กล่องเงิน12ล้านมีเอกสารใบหักภาษี ณ.ที่จ่ายใส่มาในซองของ กสทช. แต่ในการสืบสวนของตำรวจ ไม่ได้ตั้งประเด็นเกี่ยวกับ กสทช.เลย ไม่พูดถึงเอกสารนี้เลยในการสืบสวน ใช่หรือไม่?!

 

รักษาการเลขาธิการ กสทช. รีบสัมภาษณ์บอกปัดกับนักข่าวว่าใบหักภาษี ณ.ที่จ่ายเป็นของปี2561 เขามีญาณหยั่งรู้ได้อย่างไรในเมื่อเอกสารอยู่กับตำรวจ ใช่หรือไม่?!

 

จึงเกิดคำถามว่าใบหักภาษีณ.ที่จ่ายสามารถใช้ยื่นเพื่อขอคืนภาษี สำหรับคนที่มีรายได้ไม่ถึงเกณฑ์ต้องจ่ายภาษี เหตุใดเอามาทิ้ง และเป็นใบหักภาษี ปี2561 จริงหรือไม่ ?!?

 

มีการกล่าวถึงเงิน12 ล้าน หรือ 19 ล้านไปเกี่ยวข้องกับการจัดม็อบเชียร์นิคมอุตสาหกรรมที่จะนะ ตำรวจนำสิ่งที่นายทวีวัฒน์ให้ปากคำมาให้สัมภาษณ์เป็นตุเป็นตะ เสมือนว่าพบแล้วเงิน12 ล้านเป็นก้อนเดียวกับเงิน19 ล้าน และเป็นเงินของบริษัททั้ง4 ที่อ้างว่าเกี่ยวข้องกับการว่าจ้างนายทวีวัฒน์จัดม็อบชนม็อบที่จะนะ ตามข่าวรายงานว่าบริษัททั้ง4แห่งล้วนเป็นบริษัทตั้งอยู่ที่จังหวัดยะลา

 

การพูดถึงเงิน12ล้าน ในจำนวนเงิน19ล้านของ4บริษัทเกี่ยวพันกับนายทวีวัฒน์ในการจ้างม็อบสนับสนุนการก่อสร้างนิคมอุตสาหกรรมที่จะนะ กำลังจะบานปลายไปถึงการใช้เงินอย่างไม่โปร่งใส ไม่สุจริตในการผลักดันการก่อสร้างนิคมอุตสาหกรรมที่จะนะ และจะพลอยดึงเอาศอบต.เข้ามาเกี่ยวข้องกับเงินก้อนนี้ด้วย ใช่หรือไม่ ?!

 

อย่างไรก็ตามเงิน12 ล้านปริศนาที่มีปลอกรัดธนบัตรของธนาคารกสิกรไทย ข่าวก่อนหน้านั้นระบุว่าเบิกถอนที่สาขาแจ้งวัฒนะ ข้อสังเกตว่า เงินสำหรับจัดม็อบที่จะนะ ควรที่จะเบิกถอนในพื้นที่มากกว่าหรือไม่ ?! แต่ทำไมมาเบิกถอนที่สาขาแจ้งวัฒนะ เกิดเป็นข้อสงสัยใหม่ว่าเป็นความพยายามโยงเงิน 12 ล้านบาทให้ไกลจากความเกี่ยวพันกับเอกสารจ่าหน้าถึงนายทวีวัฒน์จาก กสทช. หรือไม่ ??!!

 

การโยงว่า 12 ล้านเป็นเงินจ้างม็อบชนม็อบที่จะนะ แทนที่จะช่วยเบี่ยงเบนคดีที่อาจะเกี่ยวพันกับกสทช. แต่กลับไปเปิดขยายแผลเก่าให้เห็นความไม่สุจริตไม่โปร่งใสในการดำเนินการก่อสร้างนิคมอุตสาหกรรมจะนะ ใช่หรือไม่?!

อย่างไรก็ดี เรื่องคดีเงิน12ล้านยังดูสับสน ซึ่งตำรวจสอบสวนกลาง และทีม3ป ทั้งปปป. ปปท. และปปง. ต้องแยกแยะระหว่าง19 ล้าน กับ12ล้าน ว่าเป็นเงินจากกลุ่มก้อนเดียวกัน จริงหรือไม่ ??!!

 

เมื่อวานนี้ (12 มิถุนายน 2568) การประชุมในกสทช. มีวาระร้อนแรงเพราะกรณีการคัดค้านไม่ให้ น.ส.พิรงรอง รามสูต กรรมการ กสทช. เข้าร่วมพิจารณาวาระสำคัญที่กระทบผู้บริโภคโดยตรงเกี่ยวกับเงื่อนไขมาตรการพิเศษที่เป็นส่วนหนึ่งของมติ กสทช.ซึ่งออกมาเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2565 ในวาระการควบรวมค่ายมือถือเพื่อคุ้มครองผู้บริโภคผ่านการกำกับดูแลราคา และคุณภาพของโครงข่ายและการบริการ แต่ผ่านมาแล้ว3ปี ผู้บริโภคไม่ได้รับการคุ้มครอง เยียวยาใดๆ กลับเจอปัญหาโปรห่วย เน็ตล่ม แต่ราคาแพงขึ้น ใช่หรือไม่!?

 

แต่กระนั้นกรรมการ กสทช.ดูเหมือนจะ โนสน โนแคร์ ผู้บริโภค ใช่หรือไม่ !? ซ้ำยังหาทางจะโหวตยกเลิกมาตรการเยียวยาผู้บริโภค 12% ดังนั้น จึงต้องคัดค้านไม่ให้กรรมการ กสทช.พิรงรองเข้าร่วมประชุมเพื่อพิจารณา ใช่หรือไม่ ?!

 

แต่การประชุมเมื่อวานนี้ ยังตกลงกันไม่ได้ ทำให้การพิจารณาวาระการปรับปรุงเงื่อนไขหรือมาตรการเฉพาะดังกล่าวยังไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างไร

ดิฉันก็อดนึกขำๆไม่ได้ว่า ตัวเลข 12 ล้าน 12% ในวันที่ 12 มิย. มีอะไรเกี่ยวข้องกันหรือไม่ ?!!”

รสนา โตสิตระกูล

ศุกร์ 13 มิถุนายน 2568

https://www.facebook.com/share/p/1FvpmjPpp9/?