ทุกข์ของเพื่อน ... อุทธาหรณ์ของสังคม

ทุกข์ของเพื่อน ... อุทธาหรณ์ของสังคม

 

 

 

CHANGE  Today  อ.ทศพล  กฤตยพิสิฐ

คณะสังคมศาสตร์  มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ

 

ทุกข์ของเพื่อน ... อุทธาหรณ์ของสังคม

 

ผู้เขียนขอนุญาตนำเรื่องราวของเพื่อน(ชาย)คนคุ้นเคยที่ประสบกับความล้มเหลวของชีวิตคู่มาเป็นอุทธาหรณ์ เนื่องจากไม่เคยคิดว่าเรื่องราวที่มีพล็อตเรื่องน้ำเน่าเช่นนี้ที่เข้าใจว่าจะได้ดูผ่านจอโทรทัศน์เท่านั้น จะกลายเป็นความจริงที่สร้างบาดแผลในชีวิตให้กับผู้ชายที่จงรักภักดีต่อภรรยาคนนี้ ผู้เขียนขอออกตัวก่อน (คงไม่ต้องถึงกับกล่าวคำสาบานต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ) ว่าไม่ได้มีอคติใดๆ กับภรรยาของเพื่อนคนนี้แต่อย่างใด

ก่อนอื่นต้องบอกว่าเพื่อนคนนี้เป็นคนจริงใจและเอาใจต่อภรรยามาก เพื่อนเคยพูดกับภรรยาหลายครั้งเมื่อร่วมมีความรู้สึกต่อความสงสัยที่เกิดขึ้นกับชีวิตคู่ว่า “หากเธอจะมีผู้ชายคนใหม่ที่ดีกว่าก็ไม่ว่าอย่างไร แต่ขอให้บอกความจริง ยอมรับได้หากเขาจะเป็นผู้ชายที่ยังไม่ดีพอ ทำให้ภรรยาต้องการมีชีวิตคู่ที่ดีกว่า จะไม่เกลียด ไม่โกรธ ยิ่งกว่านั้นจะบอกกับคนที่รู้จักว่าเขาเป็นฝ่ายถูกภรรยาทอดทิ้ง เพื่อให้ภรรยาคนนี้ได้มีที่ยืนอยู่ในสังคมต่อไป” นอกจากนี้เพื่อนคนนี้ยังให้ความไว้วางใจภรรยาที่คบและอยู่กินกันมากว่า 18 ปี ที่เคยร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา ไม่เคยคิดไปติดตามสืบสาวว่าภรรยาออกไปทำอะไรบ้าง เนื่องจากให้เกียรติและเปิดโอกาสสำหรับชีวิตที่คิดว่าจะดีกว่าแก่ภรรยาอยู่เสมอ

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมากว่าปี เพื่อนต้องนอนอยู่คนเดียวโดยเข้าใจว่าภรรยาออกไปต่อสู้ทำงานหาเงิน หลังจากที่ลาออกจากงานประจำและตั้งใจว่าต้องการมีธุรกิจเป็นของตนเอง ไม่ต้องการเป็นลูกน้องใคร โดยเบื้องต้นเพื่อนก็ให้หยิบยืมเงินเพื่อลงทุนโดยไม่คิดเล็กคิดน้อย เพื่อหวังว่าภรรยาจะตั้งใจทำงานเพื่อเลี้ยงดูตนเองได้ โดยที่ค่าใช้จ่ายจิปาถะในบ้านเพื่อนคนนี้จะเป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมดเพื่อแบ่งเบาภาระและต้องการให้ภรรยาสบายใจต่อการสร้างธุรกิจใหม่อย่างเต็มที่ โดยไม่เคยคิดมาก่อนหรือเฉลียวใจว่าภรรยาแอบปันใจให้กับชายอื่นตั้งแต่เมื่อใด

วิถีชีวิตที่เปลี่ยนไป การกลับบ้านมืดค่ำจนเกือบถึงเช้าวันใหม่กลายเป็นเรื่องปกติ แม้ว่าเพื่อนจะแคลงใจว่าธุรกิจอะไรที่ต้องออกไปขายมืดๆ ค่ำๆ เช่นนี้ กลายมาเป็นความระแวง เริ่มเกิดความไม่เชื่อใจ แต่ไม่คิดจะออกไปสืบหาความจริง เพราะความเหนื่อยล้าจากการทำงานทั้งงานประจำและงานธุรกิจที่บ้านในแต่ละวัน รวมทั้งการตกลงพูดคุยที่เข้าใจกันอย่างดีแล้วว่าพร้อมเสมอหากต้องการมีชีวิตที่ดีกว่านี้ จึงเก็บความขมขื่นนี้ไว้ด้วยหวังว่าภรรยาจะกลับมาเป็นเหมือนคนเดิม

