CHANGE The World รสนา โตสิตระกูล พื้นที่สีเขียวพุทธมณฑลถูกก่นถางถึง 30.5ไร่เป็นที่ทิ้งดินจากการขุดอุโมงค์น้ำของสำนักระบายน้ำ กทม.

CHANGE The World รสนา โตสิตระกูล พื้นที่สีเขียวพุทธมณฑลถูกก่นถางถึง 30.5ไร่เป็นที่ทิ้งดินจากการขุดอุโมงค์น้ำของสำนักระบายน้ำ กทม.

  

 

 

CHANGE The World รสนา โตสิตระกูล



พื้นที่สีเขียวพุทธมณฑลถูกก่นถางถึง 30.5ไร่เป็นที่ทิ้งดินจากการขุดอุโมงค์น้ำของสำนักระบายน้ำ กทม.

 

 

 

 

 

 

 

 


เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2568 คณะอนุกรรมการด้านบริการสาธารณะ พลังงานและสิ่งแวดล้อม สภาองค์กรของผู้บริโภคได้ลงพื้นที่บนริมถนนสาย ค. พุทธมณฑล ที่มีการโค่นถางพื้นที่สีเขียวที่ประกอบด้วยต้นไม้ใหญ่น้อยเป็นบริเวณกว้าง

เริ่มจากปากทางถนนสาย ค จนถึงอาคาร 2หลัง เป็นระยะทาง 200 เมตร (ตามภาพพื้นที่A) และต่อจากจุดสิ้นสุดพื้นที่อาคาร ไปจนถึงจุดสุดท้ายของการก่นถางพื้นที่สีเขียว มีระยะทางอีก 600 เมตร (ตามภาพพื้นที่ B) รวมเป็นพื้นที่ที่มีการแผ้วถางป่ามีความยาว 800 เมตร ความกว้าง 61 เมตร และพื้นที่ที่ถูกถากถางเอาต้นไม้เล็กออกเหลือต้นไม้ใหญ่ไว้เล็กน้อย กว่าครึ่งของพื้นที่ถูกถมดินสูงเฉลี่ย 1.5-2 เมตร ต้นไม้ที่ถูกถมส่วนใหญ่ยืนต้นตาย

คำนวณพื้นที่สีเขียวที่ถูกถากถางออกไป (800X61) = 48,800 ตารางเมตร( 1,600 ตารางเมตร = 1 ไร่) คิดเป็นไร่ได้จำนวน 30.5ไร่

ประมาณคร่าวๆว่าในพื้นที่ 1 ตารางเมตร จะมีต้นไม้ขนาดเล็ก ขนาดกลาง อยู่ 4 ต้นที่ถูกถากถางออกไป ดังนั้นพื้นที่ 48,800 ตารางเมตร จึงมีต้นไม้ที่ถูกทำลายไปถึง 195,200 ต้น !!

จนถึงวันที่ 8 กรกฎาคม 2568 ที่คณะอนุกรรมการของสภาองค์กรของผู้บริโภคลงไปตรวจพื้นที่ พบว่ายังมีการขนดินจากการขุดอุโมงค์น้ำของ
กทม.มาทิ้งที่ ริมถนนสาย ค.พุทธมณฑล นอกจากนี้ยังพบการขุดหลุมใหญ่ในพื้นที่ มีปากหลุมกว้างXยาว = 1.5X2 เมตร ลึกถึง 4 เมตร และเท่าที่เห็นในวันนั้นมีอยู่ 4 หลุมด้วยกัน มีการเอาแผ่นเหล็กพาดมาที่ปากหลุมเพื่อให้รถ 10 ล้อสามารถถอยรถเอาดินมาเทลงในหลุม ก่อนที่จะมีรถแมคโครมาขนย้ายดินไปถมพื้นที่ที่มีการถากถางไว้แล้ว

 

 

 

 

 

 
 



การถมดินสูงถึง 2เมตร ทำให้ต้นไม้ไม่สามารถหายใจ และไม่สามารถหาอาหารได้ เหมือนคนที่ถูกบีบคอ ทำให้มีต้นไม้ใหญ่จำนวนมากยืนต้นตาย สัญญาณที่เห็นคือการทิ้งใบโกร๋น เป็นที่น่าอเนจอนาถใจ ภูมิทัศน์ที่เคยร่มรื่นเขียวขจีด้วยต้นไม้เล็กกลางใหญ่ของพื้นที่พุทธมณฑล ถูกทำลายด้วยผู้บริหารที่รู้เท่าไม่การณ์

สำหรับพื้นที่พุทธมณฑลที่เป็นพุทธสถานที่ร่มรื่นด้วยแมกไม้ถูกออกแบบมาเพื่อให้พุทธศาสนิกรำลึกถึงสังเวชนียสถาน อันพระบรมศาสดาเมื่อทรงพระชนม์ชีพ ประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพานท่ามกลางแมกไม้ และป่าอันร่มรื่นที่เป็นรมณีย์

