ศูนย์วิจัยกสิกรไทย สรุป ค่าเงินบาท และตลาดหุ้นไทย (สัปดาห์ที่ 13-17 ต.ค. 68)

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย สรุป ค่าเงินบาท และตลาดหุ้นไทย (สัปดาห์ที่ 13-17 ต.ค. 68)

 

 

 

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย สรุป ค่าเงินบาท และตลาดหุ้นไทย (สัปดาห์ที่ 13-17 ต.ค. 68)



สรุปความเคลื่อนไหวค่าเงินบาท

• เงินบาทแกว่งตัวในกรอบ ก่อนอ่อนค่าท้ายสัปดาห์ ทั้งนี้เงินบาทอ่อนค่าลงช่วงสั้น ๆ ต้นสัปดาห์ตามแรงขายสุทธิหุ้นไทยของต่างชาติและแรงซื้อคืนเงินดอลลาร์ฯ ก่อนถ้อยแถลงของประธานเฟด อย่างไรก็ดีเงินบาทพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นในช่วงกลางสัปดาห์สอดคล้องกับทิศทางราคาทองคำในตลาดโลกที่ปรับตัวขึ้นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ ขณะที่ เงินดอลลาร์ฯ อ่อนค่าลง หลังประธานเฟดมีท่าทีกังวลต่อสัญญาณอ่อนแอของตลาดแรงงานสหรัฐฯ ซึ่งกระตุ้นให้ตลาดเพิ่มการคาดการณ์เกี่ยวกับโอกาสการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ ในการประชุม FOMC เดือนต.ค. นี้ นอกจากนี้ ความตึงเครียดของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน และสถานการณ์ชัตดาวน์ของหน่วยงานราชการสหรัฐฯ ก็เป็นปัจจัยลบต่อทิศทางเงินดอลลาร์ฯ ด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ดี เงินบาทลดช่วงบวกและอ่อนค่ากลับมาเล็กน้อยในช่วงปลายสัปดาห์สอดคล้องกับทิศทางอ่อนค่าของสกุลเงินอื่นในเอเชีย

• สัปดาห์ระหว่างวันที่ 20-24 ต.ค. 2568 KBank คาดกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 32.40-33.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ ปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขการส่งออกเดือนก.ย. ของไทย สถานการณ์ราคาทองคำในตลาดโลก ฟันด์โฟลว์ของต่างชาติ สถานการณ์ชัตดาวน์ของสหรัฐฯ ข้อมูล PMI เบื้องต้นสำหรับเดือนต.ค. ของสหรัฐฯ ญี่ปุ่น ยูโรโซนและอังกฤษ การประกาศอัตราดอกเบี้ย LPR และข้อมูลเศรษฐกิจจีน ได้แก่ ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3/2568 ข้อมูลการผลิตภาคอุตสาหกรรมและยอดค้าปลีกเดือนก.ย. ตลอดจนอัตราเงินเฟ้อเดือนก.ย. ของอังกฤษและญี่ปุ่น


สรุปความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทย

• ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวผันผวนต่อเนื่อง ก่อนพลิกร่วงลงท้ายสัปดาห์ ทั้งนี้ SET Index ร่วงลงแรงช่วงต้นสัปดาห์สอดคล้องกับทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาคท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน หลังล่าสุดจีนมีมาตรการคุมเข้มการส่งออกแร่หายาก และสหรัฐฯ ประกาศจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากจีนเพิ่มเติม ปัจจัยลบดังกล่าวกระตุ้นแรงขายหุ้นหลายกลุ่ม ขณะที่กลุ่มพลังงานมีแรงกดดันเพิ่มเติมจากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวลง อย่างไรก็ดี ดัชนีหุ้นไทยฟื้นตัวขึ้นในเวลาต่อมา โดยมีแรงหนุนจากรายงานข่าวเกี่ยวกับการประชุมครม. เศรษฐกิจนัดแรก ซึ่งเพิ่มความหวังเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ ประกอบกับตลาดมีแรงหนุนเพิ่มเติมจากการคาดการณ์เกี่ยวกับการปรับลดดอกเบี้ยของเฟด ปัจจัยบวกข้างต้นช่วยหนุนแรงซื้อหุ้นหลายกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มแบงก์ที่มีแรงซื้อเก็งกำไรก่อนการประกาศผลประกอบการไตรมาส 3/2568 อย่างไรก็ดี SET Index พลิกกลับมาร่วงลงแรงอีกครั้งช่วงท้ายสัปดาห์ เนื่องจากนักลงทุนกลับมากังวลประเด็นความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน รวมถึงสถานการณ์ชัตดาวน์ในสหรัฐฯ ที่ยังคงยืดเยื้อ

• สัปดาห์ที่ 20-24 ต.ค. 2568 KSecurities คาดแนวรับที่ 1,265 และ 1,230 จุด ขณะที่ แนวต้านอยู่ที่ 1,300 และ 1,315 จุด ตามลำดับ โดยปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่ ผลประกอบการไตรมาส 3/2568 ของบจ.ไทย โดยเฉพาะกลุ่มแบงก์ สถานการณ์ชัตดาวน์ในสหรัฐฯ ทิศทางเงินทุนต่างชาติ ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนก.ย. ของญี่ปุ่น ดัชนี PMI เดือนต.ค. (เบื้องต้น) ของญี่ปุ่น ยูโรโซน อังกฤษและสหรัฐฯ ตลอดจนตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3/2568 การกำหนดอัตราดอกเบี้ย LPR เดือนต.ค. และข้อมูลเศรษฐกิจเดือนก.ย. ของจีน