจะทำให้คำว่างานหนักกลายเป็นงานที่จัดการได้ แม้ท่านอาจจะบ่นว่างานเยอะบ้าง หนักบ้างแต่ไม่น่าห่วงอะไรเพราะงานหนักแบบนี้ทำไปก็มีแต่ความสุขใจ มีผลของความความสำเร็จให้เห็นบ้าง ย่อมเป็นความสุขที่ทุกคนต้องการ 

ถ้าหากท่านทำงานหนักและมีความสุข สิ่งที่ท่านจำเป็นต้องดูแลเรื่องของการนอนหลับพักผ่อนทีเพียงพอ ต้องรู้จักบริหารเวลาให้มีเวลาออกกำลังกาย ให้รางวัลกับชีวิตด้วย อย่าใช้ร่างกายจนเยอะเกินกำลังที่มีในขณะที่กำลังสนุกกับงาน เพราะหากท่านทำเช่นนั้น จิตใจของท่านอาจทำให้ท่านมีกำลังใจทำงาน แต่ท่านอาจจะเจ็บป่วยได้ง่ายตั้งแต่เจ็บป่วยเบา ๆ เป็นหวัดเจ็บคอ ไปจนถึงไม่สบายแบบที่ต้องหามส่งโรงพยาบาลเลยก็ได้

ดังนั้นแม้ท่านจะมีความสุขกับงานที่ทำจนรู้สึกไม่ได้ทำงาน แต่ท่านต้องเข้าใจตรรกกะว่าไม่ว่าท่านจะมีความสนุกกับงานเท่าไร มันก็คืองาน ท่านจำเป็นต้องแบ่งเวลาให้เป็น เพื่อมาให้กับการดูแลสุขภาพของตัวเองอีกด้วย

งานหนักดีหรือไม่ดี?

ต้องอย่าลืมว่า คนทำงานหนัก ย่อมจะได้รับความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงานที่ดีกว่าคนทำงานไม่หนัก แต่งานหนักหรือไม่หนัก เขาอาจจะไม่ได้วัดจากปริมาณงาน แต่วัดที่ผลงานที่ประสบความสำเร็จเป็นหลัก ดังนั้นหากงานหนักก็ต้องให้มีผลงานที่ดีด้วย

แต่หลายครั้งงานที่มีปริมาณเท่ากัน บางคนอาจจะว่างานหนักบางคนอาจจะว่าทำได้ไม่ลำบาก เพราะปัจจัยที่ทำให้ทุกท่านบอกว่าตัวเองเจองานหนัก มันมีมากกว่าแค่จำนววนงานแต่มันรวมถึงปัจจัยรอบข้างอีกด้วย อันได้แก่ เจ้านายสนับสนุนหรือไม่ เพื่อร่วมงานให้ความช่วยเหลือหรือไม่ หรือรายได้ที่ได้มามันเหมาะสมหรือไม่

หากเจ้านายเอาแต่จี้ให้ท่านส่งงาน ท่านก็จะรู้สึกว่างานหนัก เพราะนอกจากงานที่ทำยังต้องคอยตอบสนองความต้องการเจ้านาย ในขณะที่งานของท่านกลับไม่ราบรื่นเพราะเพื่อนร่วมงานไม่สนับสนุนท่านก็จะรู้สึกว่างานหนัก เพราะต้องใช้เวลาในการแก้ไขปัญหามากกว่าการทำงาน หรือท่านเห็นว่าเงินรายได้จากการทำงานมันไม่เหมาะสมกับงาน ท่านก็จะรู้สึกว่างานหนักกว่ารายได้

งานหนักที่มีอารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยนี่แหละที่ทำให้เกิดความเครียดขึ้นอย่างไม่รู้ตัว ในขณะที่งานหนักมักจะเป็นงานที่มีปัญหาและท่านไม่สามารถแก้ไขให้มันผ่านไปได้ ด้วยข้อจำกัดของงานที่มีจำนวนมากจึงทำให้ท่านไม่สามารถจัดการงานได้ทันตามเวลาที่ต้องส่งงาน บางครั้งขาดการสนับสนุนจากคนในองค์กรจึงเดินหน้าต่อไปไม่ได้ หรือเกิดจากปัญหาที่เป็นความผิดจากคนอื่นแต่ท่านต้องรับผิดชอบ ทั้งสามลักษณะคือความเครียดที่จะทำให้ท่านไม่สามารถแก้ไขปัญหาไปได้ เพราะการมองว่าปัญหาว่าเป็นอุปสรรคจะทำให้ท่านถอดใจที่จะทำงานต่อไป

ฉบับนี้ปูทางปัญหา ฉบับหน้ามาดูทางออกกันครับ