อย่างไรก็ตามตลอดช่วงเวลานั้นเพื่อนก็ยังคงช่วยเหลือภรรยาในเรื่องเงินลงทุน แม้ว่าจะไม่เข้าใจและสอบถามทุกครั้งที่มีการหยิบยืมเงินว่า “เงินมันหายไปไหนหมด” แต่ด้วยความผูกพันกันที่มีมาอย่างยาวนาน ก็ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นเงินที่ให้ไป ด้วยคิดว่าภรรยาซึ่งเป็นผู้หญิงที่รักสวยรักงาม อาจมีความจำเป็นต้องใช้จ่ายเงินตามประสาผู้หญิงบ้างในยามที่ธุรกิจยังไม่ประสบความสำเร็จ จึงไม่ได้ว่าอะไรเพื่อให้ชีวิตคู่ต้องหม่นหมองไปมากกว่าที่เป็นอยู่

ต่อมาภรรยาแจ้งว่ามีความจำเป็นต้องเดินสายออกต่างจังหวัดเพื่อขยายฐานลูกค้า การไม่อยู่ที่บ้านครั้งละหลายๆ วันจึงกลายเป็นเรื่องปกติ แต่เกือบทุกครั้งก็จะโทรมาแจ้งว่าวันนี้อยู่ที่ไหน ได้ทำอะไรไปบ้าง เพื่อนก็ได้แต่รับฟังไปเช่นนั้น โดยไม่สามารถทำอะไรได้ การอยู่บ้านตามลำพังคนเดียวกลายเป็นกิจวัตรที่ต้องฝึกฝนและทำใจให้ได้ แม้จะปวดร้าว งุนงงสงสัย และไม่เข้าใจกับความเป็นไปของชีวิตในเวลานั้น

แล้วสิ่งที่ไม่เคยคาดคิดในชีวิตของเพื่อน...ชายผู้ละทิ้งการใช้ชีวิตกลางคืนไว้เบื้องหลัง ไม่ได้ออกไปใช้ชีวิตกลางคืนสนุกสนานกับเพื่อนฝูงอย่างที่ผู้ชายทั่วไปกระทำกัน กลับปรากฏว่าภรรยาใช้เวลาในช่วงนั้นไป “นอกใจ” กับชายในเครื่องแบบที่อายุมากกว่าเกือบ 15 ปี โดยไม่เคยระแคะระคายว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาเกือบปี ภรรยาของเพื่อนใช้ชีวิตอยู่กินกับผู้ชายคนนี้ แสดงออกซึ่งความรักกับผู้ชายคนนี้อย่างดูดดื่มและสุดหัวจิตหัวใจ ทั้งที่ผู้ชายคนนี้ก็อยู่กินกับภรรยาที่ไม่ได้จดทะเบียนมานานกว่าสิบปี

“ความลับไม่มีในโลก” ด้วยความที่ต้องการเป็นที่หนึ่ง ต้องการเอาชนะผู้หญิงที่เป็นเจ้าของตัวจริง

ต้องการครอบครองทั้งหมด ผนวกกับความห่างเหิน และไม่ได้รับการเอาอกเอาใจจากเพื่อนอย่างที่เห็นว่าผู้ชายคนนี้ปรนนิบัติกับภรรยาตัวจริง เงินทองที่เก็บหอมรอมริบรวมทั้งรายได้เล็กๆ น้อยๆ จากธุรกิจแทนที่จะเอาไปใช้ในเรื่องที่เหมาะสม กลับเอาไปใช้ “ซื้อใจ” ผู้ชาย เพื่อหวังจะให้ผู้ชายหันมาหาตน เรื่องเท็จจึงถูกสร้างขึ้นเพื่อหวังมัดใจชายเพื่อให้สามารถเทียบเคียงกับฝ่ายหญิงที่มีฐานะดีกว่า ไม่ว่าจะเป็นเงินลงทุนธุรกิจนับล้านบาท รถยนต์ที่ซื้อมาด้วยน้ำพักน้ำแรงของตนแต่เพียงผู้เดียว บ้านที่ในไม่ช้าก็จะตกอยู่ในความครอบครองของตนแล้วจะได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข รวมไปถึงความทุกข์ที่ได้รับจากสามีที่หาความดีไม่ได้คนนี้