หลังจากที่การทำลายพื้นที่สีเขียว และการถมต้นไม้ด้วยดินจากข้างนอกสูง2เมตรเป็นข่าวในสื่อมวลชน ผอ.พุทธมณฑลก็ประกาศว่าจะหยุดการนำดินจากภายนอกมาถม และจะดำเนินการลดระดับดิน 2เมตรลง เหลือครึ่งเมตร (ซึ่งที่จริงควรเหลือเพียง 35 เซ็นติเมตรเพื่อช่วยชีวิตต้นไม้) ซึ่งเป็นบทสัมภาษณ์ของ ผอ.พุทธมณฑล ในสื่อ Active ของ ไทยพีบีเอส เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2568

แต่จนบัดนี้ ยังไม่มีการดำเนินการอย่างจริงจังตามที่ผอ.พุทธมณฑลได้ให้สัมภาษณ์ไว้ว่าจะลดความสูงของดินลงจาก 2 เมตร ให้อยู่ในระดับที่ต้นไม้สามารถรอดชีวิตได้แต่อย่างไร

ยังคงปล่อยให้มีการนำดินจากการขุดอุโมงค์น้ำของสำนักระบายน้ำ กทม.มาทิ้งที่พุทธมณฑลอย่างเดิม

ดิฉันจึงได้ติดต่อทีมงานของท่านผู้ว่าฯชัชชาติ ให้เข้ามาช่วยจัดการหยุดเอาดินเข้ามาทิ้งในพุทธมณฑล ผู้ว่าฯชัชชาติสมัยที่หาเสียง ประกาศนโยบายว่าจะปลูกต้นไม้ล้านต้นในกทม. จึงไม่ควรให้มีการทำลายต้นไม้ในพุทธมณฑลที่ติดกับพื้นที่กรุงเทพฯ และต้องขอความร่วมมือจากท่านผู้ว่าฯชัชชาติ โปรดสั่งการให้บริษัทที่สำนักระบายน้ำทำสัญญาจ้างขุดอุโมงค์น้ำมารับผิดชอบการถมดินสูงถึง2 เมตรทำให้ต้นไม้ยืนต้นตายโดยต้องจัดการลดระดับดินลงเพื่อให้ต้นไม้รอดชีวิต

ผอ.พุทธมณฑลให้สัมภาษณ์ว่าเคยตกลงให้ถมดินสูง 50 เซนติเมตร แต่เหตุใดบริษัทจึงถมดินสูง 2 เมตร การทำลายต้นไม้ที่เป็นทรัพย์สินของราชการพุทธมณฑล ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ ?!

การดำเนินงานของสำนักระบายน้ำร่วมกับผอ.พุทธมณฑลโดยขาดความรู้ และความใส่ใจ ได้ทำให้ต้นไม้ใหญ่จำนวนมากกำลังยืนต้นตาย นี่ยังไม่นับรวมการก่นถางพื้นที่ออกไปถึง 30.5 ไร่ เป็นพื้นที่ 48,800 ตารางเมตรที่ทำลายต้นไม้ขนาดเล็กขนาดกลางไปเกือบ 200,000 ต้นอย่างน่าเสียดาย ต้นไม้กว่าจะโตได้ขนาดนั้นก็ใช้เวลาเป็นปีๆ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 





ส่วนต้นไม้ใหญ่ในพื้นที่นี้ เป็นต้นไม้ที่ชาวบ้านแถบนี้ได้เคยร่วมกันปลูกให้พุทธมณฑลตั้งแต่ปี 2525 ก็กำลังยืนต้นตายอย่างช้าๆ

ดิฉันขอเรียกร้องให้สำนักนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแลสำนักงานพุทธศาสนาแห่งชาตืและสำนักงานพุทธมณฑลได้เข้ามาแก้ไขความเสียหาย ตามที่ดิฉันได้ทำเรื่องร้องเรียนไปแล้ว ตั้งแต่วันที่18 มิถุนายน 2568 และรวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คือสำนักงานพุทธศาสนาแห่งชาติที่ปล่อยให้ฝ่ายดูแลอุทธยานพุทธมณฑลทำลายพื้นที่สีเขียวได้มากมายขนาดนี้ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่พุทธมณฑล และองค์กรภาคเอกชนทั้งหลายที่สนับสนุนการดูแลต้นไม้ใหญ่ อาสาสมัครด้านสิ่งแวดล้อมได้โปรดเข้ามาช่วยกันแก้ไขความเสียหายครั้งนี้โดยเร่งด่วนเพื่อช่วยรักษาชีวิตของต้นไม้ และแก้ไขระบบภูมินิเวศน์ (Ecoregion)ที่ถูกทำลายไปให้กลับคืนสภาพเดิมที่เขียวชอุ่มโดยเร็วที่สุด

รสนา โตสิตระกูล
11 กรกฎาคม 2568

https://www.facebook.com/share/p/16h8rZ2mnv/?