"น้ำมันดิบตลาดโลกลดลงแล้ว เมื่อไหร่ราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศจะลดลงบ้าง?"

ตามข่าววันนี้ (11ม.ค 2560) ว่าราคาน้ำมันดิบร่วงลงมาตั้งแต่วันจันทร์ที่9 ม.ค เวสต์เท็กซัสลดลง2.03 $และเบรนท์ที่ลอนดอน ลดลง 2.16 $และลดต่อเนื่องมาถึงวันที่10 ม.ค อีก 1.14 $/บาร์เรล ซึ่งแตะระดับต่ำสุดในรอบ 5 สัปดาห์ เหลือ 50.82$/บาร์เรล

ราคาน้ำมันดิบลดลงไปเหลือ 50.82$/บาร์เรล ถ้าคิดเป็นราคาน้ำมันดิบ ราคาจะประมาณลิตรละ 11.4436 บาท(50.82x35.8036/159) บวกค่าการกลั่นและกำไร ที่ 2.09บาท/ลิตร (ตามค่าการกลั่น1-11ม.ค 2560) ราคาน้ำมันสำเร็จรูป ณ.โรงกลั่นเวลานี้ควรมีราคาประมาณไม่เกินลิตรละ 13.53 บาท

ฝ่ายควบคุมโครงสร้างราคาน้ำมันขายปลีกของภาครัฐเงียบเชียว เวลาขึ้นราคาน้ำมันขายปลีกจะต้องขึ้น 60สตางค์ แต่เวลาลดราคา จะลดแค่40สตางค์ทุกที เวลาน้ำมันราคาลดลง ไม่ยักปรับลงให้เร็วตามกลไกตลาด ไม่เหมือนตอนปรับขึ้นเลยนะ แถมเวลาเนื้อน้ำมันลด ก็กลับให้ปรับขึ้นราคาขายปลีกก็ได้ โดยให้เพิ่มค่าการตลาดแทน !?!

มาจับตาดูว่า คราวนี้จะลดราคาน้ำมันขายปลีกเมื่อไหร่ และจะลดแบบไหน

มาจับตาดูว่าหน่วยงานกำกับราคาของภาครัฐจะช่วยเอกชนไม่ต้องเข้าเนื้อตัวเองด้วยการลดราคาเนื้อน้ำมันที่มีราคาลดลง โดยใช้กองทุนน้ำมันเป็นตัวยืดหดราคาขายปลีกให้ผู้บริโภคหรือไม่ ?

รสนา โตสิตระกูล
11 ม.ค 2560

http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9600000003196

 

 

 

 

"ความเหลื่อมล้ำของประเทศแก้ไม่ได้ด้วยลมปากและเสียงเพลง"

บทความของ "ลมเปลี่ยนทิศ" ในไทยรัฐ เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2559 ได้เขียนถึงการจัดอันดับความเหลื่อมล้ำของสังคมไทยที่น่าสนใจ โดยอ้างอิงข้อมูลของสภาพัฒน์เปรียบเทียบกับรายงานของเครดิตสวิส โกลบอล เวลธ์ รีพอร์ตปี 2560 (2016) ว่าสภาพัฒน์ฯเคยแถลงเมื่อสิ้นปี2558 เรื่องความยากจนและ ความเหลื่อมล้ำในสังคมไทย ว่ายังมีความเหลื่อมล้ำระหว่างฐานะของคนรวยกับคนจนถึง 22 เท่า กล่าวคือคนรวยเพียง 0.1% หรือ 65,000 คน จากประชากร ทั้งประเทศ 65 ล้านคน มีเงินฝากธนาคารเท่ากับ 49.2% ของเงินฝาก ทั้งหมด (11.2 ล้านล้านบาท ข้อมูล วารสาร “การเงินธนาคาร” เล่มล่าสุด) หรือ 5.51 ล้านล้านบาท ขณะที่ประชาชนอีก 64.93 ล้านคน มีเงินฝาก รวมกันเท่ากับ 5.69 ล้านล้านบาท