ความเห็นใจจากผู้หญิงคนแรกในระยะแรกที่หวังว่าสามีจะมีความสุข และความสงสารจากคำบอกเล่าต่างๆ ที่แสดงให้เห็นว่าสามีไม่ทำหน้าที่ให้สมกับสถานภาพ แปรเปลี่ยนเป็นความเกลียดชังเพราะความต้องการเอาชนะ ความต้องการที่เพิ่มมากขึ้น ทำนองว่า “ได้คืบจะเอาศอก” ผนวกกับความรู้สึกถึงความเป็นผู้หญิงคนแรกที่อุ้มชูใช้เงินทองไปมากมายเพื่อเลี้ยงดูสามีด้วยความรักและผูกพันมาอย่างยาวนาน ย่อมต้องการได้รับเกียรติตามประสาผู้หญิง “เบอร์หนึ่ง” ทั่วไป เงินทองที่เคยให้ใช้ตามประสา “สามคนผัวเมีย” จึงกลายเป็นเรื่องที่ต้องทบทวน ประกอบกับความต้องการหลุดจากสภาพปัจจุบันที่มีเรื่องราวให้ทำร้ายจิตใจอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นความพยายามตามหาเพื่อนเพื่อบอกกล่าวความจริงจึงเกิดขึ้น แม้จะไม่ค่อยแน่ใจในตัวเพื่อนเนื่องจากข้อมูลที่เคยได้รับจากผู้หญิงนอกใจคนนั้นบอกกล่าวถึงความไม่ดีของสามีตัวจริงเอาไว้อย่างมากมายเหลือคณานับ

“ธรรมะย่อมชนะอธรรม” ธรรมชาติย่อมดำรงไว้ซึ่งความถูกต้องยุติธรรม การตามหาเพื่อนจึงเป็นผลสำเร็จ คำบอกเล่าที่ถ่ายทอดถึงความทุกข์ใจในช่วงเวลาที่ผ่านมาถูกพรั่งพรูออกมา แม้ว่าเพื่อนจะไม่เชื่อคำบอกเล่าทั้งหมด แต่ด้วย “หัวใจ” ถึงความเจ็บช้ำในช่วงที่ผ่านมา ทำให้สามารถสานต่อและเข้าใจถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้ไม่ยาก และในวันนั้นการพูดคุยอย่างเปิดเผยของทุกคนที่เกี่ยวข้องจึงเกิดขึ้นอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ที่บ้านคุณแม่ของฝ่ายชาย เพื่อนได้เห็นหน้า “ชู้รัก” ของภรรยาเป็นครั้งแรกและครั้งเดียว และเพื่อนได้รับรู้ความจริงที่ถูกปิดบังมาตลอดระยะเวลาหลายเดือน

... วันนั้นเพื่อนไม่ได้เสียใจที่ต้องเสียภรรยาคนนี้ไป แต่เสียใจที่ไม่ได้ทราบความจริงจากปากของคนที่เคยรัก ทั้งที่เปิดโอกาสให้อยู่ตลอดเวลา แต่ก็รู้สึกโล่งใจเพราะทุกสิ่งทุกอย่างเกิดจากการตัดสินใจเลือกทางเดินของภรรยาเอง และด้วยความผูกพันและพันธะที่เคยมีต่อกัน เพื่อนจึงรับปากและสัญญาว่าจะเป็นเพื่อนร่วมโลกที่ดีต่อกัน ยังยินดีที่จะทำหน้าที่ให้คำปรึกษาหารือและพูดคุยเพื่อให้เกิดความสบายใจได้ทุกเวลา

วันนี้เพื่อนทำใจได้อย่างแน่นอน แม้ว่าน้ำหนักจะลดลงไปอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เปิดโอกาสให้แก่ตนเองในการแสวงหาผู้หญิงคนใหม่เพื่อเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งและเติมเต็มให้กับชีวิต เพราะเพื่อนขี้เหงาและยังถวิลหาการหามีชีวิตคู่ และตั้งใจว่าจะใช้บทเรียนความล้มเหลวในชีวิตที่ผ่านมาบริหารจัดการเพื่อให้ชีวิตคู่ในอนาคตมีความสุขมากยิ่งขึ้น

อาจจะทับถมได้ว่า “เพื่อนทำไมโง่เช่นนี้” ...อาจจะบอกได้สั้นๆ ว่า “เพราะรัก เชื่อใจ และไว้ใจ บวกกับระยะเวลาที่ซื้อใจกันมากกว่า 18 ปี ...นี่คือความสัตย์จริง”

ความจริงแล้วเรื่องนี้มีรายละเอียดที่เกิดขึ้นอีกมากมาย แต่เพื่อนขอเอาไว้ว่าไม่ต้องการให้บทความไปกระทบกระเทือนหรือทับถมชีวิตที่ปวดร้าวอยู่แล้วให้แย่ไปกว่านี้อีก เพราะ “บาป” ที่เกิดขึ้นจากเรื่องนี้ก็หนักหนาสาหัสเกินกว่าที่จะชดใช้ได้อยู่แล้ว ย่อมต้องตามทันสักวันหนึ่งเพียงแต่จะช้าหรือเร็วเท่านั้น

จึงได้แต่หวัง(อดีต)ภรรยาจะอยู่กับคนที่ “เลือก” และ “รัก” ให้มีความสุขตามประสาต่อไป.